การช่วยเหลือจากจีนนั้น ไม่ได้มาฟรีๆ ไทยจะต้องจ่ายบทเรียนราคาแพง สำหรับการพึ่งพาจีนที่มากเกินไป
นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ ประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แชร์ลิงค์ข่าวและแปล จาก straitstimes.com ว่าไทยจะต้องจ่ายบทเรียนราคาแพง สำหรับการพึ่งพาจีนที่มากเกินไป บนเฟซบุ๊กที่ชื่อ Tanawat Wongchai โดยโพสท์ระบุว่า
“ไทยจะต้องจ่ายบทเรียนราคาแพง สำหรับการพึ่งพาจีนที่มากเกินไป”
- โครงการ belt and road (หรือ BRI แต่เดิมชื่อว่าโครงการ One belt One road) ของจีนที่จะเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ทั่วโลก (65 ประเทศ มีขนาด GDP คิดเป็น 30% ของโลก ประชากรคิดเป็น 62% ของโลก และทรัพยากรคิดเป็น 75% ของโลก) นั้น มีเป้าหมายเพื่อขยายอิทธิพลและอำนาจต่อรองของจีนในฐานะ “มหาอำนาจ” แทนที่สหรัฐฯ
- รัฐบาลจีนลงทุนในโครงการนี้กว่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนมากใช้ไปในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เช่น ถนนและรถไฟ
- ผลกระทบจากการเร่งตัวของการค้า การลงทุน และความช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐบาลจีนบนผืนแผ่นดินใหญ่ของอาเซียน ทำให้บริเวณดังกล่าวกลายเป็น “เศรษฐกิจขอบนอกของจีน” ไปโดยปริยาย
- เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน รัฐบาลจีนจึงให้การสนับสนุนรัฐบาลระบอบอำนาจนิยมในอาเซียน
- เช่นเดียวกับรัฐบาลทหารไทย ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนมาโดยตลอด ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโลกตะวันตก
- ในขณะที่กัมพูชาก็เพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตราบใดก็ตามที่กัมพูชายังรับความช่วยเหลือจากจีนอยู่
- แต่การรับความช่วยเหลือจากจีนนั้น มันไม่ได้มาฟรีๆ เพราะ โครงการ BRI ได้ทิ้งภาระหนี้สินอย่างมหาศาลไว้ให้กับประเทศที่รับความช่วยเหลือจากจีน เพราะ จีนได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดที่ปล่อยกู้โดยผู้ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาอื่นๆ เช่น ธนาคารโลก, IMF
- กรณีศึกษาเรื่องการกู้ยืมเงินจากจีน เห็นได้จากปากีสถานและศรีลังกา ที่ต้องแบกรับภาระหนี้ที่สูงในปัจจุบัน โดยเฉพาะศรีลังกา ถึงกับต้องขายท่าเรือน้ำลึกให้จีน หลังจากกู้ยืมเงินจากจีนมาสร้างท่าเรือดังกล่าว แต่ไม่สามารถสร้างรายได้ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงดูพนักงานได้
- นอกจากนี้ยังมีกรณีของมาเลเซีย ที่ประกาศระงับโครงการลงทุนเส้นทางรถไฟของจีนในมาเลเซีย มูลค่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติ มูลค่า 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยระบุว่าเงินกู้และมูลค่าโครงการนั้นสูงเกินไป และรัฐบาลมาเลเซียไม่มีศักยภาพมากพอที่จะจ่ายคืนได้
- สัญญาณเช่นนี้ควรเป็นสัญญาณเตือนไปยังประเทศอื่นๆ ให้ทบทวนพันธะตามข้อตกลง BRI อีกครั้ง
- แต่รัฐบาลทหารของไทยกลับยังคงมองไม่เห็นถึงปัญหาของการพึ่งพาจีนมากเกินไปทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจของไทยกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การลงทุน และการค้าที่เชื่อมโยงกับจีนอย่างไม่ลังเลใจ ราวกับว่าจีนเป็นแหล่งสนับสนุนแผนเศรษฐกิจของเขาเพียงรายเดียว ซึ่งการกระทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศเลยในระยะยาว
- ชนชั้นนำของไทยควรเรียนรู้บทเรียนจากประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ถึงผลกระทบจากภาวะการพึ่งพาจีนที่มากเกินไป และเริ่มพิจารณาถึงทางเลือกอื่นเสียที
https://www.straitstimes.com/asia/se-asia/thailand-will-pay-a-price-for-over-reliance-on-china-the-nation?fbclid=IwAR1VaQrFKil3Z_74g5-3D5Y0uSbSQeYFsqQjtF0xpYPJ-7AiF1w7rrkUt3Y