หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผู้พิพากษาอาวุโส ชี้พ.ร.บ.ไซเบอร์ สุดเผด็จการ! กระทบสิทธิ-เสรีภาพ สร้างรัฐตำรวจเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรู

Share แชร์บอร์ด ข่าววันนี้ โพสท์โดย warrior B

ผู้พิพากษาอาวุโส ชี้พ.ร.บ.ไซเบอร์ สุดเผด็จการ! กระทบสิทธิ-เสรีภาพ สร้างรัฐตำรวจเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรู

ผู้พิพากษาอาวุโส เปิดแถลงร่ายยาวค้าน พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ชี้สุดอันตราย ทำลายหลักถ่วงดุล เป็น กม.เผด็จการ กระทบสิทธิ-เสรีภาพ เป็นการสร้างรัฐตำรวจเป็นเครื่องมือกำจัดศัตรู

 

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา  นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ แถลงข่าวในนามของนักกฎหมายมหาชนที่ศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ ที่มีความเป็นห่วงต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยเชิญผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จำนวน 2 คน มาร่วมสังเกตการณ์และฟังการแถลงข่าวเกี่ยวกับความเห็นถึงร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เคยสั่งการฝ่ายกฎหมายไปทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งในเรื่องการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงควรพิจารณาว่าจะมีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจกันอย่างไร

         

นายศรีอัมพรกล่าวว่า ทราบว่าร่างดังกล่าวที่มีการแก้ไขแล้วจะถูกนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ จากเดิมที่มีข่าวว่าจะเสนอในวันที่ 20 พฤศจิกายน ซึ่งจากการที่ได้อ่านร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. … ที่มีการแก้ไขไปแล้วพบว่ามีหลักการและเหตุผล ดังนี้

 

1.มีเจตนารมณ์ที่จะวางมาตรการป้องปรามการกระทำผิดทางไซเบอร์ ซึ่งกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของรัฐ โดยกระทรวงดีอีผู้เสนอร่างอ้างเหตุผลว่า ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความรุนแรงยากแก่การป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดไซเบอร์ จึงจำเป็นต้องออก พ.ร.บ.นี้

2.มีการตั้งคณะกรรมการกำกับ ดูแลโครงสร้างการทำงานของการใช้กฎหมายฉบับนี้

3.จัดให้มีคณะกรรมการป้องกันความ ปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติขึ้น มีชื่อว่า “กปช.” มีอำนาจมากในการกำกับดูแล เจ้าพนักงานซึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงาน กปช.

4.มีการใช้ อำนาจ กปช.และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่พบการ กระทำความผิดหรือสงสัยว่าจะมีการกระทำ ความผิดทางไซเบอร์ มีอำนาจเรียกให้หน่วยงาน ของรัฐและหน่วยงานของเอกชน ตลอดจน ผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์ ระบบสารสนเทศ ระบบผู้ใช้บริการทางไซเบอร์ เช่น แอดมิน เพจผู้ที่ประกอบธุรกิจในการใช้บริการทางไซเบอร์ต้องเข้าพบและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานที่น่าสงสัยว่าเป็นการกระทำผิดหรือน่าสงสัยว่าจะกระทำผิดต่อเจ้าพนักงาน

         

“กปช.มีอำนาจบังคับใช้หน่วยงานของรัฐและเอกชน ผู้ประกอบการเกี่ยวกับไซเบอร์ ทำรายงาน โครงสร้าง ความเสี่ยงและแผนป้องกันการกระทำผิดทางไซเบอร์ส่งให้แก่ กปช.ตามที่ กปช.กำหนด หรือตามคำสั่งของ กปช. ซึ่งจะมีอำนาจให้เจ้าพนักงาน กปช.เข้าไปในเคหสถานตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (SERVER) หน่วยความจำ (HARD DRIVE) อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการทางไซเบอร์ เช่น เว็บไซต์ ผู้ใช้บริการ แอดมิน เครื่องวิทยุโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่จำต้องมีหมายค้น แม้ยังไม่มีคดีความหรือการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในคดีอาญา กปช.ก็มีอำนาจตรวจยึดอุปกรณ์ทางไซเบอร์เหล่านั้นได้ โดยอำนาจดังกล่าวเป็นอำนาจที่สามารถใช้ได้อย่างไม่จำกัด ไม่มีองค์กรฝ่ายตุลาการเข้ามาตรวจสอบหรือถ่วงดุล” นาย ศรีอัมพรกล่าว

 

นอกจากนี้ยังมีบทกำหนดโทษตั้งแต่มาตรา 61-68 ในกรณีที่ผู้ดำเนินการทางไซเบอร์ไม่ว่าภาครัฐหรือเอกชน ไม่ส่งรายงานการควบคุมการทำงานของไซเบอร์ในความครอบครองของตน การขัดขวางไม่ยอมให้ เจ้าพนักงานของ กปช.ตรวจยึดเครื่องอุปกรณ์ทางไซเบอร์ การที่บุคคลหรือนิติบุคคลปฏิเสธ ไม่ยอมบอกรหัสผ่าน เพื่อเปิดอุปกรณ์ทางไซเบอร์กฎหมายนี้ให้นายกฯเป็นผู้รักษาการ

         

นายศรีอัมพรกล่าวว่า มีความเห็นว่าหากร่าง พ.ร.บ.นี้มีการใช้บังคับ จะมีผลกระทบดังนี้

1.เป็นการทำลายหลักการและโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตย

2.ทำให้กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และสิทธิความเป็นมนุษย์ สิทธิทางการเมือง สิทธิความเป็นส่วนตัว ถูกทำลาย 3.ทำให้กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นระบบที่ใช้ในระบอบประชาธิปไตยเกิดความล้มเหลว

4.เป็นการทำให้โครงสร้างการปกครองจากนิติรัฐกลายเป็นรัฐตำรวจ ผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองและเป็นฝ่ายบริหารจะให้กฎหมายนี้ กำราบปราบปรามศัตรูทางการเมือง ศัตรูทางความคิดที่ไม่ตรงกับผู้ปกครองได้โดยง่าย

5.ทำให้ประเทศชาติไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ เพราะโครงสร้างระบอบประชาธิปไตยถูกบิดเบือนไป เป็นระบบคณาธิปไตย

6.เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุนจากประเทศอื่น เนื่องจากผู้ค้าและผู้มาลงทุนไม่ไว้วางใจในการจะถูกล่วงละเมิดความลับทางการค้า ทางลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตร ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าและเครือข่ายการทำธุรกิจ

7.จะทำให้เป็นการบั่นทอนความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เนื่องจากจะไม่มีนักลงทุนจากต่างประเทศที่กล้ามาลงทุน

8.ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมทรามและไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย

         

“การให้อำนาจเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติมากเกินไปในการจับ ค้น ขัง ยึด โดยไม่ผ่านกระบวนการศาล จะทำให้กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน สิทธิทางการเมือง สิทธิความเป็นส่วนตัว และจะทำให้กลายเป็นเครื่องมือปราบปรามฝ่ายตรงข้าม เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน

บั่นทอนความมั่นคงทางเศรษฐกิจ แม้ร่างกฎหมายบอกว่าจะใช้วิธีการดังกล่าวกับกรณีกระทบความมั่นคงและเป็นเรื่องร้ายแรงเท่านั้น แต่คำว่า “ร้ายแรง” มันแค่ไหน เป็นดุลพินิจหรือไม่ ซึ่งดุลพินิจแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่มีมาตรฐาน ไม่เหมือนระบบการตรวจสอบโดยศาล กฎหมายที่ออกมาแบบนี้เขาไว้ใจคน ไม่ไว้ใจระบบ แต่ของศาลยึดหลักที่ว่าไว้ใจระบบ ไม่ไว้ใจคน เพราะระบบดีสามารถควบคุมคนได้ ” นายศรีอัมพรกล่าว

 

นายศรีอัมพรกล่าวว่า ช่วงการร่างกฎหมาย คณะผู้ร่างไม่ได้เชิญผู้แทนจากสำนักงานศาลยุติธรรมเข้าไปรับฟังหรือให้ข้อมูล ทั้งที่มีประเด็นเกี่ยวกับการจับ การค้น การยึด ซึ่งเป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาชั้นต้น และมีโทษทางอาญา ซึ่งต้องให้ศาลชั้นต้นที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่เกิดเหตุหรือศาลอาญา มีอำนาจออกหมาย

ซึ่งการให้อำนาจเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานของฝ่ายบริหารมากเกินไปจะเป็นอันตรายที่จะใช้ดุลพินิจล่วงเกินสิทธิเสรีภาพประชาชน ในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและสามารถที่จะไปยึดอายัดบังคับให้บอกรหัสปลดล็อก และอาจทำให้ข้อมูลเหล่านั้นถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่ชอบได้

         

นายศรีอัมพรกล่าวอีกว่า สมัยก่อนเคยให้อำนาจตำรวจจับเอาไปสอบสวนโดยไม่ต้องมีหมายศาล เรียกว่าจับมาก่อนแล้วค่อยแจ้งข้อหา แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับการยอมรับเลยมีการแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่า การจะไปจับบุคคลตัองขอหมายจับหมายค้นของศาลก่อน หรือจับมาแล้วภายใน 48 ชั่วโมงต้องขออำนาจศาลฝากขัง ตามหลักถ่วงดุลตรวจสอบ และตนเห็นว่ามาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพ์ ก็เพียงพอแล้ว ยิ่งมีกฎหมายไซเบอร์จะร้ายแรงกว่า ถ้าเกิดรัฐบาลใหม่อ่อนไหวต่อการเสนอข่าวขึ้นมา สื่อมวลชนจะทำงานลำบาก เพราะรัฐสามารถที่จะยึดเอาข้อมูลที่สื่อมวลชนไปหามาได้

         

“อยากถามว่ากระทรวงดีอีไม่มีบุคลากรหรือเครื่องมือที่มีความสามารถเลยหรืออย่างไร ถึงมาผลักดันร่างกฎหมายลักษณะแบบนี้ การที่เราออกกฎหมายให้อำนาจความสะดวกแก่เจ้าพนักเจ้าหน้าที่ เท่ากับเราละเลย เพิกเฉยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน การกระทำในลักษณะแบบนี้มันจะไม่สอดคล้องกับบริหารในประชาธิปไตย แต่จะเป็นลักษณะลัทธิเผด็จการ ทั้งนี้ อาจจะเป็นความตั้งใจและเจตนาดีของกระทรวงดีอี ในการปราบปรามการกระทำผิด ที่คิดว่าการปราบปรามการทำได้ยาก ที่จะติดตามการกระทำผิด แต่ไม่มีประเทศไหนออกกฎหมายแบบนี้” นายศรีอัมพรกล่าว

นายศรีอัมพรกล่าวอีกว่า ศาลยุติธรรมไม่ถือเป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลหรือใคร เพราะเป็นหน่วยงานของรัฐด้วยกัน แต่ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายรัฐธรรมนูญ ศึกษาทั้งกฎหมาย ปกครองและกฎหมายระหว่างประเทศ ได้มอง ปัญหาในจุดนี้

คนอื่นอาจมีการละเลย แต่กฎหมายที่มีผลกระทบต่อรัฐธรรมนูญ ปกครองหรือระหว่างประเทศจะต้องรู้ และแจ้งให้รัฐบาลทราบถึงผลกระทบที่ร้ายแรง ผลประโยชน์ที่ได้มันน้อยมากเหลือเกินเมื่อเทียบกับผลเสียหายที่มากมาย หากออกมารัฐบาลต่อไปจะลำบาก เพราะประเทศกำลังเข้าสู่โหมดประชาธิปไตยที่จะต้องมีการเลือกตั้งในปีหน้า

ขอบคุณที่มา: https://www.thaiquote.org/content/55120
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
8 VOTES (4/5 จาก 2 คน)
VOTED: karn23, paktronghie
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
10 ผลไม้ที่ช่วยเรื่องท้องผูกได้ผลดีสุดๆรพ.แม่ลาน แจง! "บังชาติ"หรือ"แม่หญิงลี" ไม่ได้เป็นบุคลากรรพ.แม่ลาน หลังบุคคลดังกล่าวทำให้เกิดความเข้าใจผิด!รวบแล้ว 1 มือวางเพลิงป่วนใต้10 เคล็ดลับในการฮีลใจตัวเอง สามารถทำได้อย่างไรบ้าง มาดูกันจ้า
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อ่านนิยายไร้สาระจริงหรือ"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
หนุ่มพ่นน้ำลายนาน 5 นาที กลายเป็นสถิติโลก!!เกิดเหตุทะเลาะวิวาททั่วสนามบินรัวซีรัสเซียส่งเรือรบไปทะเลแดงแล้วปูตินยัน "รัสเซียพร้อมสอย เครื่องบินรบนาโต"
ตั้งกระทู้ใหม่