แม่ชี'ปรี้ดแตกโวยลั่น!!! ถูกใส่ร้ายว่านอนกับพระ
แม่ชีจันทร์เพ็ญ ซึ่งอยู่ที่วัดชุมพรรังสรรค์หรือวัดเหนือ พระอารามหลวง ตำบลนาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร เดินทางเข้าพบตำรวจโรงพักเมืองชุมพร เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับแม่ชีแป้นซึ่งอยู่วัดเดียวกันในข้อหาหมิ่นประมาท โดยมีแม่ชีอลิสอยู่ในที่เกิดเหตุมาเป็นพยานให้แม่ชีจันทร์เพ็ญผู้เสียหายด้วย
แม่ชีจันทร์เพ็ญ เล่าว่า เช้าวันอาทิตย์ที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะตนและแม่ชีอลิสเดินรับบิณฑบาตญาติโยมอยู่บริเวณถนนหน้าตลาดเขตเทศบาลเมืองชุมพรโดยมีโยมเรียกนิมนต์เพื่อจะใส่บาต แม่ชีแป้น ซึ่งเดินอยู่ใกล้กันบอกว่าไม่ต้องเข้ามาเขาไม่ใส่ และได้ใช้วาจาด่าพร้อมชี้มายังตนต่อหน้าบุคคลอื่นซึ่งเป็นแหล่งชุมชนผู้คนพลุกพล่านและกล่าวหาว่า “แม่ชีนี้กอดกับพระกลางตลาดเลย กอดกันตัวกลม” พร้อมทั้งยังหันไปพูดว่าตนต่อหน้า แม่ชีอลิสอีกว่า “อีแต๋ว(ชื่อเล่นของผู้เสียหาย)มันกอดกับพระตัวกลมบนถนนเลย และมีผัวเป็นพระจริงอยู่ด้วยกันเลยที่วัด แต่ผัวโดนไล่ไปแต่ตัวมันเองไล่แล้วไม่ไป” ซึ่งพูดด่าว่าอยู่นานประมาณครึ่งชั่วโมง
ขณะที่ แม่ชีอลิส ให้การว่า แม่ชีรูปนี้เคยโดนไล่ออกจากวัดไปแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากสาเหตุพูดจาหยาบคาย มือไวใจเร็วชอบเดินขอในตลาด ทุกวันนี้ก็ยังทำและยังด่าพระส่วนพระท่านก็ไม่เอาเรื่อง
แม่ชีจันทร์เพ็ญ กล่าวอีกว่า การกระทำของแม่ชีแป้นนั้นทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมากซึ่งเป็นการใส่ร้ายป้ายสีโดยไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว ตนจึงเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีเพราะตนบวชเป็นแม่ชีมาแล้ว 10 พรรษา ตนรับไม่ได้กับการด่าว่าใส่ร้ายป้ายสีเพราะจะทำให้ชาวบ้านแจ้งในตลาดที่มีความศรัทธาเกิดการเข้าใจผิดได้ข ณะนี้ตนรับภาระเลี้ยงดูสุนัขที่ถูกปล่อยวัดประมาณกว่า 50 ตัวก็หนักหนาสากันอยู่แล้วอย่าให้มีเรื่องอื่นๆมาทำให้ตนต้องลำบากใจเลย
ด้านตำรวจเจ้าของคดี เปิดเผยว่าสอบสวนผู้เสียหายและพยานผู้เกี่ยวข้องแล้วได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามแม่ชีแป้น คู่กรณีมาสอบสวนแต่เบื้องต้นแม่ชีแป้นให้การปฏิเสธ แต่ด้วยหลักฐานพยานพร้อมจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามกฎหมายอาญา มาตรา 326 ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่ 3 ทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผิดฐานหมิ่นประมาท ฐานต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนอนุญาตให้แม่ชีแป้นเดินทางกลับวัด
ต่อมาพระครูสุทัศน์ธรรมชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส เรียกแม่ชีทั้งสองเข้าพบเพื่อสอบถามปัญหาที่เกิดขึ้น โดยแม่ชีแป้นให้การต่อพระครูสุทัศน์แบบพูดจาสับสน และยอมรับว่าพูดจาด่าทอแม่ชีจันทร์เพ็ญต่อผู้คนในตลาดจริง แต่ให้การปฏิเสธต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วยังกล่าวต่อหน้าพระครูสุทัศน์ฯผู้ช่วยเจ้าอาวาสอีกว่า แม่ชีจันทร์เพ็ญยังเคยกอดกันกับพระอีกรูปในตลาดเหมือนกันตอนฝนตกขณะกางร่มให้กัน โดยเป็นพระ ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลตากแดด อ.เมืองชุมพร พระครูสุทัศน์ฯ จึงให้พระลูกวัดไปตามเจ้าอาวาสของพระที่แม่ชีแป้นกล่าวอ้าง โดยเจ้าอาวาสขอยืนยันว่าพระลูกวัดตนไม่ได้เดินบิณฑบาตมานานแล้วเพราะไปอยู่ดูแลแม่ที่บ้านเป็นไปไม่ได้ที่จะไปยืนกอดกันกลางตลาดตามที่แม่ชีแป้นกล่าวอ้าง
สุดท้ายพระครูสุทัศน์เค้นสอบถามแม่ชีแป้นว่าทำไมถึงได้ไปด่าแม่ชีต่อหน้าชาวบ้านที่กำลังตักบาตซึ่งเป็นการทำให้แม่ชีเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกิดการเข้าใจผิด แม่ชีแป้นตอบว่า “ฉันไม่อยากให้ใครเดินตามหลังฉัน ฉันไม่ยุ่งกับใครแล้วใครอย่ามายุ่งกับฉัน” พระสุทัศน์จึงพูดสวนไปว่าถ้าไม่คบกันก็เชิญออกจากวัดไปได้เลย เป็นพระเป็นชีต้องอยู่ในศีลในธรรม”
พระครูสุทัศน์ บอกว่าเรื่องนี้ใครผิดคือผิดทั้งคู่ แม่ชีจันทร์เพ็ญก็ผิดเนื่องจากไม่พูดคุยกับเจ้าอาวาสก่อนแจ้งความเพื่อให้ทางคณะสงฆ์จัดการกันภายใน ส่วนแม่ชีแป้นก็ผิดและเข้าข่ายร้ายแรงเพราะถึงขนาดใส่ความทำให้ผู้อื่นเสียหายเรื่องจึงถึงตำรวจ พระครูสุทัศน์ฯผู้ช่วยเจ้าอาวาสกล่าว หลังจากนั้นต่างแยกย้ายกันกลับ