หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

6 บ้านอันตราย เต็มไปด้วยกับดัก

โพสท์โดย warrior B

บ้านสมควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเจ้าของบ้าน ที่ชวยปกป้องอันตรายอะไรบางอย่างจากข้างนอก แต่น่าขันที่ 6 อันดับต่อไปนี้ บ้านได้กลายเป็นสถานที่อันตราย และน่ากลัวไปเสียได้ 

6. บ้านขยะของแลงลีย์    โคลเลอร์ (Langley Collyer's Trash Mansion)

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 มีสองพี่น้องชื่อ โฮเมอร์ และแลงลีย์ โคลเลอร์ เป็นที่รู้จักในชื่อพี่น้องโคลล์เยอร์ อดีตเป็นบุตรของแพทย์ที่ร่ำรวยและชื่อเสียงในแมนฮัตตัน หลังจากพ่อแม่เสียชีวิต โอเมอร์ก็เกิดตาบอด และแลงลีย์ผู้เป็นน้องชายได้ทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลพี่ชายของตนเอง โดยไม่พาเขาออกไปไหนเลย แม้แต่ไปหาหมอ 

ต่อมาพี่น้องทั้งสองถูกธนาคารมาไล่ที่  หากแต่แลงลีย์ได้พยายามโต้ตอบด้วยการเอาขยะกองใหญ่มาทับถมในแมนชั่น ชนิดที่ว่าข้างในแมนชั่นที่พี่น้องอาศัยอยู่เต็มไปด้วยขยะมหาศาล ทุกทางเข้าบ้านถูกบล็อกด้วยกองขยะถึง 140 ตัน มีทั้งหนังสือ เปียโน เรือแคนู และรถยนต์ที่ใช้ไม่ได้ รวมไปถึงหลุมพรางป้องกันผู้บุกรุก


อย่างไรก็ตาม วันที่ 21 มีนาคม 1947 มีการพบศพสองพี่น้องอยู่ในบ้าน ซึ่งกว่าจะไปถึงจุดที่พบศพยากลำบากมากเพราะเต็มไปด้วยภูเขาขยะ ก็พบแลงลีย์โดนกำแพงหนังสือพิมพ์ที่กองไว้เป็นเวลานานปีทับตาย ส่วนโฮเมอร์นั้นเสียชีวิตเพราะหัวใจวายเพราะขาดอาหารเสียชีวิตไม่เกินสิบชั่วโมง

5. วิลเลียม ฟิลด์ฮอฟ์ (William Feldhoff)


เมื่อวันที่ 18 กันยายน 1978 ไมเคิล เทรย์เนอร์ อายุ 26 ปีได้หายตัวไป จากเมือง บาร์เร รัฐออนแทริโอ แคนาดา ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็มีการพบร่างของเขาในคูน้ำตอนเหนือของเมือง ร่องรอยของศพมีพันธนาการ และเสียชีวิตจากการบาดเจ็บ ซึ่งตำรวจไม่สามารถหาตัวทำผิดได้นานกว่า 34 ปี 

จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม 2012 มีชายคนหนึ่งโดนัลด์ ฟิลด์ฮอฟฟ์ ได้สารภาพว่าได้ฆาตกรรมชายคนนั้น นอกจากนี้เขายังบอกว่าพ่อของเขาก็ช่วยเขาทิ้งศพได้

เมื่อตำรวจจับนายวิลเลียม ฟิลด์ฮอฟ์ที่เป็นพ่อของนายโดนัด์ ตำรวจก็ทำการค้นบ้านก็พบว่าบ้านหลังนี้ถูกดัดแปลงเพื่อรับมือกับสงครามโลก ที่วิลเลียมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น เขามีบังเกอร์ซีเมนต์ในสนามหลังบ้าน และห้องปฏิบัติการสารเคมีที่อยู่ในห้องใต้ดิน นอกจากนี้เขายังมีวัตถุระเบิดที่จะมีแผงควบคุมที่อาจระเบิดเมื่อใดก็ได้ ทำให้ตำรวจต้องเร่งอพยพเพื่อนบ้านกว่า 22 ครัวเรือนที่อยู่พื้นที่ใกล้เคียงออกไป 

และมันก็ต้องใช้เวลากว่า 12 วัน กว่าที่เจ้าหน้าที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ ทั้งปลดกับดัก หลุมพราง และยึดทรัพย์สินที่เต็มไปด้วยอาวุธปืน กระสุนอีกหมื่น และวัตถุระเบิด ส่วนนายวิลเลียมถูกตั้งข้อหาครอบครัวอาวุธปืนเถื่อนและถูกจำคุก 20 เดือน ส่วนนายโดนัลด์ถูกตัดสินคำคุกในข้อหาฆาตกรรมไมเคิล เทรย์เนอร์

4. หลังคาไฟฟ้าของจูเมอร์ เซลีมอวัก (Jumer Selimovski’s Electrified Roof)


ในปี ค.ศ. 2004 ชายชาวออสเตรเลียคนหนึ่งชื่อ จูเมอร์ เซลีมอวัก อาศัยอยู่ในเอบปิ้งได้ก่อความรุนแรงโดยการทำร้ายชายคนหนึ่ง ต่อมาเขาก็ถูกทำร้ายด้วยมีด เป็นเหตุทำให้เขาและครอบครัวต้องย้ายบ้าน หากแต่ปีต่อมาเขาก็ยังเชื่อว่าครอบครัวของเขาถูกคุกคาม มีใครบางคนปีนหลังคาบ้านของเขา และนั่นเองทำให้เขาต้องปกป้องตนเองและภรรยา และลูกห้าคนของเขา 

เขาจึงดัดแปลงบ้านทั้งหลังเป็นกับดัก ด้วยการปล่อยกระแสไฟฟ้า 254 โวลต์ ไปบนหลังคา และท่อระบายน้ำ และความแรงของไฟฟ้าอาจทำให้คนที่โดนเข้าไปอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็เสียชีวิตได้ 

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตจากกับดักขอจูเมอร์  ในเดือนมิถุนายน 2007 ตำรวจได้สังเกตนกตัวหนึ่งที่ไปเกาะหลังคาบ้านเกิดช็อกตาย และนั่นทำให้เขาถูกจับ ต่อมาเขาก็วางแผนที่จะย้ายบ้านพร้อมกับจะติดกับดักที่บ้านอีก แต่แผนดังกล่าวก็ล้มก่อน เพราะในเดือนสิงหาคม 2014 เขาก็ถูกจับหลังจากไปยิงชายคนหนึ่งตาย

3. เอ็ด และเอเลน บราวน์ (Ed and Elaine Brown)


ในปี 1996 เอ็ด และเอเลน บราวน์ คู่สามี-ภรรยา ถูกแจ้งข้อหาหลีกเลี้ยงภาษามากกว่า 625,000 ดอลลาร์ และเจ้าหน้าที่มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินของพวกเขา หากแต่พวกบราวน์มีแผนเหนือกว่านั้น นั่นคือพวกเขาขังตนเองในบ้าน แถมชลบทคองคอร์ด, รัฐนิวแฮมป์เชียร์ พร้อมกับทำให้บ้านเป็นป้อมปราการที่พื้นที่ 100 เอเคอร์รอบๆ บ้าน เต็มไปด้วยที่เต็มไปด้วยวัตถุอันตราย หลุมพราง ระเบิด กับดักร้ายแรง โดยบอกว่าพวกเขายอมตายดีกว่าที่จะติดคุก

ความขัดแย้งกินเวลานานกว่าหลายปี  ในที่สุดมันก็สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2007 เจ้าหน้าที่ได้ปลอมตัวเป็นผู้สนับสนุน ทำให้พวกบราวน์เชิญให้เข้ามาในบ้านจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จับทั้งสองได้โดยไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น

ในที่สุด พวกบราวน์ ถูกตัดสินลงโทษจำคุกเป็นเวลา 30 ปีในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วยกับดัก ส่วนบ้านของพวกบราวน์ก็ถูกนำไปประมูล โดยคนขายรับประกันว่าสารประกอบถูกพบและจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว 

ตอนแรกๆ ไม่มีใครจะซื้อมัน จนในที่สุดมันก็ถูกขายในราคา 205,000 ดอลลาร์

2. บ้านแห่งความตายของหลุยส์เดธตี้ (Louis Dethy's Death House)

ในเดือนพฤศจิกายน 2002 ตำรวจใน Pont-de-Loup เบลเยียมได้ไปบ้านหลังหนึ่ง และได้พบเจ้าของบ้านนาม หลุยส์เดธตี้เป็นวิศวกรเกษียณตายจากถูกปืนยิงที่คอ และเมื่อสำรวจไปรอบๆ บ้านพวกเขาก็พบปืนลูกซอง ทำให้ตอแรกตำรวจเชื่อว่าเขา ฆ่าตัวตาย เพราะปัญหาจากภรรยากำลังจะไล่เขาจากบ้าน

อย่างไรก็ตาม หลังจากตำรวจสืบลึกกว่านั้น เขาก็พบว่านายหลุยส์ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตาย แต่ตายเพราะความประมาณตอนติดตั้งกับดัก เรื่องของเรื่องคือหลุยส์เกิดความไม่พอใจภรรยาและลูกหลาน แถมเขากำลังถูกไล่ออกจากบ้าน เขาเลยเปลี่ยนบ้านให้เป็นกับดักขนาดใหญ่ โดยตำรวจพบว่าจุดต่างๆ ถึง 19 จุด ของบ้านเต็มไปด้วยกับดัก 

ไม่ว่าจะเป็น ผนังเพดาน เรื่องใช้ครัวเรือน จานอาหาร โทรทัศน์ ลังเบียร์ที่ในนั้นมีกับดักปืนลูกซองมันจะทำงานหากมีการหยิบขวดเบียร์ออกจากลัง โดยหวังว่าพวกมันจะฆ่าครอบครัวของเขา หากย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ แต่ด้วยความประมาททำให้กับดักมาโดนเขาเสียก่อน

1. เอช เอช โฮล์ม “ปราสาทฆาตกรรม” ( HH Holmes' “Murder Castle”)

หนึ่งในบ้านที่น่าสะพรึงกลัวมากที่สุดของฆาตกรต่อเนื่องนาม เอช เอช โฮล์ม ได้ถูกขนานนามว่า “ปราสาทฆาตกรรม” มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1886  หมอโฮล์มได้ย้ายไปอยู่ชิคาโกเพื่อทำธุรกิจขายยา หลังจากที่เขาโกงผู้รับเหมา เขาก็สร้างบ้านที่ราวกับปราสาทหัวมุมถนนบล๊อกที่ 63  ปราสาทที่ว่ามีห้องพัก 100 ห้อง ไม่มีหน้าต่าง และเขาก็เปิดเป็นโรงแรม

อย่างไรก็ตาม น้อยคนนักที่จะรู้ว่าปราสาทของหมอโฮล์มนั้นมีเบื้องหลัง ภายในปราสาทไม่แตกต่างอะไรไปจากเขาวงกต ที่ถูกออกแบบซับซ้อน ห้องพักทุกห้องมีทางลับอันวกวนเชื่อมอยู่ แต่ละห้องมีรูแอบมอง ผนังกลไกที่เลื่อนปิดเปิดได้ ท่อแก๊สซึ่งจะปล่อยแก๊สเข้าห้องพักแขกเพียงยื่นนิ้วไปกดปุ่ม หากเหยื่อสลบหรือตาย โฮล์มก็สามารถเคลื่อนย้ายศพมาโดยง่าย เพราะเขามีลิฟท์สำหรับขนศพลงไปยังห้องใต้ดิน ที่ไม่มีหน้าต่างซึ่งภายในเต็มไปด้วยเครื่องมือทรมานและชุดเครื่องมือผ่าตัดอย่างครบถ้วน ทำให้ห้องที่ว่าเต็มไปด้วยโครงกระดูก โดยโฮล์มนำไปขายที่โรงเรียนแพทย์ ส่วนที่เหลือนำไปเผาไม่ก็ใช้ถุงกรดทำลาย

โฮล์มได้ใช้ปราสาทฆาตกรรมของเขาในฐานะโรงแรมในช่วงในปี 1893 ซึ่งเป็นช่วงที่ชิคาโก้มีการจัดงานมหกรรมโลก (The Chicaco's World Fair มีแขกมาพักที่โรงแรมของโฮมส์อย่างไม่ขาดสาย และแขกที่ส่วนมากเป็นผู้หญิงไม่เคยออกจากปราสาทหลังนี้เลย ไม่มีใครรู้ตัวเลขที่แน่นอนของหญิงสาวที่หายไปในโรมแรมของโฮมส์ เขารับสารภาพในการฆาตกรรม 27 ราย แต่เมื่อมองจากหลักฐานที่พบแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าจะมีเหยื่อของเขาถึงกว่า 200 ราย 

โฮล์มถูกแขวนคอเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 1896 ส่วนปราสาทฆาตกรรมของเขาได้ถูกรื้อถอนเพราะสร้างไม่ได้มาตรฐาน

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: zerotype, Thorsten, jujuuuu
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สาวพม่ารีวิว! ค่าใช้จ่ายในการมาเรียนที่ประเทศไทย?หนูอายเพื่อน!! ลูกสาวถึงกับร้องไห้ หลังคุณพ่อสายแฟ (ชั่น) มารับที่โรงเรียน ถึงกับถาม “พ่อไม่มีชุดธรรมดาปกติกับเค้าบ้างเหรอ” 😆ชาวเน็ตท้าหนุ่มกินกาแฟทุกยี่ห้อ..ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาจะรับคำท้าสถานีรถไฟของจีนที่ถูกชาวเน็ตล้อเลียน ว่า "เหมือนผ้าอนามัย"..?iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!5 ราศีที่มีพญาครุฑคุ้มครองนักวิทยาศาสตร์เผย? “มนุษย์ทุกคนจะมีคนที่หน้าเหมือนเราอีก 7 คน อยู่ทั่วโลก”คำทำนายวันสิ้นโลกจาก"นักวิทยาศาสตร์"นี่คือ หนังสือโบราณ (อายุ 140 ปี) ที่ปกทำมาจาก "ผิวหนังมนุษย์"?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หลอนทั้งอพาร์ทเมนต์! คนใช้น้ำแทบช็อก..หลังพบศwในแทงค์น้ำบนชั้นดาดฟ้าunpredictable: คาดการณ์ไม่ได้ ทายไม่ถูก5 ราศีที่มีพญาครุฑคุ้มครองครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย โพสหยอดหวาน ลั่น "เมื่อไหร่จะได้ยกเอวเขาน้อ"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน ในอิหร่านอิหร่านเปิดระบบป้องกันภัยทางอากาศ เมืองอิสฟาฮานเตรียมปฏิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่จังหวัดกระบี่คิดได้ไง ไอเดียกระฉูด
ตั้งกระทู้ใหม่