"สายเขียวครางฮือ" แคนาดาชี้ กัญชาไทย คือ พันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก!!!
"สายเขียวครางฮือ" แคนาดาชี้ กัญชาไทย คือ พันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก!!!
โอกาสมูลค่ามหาศาลที่ยังคงดู สองคม ในหลายๆ แง่ สำหรับ กัญชา เมื่อคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมของไทยบินไกลไปแคนาดาเพื่อดูการใช้กัญชาทางการแพทย์ พบมีการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2554 โดยออกประกาศว่าโรคที่สามารถใช้กัญชาบำบัดได้ เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการทางสมองบางอย่าง อึ้งสกัดน้ำมันกัญชารักษาโรคมูลค่ามหาศาล ชี้กัญชาพันธุ์ไทยมีสารสำคัญทางยาดีที่สุด ปธ.คณะกรรมการฯเปิดเผยสถานการณ์ในไทยหลังศึกษาดูงาน ชี้กฎหมายอนุญาตวิจัยได้-แต่ยังไม่ให้ใช้
โดยเรื่องนี้ นพ.โสภณ เมฆธน ประธานคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า จากการศึกษาดูงานเรื่องกัญชาทางการแพทย์ที่ประเทศแคนาดา พบว่ามีการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ตั้งแต่ปี 2554 โดยออกประกาศว่าโรคที่สามารถใช้กัญชาบำบัดได้ เช่น อาการปวดเรื้อรัง อาการทางสมองบางอย่าง เป็นต้น ทั้งนี้ คนไข้ที่มีใบสั่งแพทย์จะสามารถปลูกกัญชาได้คนละ4ต้นเพื่อใช้รักษาอาการ แต่ก็พบว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพของกัญชาไม่เท่ากัน และมีการลักลอบนำไปขายในตลาดมืด จึงมีการออกกฎหมายใหม่อนุญาตให้มีการตั้งโรงงานปลูกกัญชาทางการแพทย์ได้ เพื่อควบคุมคุณภาพของกัญชาให้เท่ากัน และควบคุมป้องกันการเล็ดลอดออกสู่ภายนอกอย่างเข้มงวด มีการบันทึกการปลูก-รายงานการใช้ต่อรัฐบาล
อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เปิดดำเนินการมาได้ประมาณ 4-5 ปี โดยมีการปลูกภายในโรงเรือน เนื่องจากแคนาดาเป็นประเทศเมืองหนาว แต่กัญชาเป็นพืชเมืองร้อน จึงต้องมีการควบคุมอุณหภูมิและแสงไฟให้เหมาะสม เพื่อควบคุมคุณภาพของสารสำคัญในกัญชาให้เท่ากัน มีการพัฒนาสายพันธุ์ ซึ่งทางนั้นระบุว่าสายพันธุ์ที่ดีที่สุดคือ กัญชาสายพันธุ์ประเทศไทยให้สารสำคัญได้มากและมีคุณภาพ ซึ่งจะมีสารสำคัญอยู่ 2 ตัวในการนำมาใช้ทางการแพทย์คือ สาร Cannabidiol และ สาร Tetrahydrocannabinol ซึ่งมีผลต่อการรักษาที่แตกต่างกัน สำหรับการนำมาใช้จะเอาดอกจากต้นกัญชาตัวเมียมาสกัดทำเป็นน้ำมันกัญชา ใช้สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับใบสั่งจากแพทย์ ซึ่งตนไม่คิดว่าอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์ที่แคนาดาจะใหญ่ขนาดนี้และมีมูลค่ามหาศาล อย่างบริษัทที่มาดูก็เข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยกัญชาดอกหนึ่งราคาก็ตกกว่า 10,000 บาทแล้ว
สำหรับกัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทยนั้น คงต้องรอให้มีการแก้กฎหมายให้ชัดเจนว่ากัญชาสามารถนำมาใช้ทางการแพทย์ได้ จึงจะสามารถขับเคลื่อนได้ ขณะเดียวกันทางนักวิชาการ กลุ่มโรงเรียนแพทย์ก็ต้องศึกษาให้ชัดเจนว่าบทบาททางยาของกัญชาเป็นอย่างไร เพราะปัจจุบันมีการพูดถึงทั้งการรักษาลมชัก พาร์กินสัน แม้กระทั่งมะเร็ง ปัจจุบันกฎหมายให้มาขออนุญาตศึกษาได้ เมื่อคำตอบเรื่องบทบาททางยาของกัญชาชัดเจนและกฎหมายปลดล็อกให้ใช้ทางการแพทย์ได้ ก็ต้องมาดูว่าจะขับเคลื่อนต่อเพื่อนำกัญชามาใช้อย่างไร เช่น นำเข้าจากประเทศที่ผลิตแล้วอย่างแคนาดาเพื่อป้องกันปัญหาการปลูกแล้วเล็ดลอดหรือไม่ หรือหากจะดำเนินการปลูกและผลิตเองก็ต้องมาพิจารณาให้รอบคอบว่าจะปลูกและใช้อย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เพราะกัญชาสายพันธุ์ไทยถือว่าเป็นกัญชาที่มีคุณภาพดีซึ่งแคนาดาก็ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดำเนินการได้ดี...