เปิดตำนานในอดีต"ภูเขาไฟกรากะตัว" อินโดนีเซียระเบิดครั้งใหญ่ สะเทือนถึงแผ่นดินสยาม!!
ตำนาน พลุลูกใหญ่จาก "ภูเขาไฟกรากะตัว" เปิดบันทึก "กรมพระยาดำรงฯ" เผย ร.๕ พระราชทานเงินหลวงช่วยเหลือผู้ประสบภัย !!
ก่อนหน้านี้ กรากะตัวมีการระเบิดครั้งเล็กครั้งใหญ่มาเรื่อยๆ และการระเบิดของกรากะตัว ครั้งรุนแรงได้ถูกบันทึกไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๔ (ค.ศ.๑๖๘๑) จากนั้น ภูเขาไฟ กรากระตัวก็หลับสนิท ยาวนานนับร้อยปี มิเคยส่งเสียงคำรามบอกกลางร้าย ผู้คนเข้าไปอาศัยความอุดมของผืนป่าทำเกษตรกรรม และเข้าไปเก็บผลไม้และพืชพันธุ์ตามเนินเขาอยู่เป็นประจำ
กระทั่ง วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๒๖ (ค.ศ.๑๘๘๓) ราวกับมีกบน้อยไปจุมพิตปลุกเจ้าหญิงนิทราให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เปล่งเสียงกึกก้อง เถ้าถ่านควันไฟ เศษหินปลิวว่อน ผู้คนอพยพหนีตาย เมื่อมันสงบลง การระเบิดครั้งเล็กๆ มีตามมาอย่างถี่ๆ นับเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า อีกไม่นาน การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ท่าที่มีการจดบันทึกไว้ในโลก กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครา และเมื่อเวลานั้นมาถึง วันที่ ๒๖ สิงหาคม ในปีเดียวกัน
การระเบิดครั้งใหญ่ก็ได้เริ่มขึ้น ชาวเรือที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบกิโลเมตร สามารถเห็นการระเบิดได้ชัดเจนน้ำบริเวณรอบเกาะร้อนขึ้นจนสัมผัสได้ ตามด้วยการระเบิดขนาดกลางตามมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนถึงรุ่งสางของวันที่ ๒๗ การระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด อวสานแห่งกรากะตัวก็เกิดขึ้น เถ้าภูเขาไฟถูกพ่นขึ้นสู่ฟากฟ้าสูงถึง ๘๐ กิโลเมตร แผ่นดินไหวรุนแรง บนฟากฟ้ามีฟ้าแลบฟ้าร้อง เศษของการระเบิดกระจัดกระจายทักทายไปถึงแดนห่างไกล ขึ้นไปทางเหนือถึงสิงคโปร์ และที่ห่างออกไปพันกว่ากิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่เกาะ Kelling รวมแล้วแผ่ปกคลุมพื้น ที่โดยรอบในรัศมีถึง ๗๕๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร
เงยหน้ามองดูท้องฟ้า พระอาทิตย์อันแรงกล้าถูกม่านหมอกของเถ้าภูเขาไฟบดบังจนแลดูเปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วงของทางยุโรปมองเห็นดวงอาทิตย์ตกเป็นสีแดงแปลกตาดังรูปวาดของจิตกรชาวอังกฤษ เสียงระเบิดคำรามไกลออกไป ไม่เพียงชาวปัตตาเวีย (Batavia) ที่อยู่ห่าง ๑๕๐ กิเลเมตร แต่เสียงยังได้ยินไปไกลถึงออสเตรเลีย และผู้คนบนเกาะโรดริเกซ (Rogriguez) ซึ่งอยู่ไกลจาก Krakatau ถึง ๔,๖๕๓ กิโลเมตร กล่าวกันว่านี่คือเสียงที่กึกก้องกัมปนาทมากที่สุดในโลก
เพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยย่อมหนีไม่พ้น การระเบิดในครั้งนั้นตรงกับสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีบันทึกของพระองค์เจ้าดิศวรกุมารที่ต่อมาทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวว่า
"เมื่อข้าพเจ้าบวชอยู่วัดนิเวศน์ฯ ประจวบกับมีเหตุสำคัญอย่างหนึ่งซึ่งควรจะเล่า เพราะคนภายหลังยังไม่มีใครได้เคยพบเหตุเช่นนั้น เมื่อเดือนสิงหาคมจะเป็นวันใดข้าพเจ้าไม่ได้จดไว้ แต่อยู่ในระหว่างวันที่ ๒๗ จนถึงวันที่ ๓๐ เวลาบ่าย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่ตำหนักได้ยินเสียงดังเหมือนยิงปืนใหญ่ไกลหลายนัด นึกในใจว่าคงยิงสลุตรับแขกเมืองที่เข้ามากรุงเทพฯ ครั้นเวลาเย็นลงไปนั่งเล่นที่สะพายท่าน้ำตามเคย ไปพูดขึ้นกับพระที่อยู่มาก่อน ท่านบอกว่าที่วัดนิเวศน์ฯ ไม่เคยได้ยินเสียงปืนใหญ่ยิงในกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าไม่เห็นเป็นการสำคัญก็ไม่ค้นหาเหตุผลต่อไป
ครั้นรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง เห็นแสงแดดเป็นสีเขียวตลอดวัน คนทั้งหลายพากันพิศวงทั่วไปในท้องถิ่น ที่ตื่นตกใจก็มี แต่ในวันต่อมาก็กลับเป็นปกติตามเดิม เป็นหลายวันจึงทราบข่าวว่าภูเขาไฟระเบิดที่เกาะกระกะเตา ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะชวาและเกาะสุมาตรา คนตายหลายหมื่น เสียงภูเขาไฟระเบิดและไอที่ออกบังแสงแดด ทั้งละลอกน้ำในท้องทะเลแผ่ไปถึงนานาประเทศไกลกว่าที่เคยปรากฏมาแต่ก่อน เรื่องที่ข้าพเจ้าเล่านี้ถ้าใครจะใคร่รู้โดยพิศดาร จงไปดูในหนังสือเอนไซโคลปีเดีย บริแตนนิคะ ตรงอธิบายเรื่องเกาะกระกะเตาก็จะรู้ชัดเจน"
อีกทั้งยามนั้นไทยตกอยู่ในยามศึกกับฝรั่งเศส จึงอดไม่ได้ที่จะให้มีการระแวงว่าเป็นเสียงปืนใหญ่ที่จะบุกมาทำการสงคราม จนสถานการณ์คลี่คลายจึงได้ชี้แจงกันให้สิ้นสงสัย ในครานั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ แลสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาราชเทวี ได้โปรดเกล้าพระราชทานเงิน เป็นเงินหลวง ๑๐๐ ชั่ง ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนาราชเทวีทรงสมทบอีก ๕๐ ชั่งรวมเป็นเงิน ๑๕๐ ชั่ง ให้แก่คนที่ได้ความทุกข์ยากด้วยเหตุการณ์ครั้งนี้
Cr# phenkhow. Com💐