ดราม่าชีวิตและธุรกิจ 'ไผ่ทองไอสครีม' ปะทะ 'ไผ่ทองไอศครีม'
ศึกสายเลือดดราม่าธุรกิจ ระหว่างไผ่ทองไอสครีม กับ ไผ่ทองไอศครีม บานปลายขยายสู่คดีความฟ้องร้องระหว่างแม่กับลูกชาย ขณะที่ในโลกออนไลน์ ว่าชื่อไหนโลโก้ไหนของจริง บทความในเพจ Billionaire Mindset - แนวคิดพันล้านตอบโจทย์นี้ได้ชัดเจนและน่าอ่าน
ดราม่า "ไผ่ทองไอสครีม" ปะทะ "ไผ่ทองไอศครีม" สร้างความสับสน เป็นกระแสไปทั่วโลกออนไลน์
เกิดความสงสัยว่าอันไหนของจริง?? อันไหนมาทีหลัง??
แล้วเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากอะไรกันแน่??
เพจแนวคิดพันล้านสรุปข้อมูลทั้งจากฝ่ายอาม่าผู้ผลิต และสื่อต่างๆ พอจะสรุปเรื่องราวได้ดังนี้ครับ...
ประวัติของไผ่ทอง
"ไผ่ทองไอสครีม" ก่อตั้งโดยคุณกิมเซ้ง และคุณน้ายเฮียง แซ่ซี เมื่อ 68 ปีก่อน
เหตุเพราะคุณกิมเซ้ง เป็นพนักงานขายไอศกรีมของโรงงานแห่งหนึ่ง
เขาสังเกตว่ารสชาติของไอศกรีมที่ออกมาจากโรงงานนั้นไม่คงที่ มีรสเปลี่ยนไปในแต่ละวัน จึงเอาไปบอกเจ้าของ
แต่กลับโดนต่อว่ากลับมา โดยระบุว่าเป็นแค่คนขาย จะไปรู้อะไร
คุณกิมเซ้งก็เลยตัดสินใจลาออกมาแล้วทำไอศกรีมกะทิสดขายเอง ในตอนแรกใช้ชื่อแบรนด์ว่า "หมีบิน"
หลังจากนั้นก็ขายดิบขายดี จึงเปิดโรงงานแล้วผลิตไอศกรีมจำนวนมากขึ้น
ภายหลังปรับชื่อแบรนด์และโลโก้ให้เป็นรูปไผ่ เพื่อความเป็นมงคลตามความเชื่อของคนจีน
ไอศกรีม "หมีบิน" จึงกลายมาเป็น "ไผ่ทอง" นับตั้งแต่นั้นมา
ธุรกิจนั้นทำเป็นลักษณะของครอบครัว มีคุณแม่และลูกๆ 8 คน ช่วยกันสร้างแบรนด์ขึ้นมาในภายหลัง
ส่วนสาเหตุที่ใช้คำว่า "ไอสครีม" เป็น ส.เสือ นั้น ทางครอบครัวให้เหตุผลว่าต้องการให้น่าสนใจ ไม่ชวนง่วง แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ
ไผ่ทองไอสครีม vs ไผ่ทองไอศครีม
คุณรตา ฝ่ายของไผ่ทองไอสครีม (ส.เสือ) ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยมีใจความว่า
เมื่อก่อนธุรกิจทำกันทั้งครอบครัว แต่ลูกชายคนที่ 7 ของแม่ ได้ออกจากบ้านไปทำธุรกิจของตัวเองตั้งแต่ปี พ.ศ.2538
เธอบอกว่าเขาออกไปทำหลายธุรกิจ
แต่มาทราบภายหลังว่าไปทำไอศกรีมของตัวเอง ใช้ชื่อ "ไผ่ทองไอศครีม" (เปลี่ยนเป็น ศ.ศาลา) และโลโก้คล้ายกับของที่บ้าน
จนมีลูกค้ามาร้องเรียนเรื่องคุณภาพของไอศกรีม
นั่นทำให้คุณน้ายเฮียง ซึ่งเป็นคุณแม่ ฟ้องลูกชายของตัวเองในที่สุด
ทางฝ่ายครอบครัวบอกแบบนี้ แต่ฝ่ายคุณบุญชัยกลับบอกว่า
ตนเองนั้นทำธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2527 ซึ่งโรงงานที่ทำไผ่ทองไอศครีม (ศ. ศาลา) ก็เป็นโรงงานซึ่งใช้มาตั้งแต่ต้น
โดยมีหลักฐานเป็นการไปออกรายการเพื่อนคู่คิด ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ.2537 มายืนยัน
ทั้งนี้ยังบอกว่า “ไม่ใช่การแยกตัว แต่เป็นปัญหาภายในครอบครัว...”
เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น ทางเพจแนวคิดพันล้านเลยไปดูในส่วนของรายได้แต่ละบริษัท
เริ่มจาก หจก.ไผ่ทองซีกิมเอ็ง ดำเนินภายใต้แบรนด์ "ไผ่ทองไอสครีม"
จดทะเบียนเมื่อปี พ.ศ.2541 ทุนจดทะเบียน 7.5 ล้านบาท
และมีชื่อของนางน้ายเฮียง เป็นผู้ถือหุ้นหลัก
(ทางเพจแจ้งว่าหลังจากจดทะเบียน ได้ยื่นเปลี่ยนโลโก้ใหม่ตั้งแต่ปี 2542)
รายได้และกำไรของไผ่ทองไอสครีม
ปี 2557 รายได้ประมาณ 49 ล้านบาท กำไร 670,000 บาท
ปี 2558 รายได้ประมาณ 65 ล้านบาท กำไร 1.2 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ประมาณ 66 ล้านบาท กำไร 1.4 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ประมาณ 75 ล้านบาท กำไร 1.8 ล้านบาท
ส่วนทางด้าน บริษัท ไผ่ทองไอศครีม จำกัด
จดทะเบียนเมื่อปี 2546 มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท
โดยมีชื่อของคุณบุญชัย ชัยผาติกุลเป็นกรรมการ (ลูกคนที่ 7 ของคุณน้ายเฮียง)
รายได้และกำไรของไผ่ทองไอศครีม
ปี 2557 รายได้ประมาณ 26 ล้านบาท ขาดทุน 640,000 บาท
ปี 2558 รายได้ประมาณ 29 ล้านบาท กำไร 440,000 บาท
ปี 2559 รายได้ประมาณ 38 ล้านบาท กำไร 80,000 บาท
ปี 2560 รายได้ประมาณ 36 ล้านบาท ขาดทุน 3.5 ล้านบาท
เรื่องราวที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ พอจะสรุปได้ว่า...
คุณน้ายเฮียง ของฝั่ง "ไผ่ทองไอสครีม" กำลังฟ้อง "ไผ่ทองไอศครีม" เพราะทำให้แบรนด์เสียหายอยู่นั่นเอง
หวังว่าบทความนี้ทำให้ผู้อ่านพอเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้นนะครับ
และสุดท้าย.. บทสรุปดราม่าที่ชาวเน็ตตั้งชื่อว่า "เลือดข้นไอศกรีมจาง" ของครอบครัวไผ่ทองนี้ จะจบลงอย่างไร
คงเป็นเรื่องที่เราต้องติดตามรอผลที่จะออกมาต่อไปในอนาคตครับ!!
source: เพจ Billionaire Mindset
https://www.facebook.com/ABillionaireMindset/photos/a.332420487199698/542232606218484/?type=3&theater