"มองต่างมุม" สื่อนอกวิจารณ์โทษจำคุก 10 ปี ปรับ 1 ล้าน นักท่องเที่ยวพ่นสีกำแพงประตูท่าแพเชียงใหม่

จากกรณี 19 ต.ค. 2561 ตำรวจเชียงใหม่จับกุมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและแคนาดาที่นำสีสเปรย์พ่นใส่กำแพงประตูท่าแพ ทั้งคู่ได้รับสารภาพ และทางตำรวจได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้สำนักข่าวต่างประเทศต่างก็นำเสนอข่าว พร้อมระบุว่านักท่องเที่ยวทั้งสองคนไม่มีทนายที่รับผิดชอบคดี แม้สถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือและให้คำปรึกษาแก่นักท่องเที่ยวทั้งสองคนแล้วก็ตาม

ขณะที่เครือข่ายสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์พากันติดแฮชแท็ก #ScouserLee ถกเถียงกันในเรื่องนี้ซึ่งมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @F0LL0W_F0LL0W มองว่า การทำลายกำแพงเมืองโบราณ อายุกว่า 800 ปี กับบทลงโทษจำคุก 10 ปี เป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว

แต่สำหรับผู้ใช้ทวิตเตอร์ @Jen_Dodgson มองว่า บทลงโทษที่สมเหตุสมผลสำหรับกรณีนี้ไม่น่าจะเกินจำคุก 6 เดือน แต่บทลงโทษรุนแรงที่เพิ่มมา อาจจะเป็นเพราะเขาประกาศตัวเป็น Scouser ซึ่งเป็นคำเรียกตัวเองของผู้ที่มีสำเนียงชาวเมืองลิเวอร์พูลและละแวกใกล้เคียงในสหราชอาณาจักร

ซึ่งทางด้านตำรวจ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การดำเนินคดีจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นโทษที่หนักกว่าการกระทำทั่วไป เพราะเป็นโบราณสถานเป็นการทำลายและทำให้เสื่อมค่า หากนำสีสเปรย์ไปพ่นตามบ้านเรือนหรือกำแพงทั่วไป จะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ธรรมดา แต่กรณีนี้เป็นการกระทำกับโบราณสถานที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ จึงมีความผิดอีกข้อหาหนึ่งที่มีโทษหนักกว่ามาก