เข้าสู่วันที่ 7! ช้างอยุธยาช่วยตามหาเด็กหายในไร่อ้อย ไล่ดูบ้านร้างตามคำร่างทรงก็ไม่พบ
สุพรรณบุรี -จากกรณีที่ ด.ช.ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ 1 เดือน ชาวพม่า หายไปอย่างไร้ร่อยรอยจากไร่อ้อย ห่างจากริมถนนมาลัยแมน 3 กม. ลึกไปในถนนทางเข้าหมู่บ้าน หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน Labour Rights Promotion หรือ LPN เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหน่วยงานต่างๆในพื้นที่และชาวบ้าน ต่างช่วยกันระดมกำลังเข้าค้นหาหนูน้อยรายนี้มาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ 7 วันแล้ว แต่ยังไร้วี่แวว
จนท.ได้เดินปูพรมค้นหาหนูน้อยในไร่อ้อยบริเวณด้านหลังซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร บนพื้นที่ 200 ไร่ โดยให้เดินจากพื้นที่ที่ไกลที่สุดตีวงล้อมจนมาถึงใกล้ที่เกิดเหตุซึ่งยังไม่พบ ส่วนที่มีร่างทรงบอกว่าในการทำพิธีเกี่ยวกับเด็กว่าให้ไปดูบริเวณบ้านร้าง 3 หลังที่ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 1 กิโลเมตร
จากการตรวจค้นหาไม่พบตัวเด็กที่สำคัญประวัติของบ้านร้างหลังนี้เจ้าของเปิดตำหนักร่างทรงกุมารทองและได้เสียชีวิตลงไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว สำนักสงฆ์แห่งนี้จึงถูกทิ้งร้าง ส่วนญาติพี่น้องก็ไม่กล้ามาดูแลหรือรื้อทิ้งแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในพื้นที่ได้มีพระพิภพ สีลสัทโท ได้เดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวหนูน้อยที่หายตัวไป พร้อมกับแจกภาพพระพุทธเจ้าและร็อคเก็ตรูปพระพุทธเจ้าจำนวน 5,000 ชุด ให้แก่ชาวบ้าน เพื่อให้เป็นพระพุทธบูชาและอธิษฐานขอพรพระพุทธเจ้า ส่งแรงใจกำลังใจให้ค้นหาเด็กให้พบโดยเร็ว
ขณะที่นายลายทองเหรียญ มีพันธ์ อายุ 61 ปี ประธานมูลนิธิพระคชบาล นำควาญช้างจิตอาสา 8 คน พร้อมช้างแสนรู้ของวังช้างอยุธยา แลเพนียด จ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีความชำนาญผ่านประสบการณ์การเดินป่า จำนวน 4 เชือก คือช้างพลายมรกต พลายสยาม ช้างพังพุฒตาล และพังบุหงา เพื่อมาช่วยค้นหาเด็ก
สำหรับช้างชุดนี้มีประสบการณ์เดินป่ามาแล้ว ที่สำคัญตาของช้างจะอยู่ด้านข้างใบอ้อยไม่สามารถบาดทำอันตรายได้ หัวช้างจะทำหน้าที่แหวกเปิดทาง งวงชูยกสูง ติดตามหากลิ่นเด็กที่ตามหา และยังมีแผนจะเพิ่มช้างอีกหากยังไม่พบเพื่อเคลียร์พื้นที่เป้าหมายทั้งหมด
ด้าน นายนิมิต วันไชยธนวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ระบุยังคงเดินหน้าค้นหาทั้งในไร่อ้อย ตามแหล่งน้ำ ที่สงสัยพร้อมขยายพื้นที่ให้เป็นวงกว้างมากขึ้นตามที่หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายมูลนิธิกระจกเงา ซึ่งมีประสบการณ์สูงในการติดตามคนหาย ในกรณีเด็กที่หายไปนั้นเด็กสามารถเดินทางได้ไกลหลายกิโลเมตร ซึ่งรายนี้เด็กที่หายตัวไปเป็นชาวเมียนมามีร่างกายที่แข็งแรง และอดทนมากด้วย เชื่อว่าเด็กจะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนประเด็นการถูกจับลักพาตัวไป เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ยังไม่ตัดทิ้งไป
พร้อมกันนี้ได้รับการประสานงานนายชรินทร์ อัมระรงค์ วิศวกรบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) มีความประสงค์จะนำเครื่องโซนาร์ความถี่สูงเกินกว่าหูมนุษย์จะได้ยินผ่านไปในน้ำ ซึ่งคลื่นเสียงนี้จะมีความถี่ประมาณ 50,000 รอบต่อวินาที เมื่อเสียงนั้นเดินทางไปกระทบวัตถุ เช่น สิ่งมีชีวิต เรือดำน้ำ หรือพื้นทะเล ก็จะสะท้อนกลับมาเข้าเครื่องรับ เครื่องรับจะทำการวัดช่วงเวลาที่เสียงเดินทางไป มีประสิทธิภาพสูงเข้ามาช่วยสนับสนุนค้นหาตัวเด็กน้อย วัย 2 ขวบสายเลือดเมียนมารายนี้ด้วย