ซิฟิลิส
ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เกิดจากเชื้อทรีโปนีมา พาลลิดัม (Treponemapallidum) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันด้วยการใส่ถุงยางอนามัย เชื้อโรคสามารถติดต่อผ่านจากคนสู่คนโดยการสัมผัสโดยตรงกับแผลซิฟิลิส ซึ่งแผลนี้จะอยู่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก ช่องคลอด ปากทวารหนัก หรือที่ทวารหนัก แผลอาจเกิดที่ริมฝีปากและในช่องปาก เชื้อติดต่อขณะมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก สตรีที่ตั้งครรภ์สามารถแพร่เชื้อนี้ไปสู่ทารกในครรภ์ได้ แต่เชื้อจะไม่สามารถติดต่อผ่าน การนั่งโถส้วม จับลูกบิดประตู สระว่ายน้ำ อ่างอาบน้ำ เสื้อผ้า หรือช้อนส้อมได้อย่างที่หลายๆ คนเชื่อกัน
โรคนี้จะไม่แสดงอาการเป็นระยะเวลาหลายๆปี แต่ถ้าไม่รักษาก็จะลุกลามไปทำลายอวัยวะอื่นๆ เช่น หัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท กระดูก ทำให้พิการและอาจเสียชีวิตได้หลายคนติดโรคแต่ไม่มีอาการเป็นปี ซึ่งจะมีโอกาสเป็นซิฟิลิสระยะสุดท้ายและมีภาวะแทรกซ้อนหากไม่ได้รับการรักษา
ระยะอากรของซิฟิลิส
ระยะแรก สังเกตได้จากการมีแผลที่เป็นแผลเดียว หรืออาจมีหลายแผลได้ ระยะเวลาตั้งแต่ติดโรคจนเกิดอาการใช้เวลานาน 10-90 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ 21 วัน แผลไม่นิ่ม กลม ขนาดเล็ก ไม่เจ็บ ขอบยกนูนแข็ง จึงมีอีกชื่อ คือ “แผลริมแข็ง” โดยแผลที่เกิดนั้นจะมีเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย และเป็นแผลอยู่นาน 3-6 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะหายไปเองโดยไม่รักษา แม้ได้รับการรักษาแต่รักษาไม่ถูกต้อง หรือรักษาไม่ครบก็จะเข้าสู่ซิฟิลิสระยะที่สอง
ระยะที่สอง จะมีผื่นตามผิวหนังและเยื่อบุ ผื่นเกิดตามร่างกายหนึ่งหรือสองแห่ง ไม่คัน อาจเกิดขณะที่แผลริมแข็งกำลังจะหาย หรือหลังจากหายไปแล้ว 2-3 สัปดาห์ ผื่นมีลักษณะสีแดง หรือจุดน้ำตาลแดง อาจเกิดที่ฝ่ามือและฝ่าเท้า แต่ผื่นอาจเกิดบริเวณอื่นและมีลักษณะคล้ายโรคอื่น บางครั้งผื่นเป็นจางๆ ทำให้ไม่ได้สังเกต อาการอื่นที่อาจเกิดได้แก่ มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ปวดศีรษะ น้ำหนักลด ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง อาการในระยะนี้จะหายเองได้
ระยะแฝงและระยะสุดท้าย ระยะแฝงเริ่มต้นหลังจากอาการระยะหนึ่งและระยะสองผ่านไปแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาเชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกายแม้จะไม่แสดงอาการ ระยะแฝงของซิฟิลิสจะอยู่นานเป็นปีๆ ประมาณ 15% จะเข้าระยะสุดท้ายของโรคซิฟิลิสและแสดงอาการแม้จะผ่านไปแล้ว 10-20 ปี หลังจากที่ได้รับเชื้อ ในระยะท้ายของโรคซิฟิลิสเชื้อจะค่อยๆ ทำลายอวัยวะภายในร่าย ได้แก่ สมอง เส้นประสาท ตา หัวใจ เส้นเลือด ตับ กระดูก ข้อ อาการของโรคระยะสุดท้ายอาจมีตั้งแต่การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ไม่สัมพันธ์กัน อัมพาต ชา ตาค่อยๆ บอด สมองเสื่อม และอาจรุนแรงจนถึงขึ้นเสียชีวิต
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคซิฟิลิส
- การจะพิสูจน์ว่าเป็นซิฟิลิสหรือไม่ สามารถทำโดยนำน้ำเหลืองจากแผล หรือผื่นที่ปรากฏบนตัวผู้
- ป่วยไปส่องกล้อง เพื่อหาตัวเชื้อโรคหรืออาจจะเจาะเลือดเพื่อตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสก็ได้
- ตรวจเลือดหลังจากติดเชื้อไปแล้ว ร่างกายจะสร้างโปรตีนขึ้นมาทำให้สามารถตรวจได้ แม้ให้การรักษาครบไปแล้วก็ยังสามารถตรวจพบได้นานเป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ
การรักษาโรคทำได้โดย
สามารถรักษาให้หายขาดโดยการรับประทานยาปฏิชีวนะ เพนนิซิลิน เป็นเวลา 1-3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ระยะเวลาการรักษาขึ้นกับระยะของโรคที่เป็นด้วย และหากผู้ป่วยมีคู่สมรสก็ควรได้รับการรักษาร่วมกัน และหลังจากรักษาไปแล้ว 6 เดือน ควรต้องตรวจติดตามในทุกๆ ปี เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ












