นำหนังสือเข้าห้องสอบ แม้ไม่ได้เปิดดู ก็ถือว่าทุจริตในการสอบ
วันนี้ ทางเรามีคดีปกครองที่น่าสนใจมานำฝากค่ะ เป็นกรณีนักศึกษานำตำราเข้าห้องสอบไปด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า มีนักศึกษาระดับปริญญาโทของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้นำกระเป๋าเอกสารเข้าไปในห้องสอบและระหว่างการสอบได้ขออนุญาตกรรมการคุมสอบค้นหาน้ำยาลบคำผิดในกระเป๋า โดยยกกระเป๋าขึ้นมาวางบนโต๊ะและได้นำหนังสือออกจากกระเป๋าเอกสารและได้วางหนังสือดังกล่าวไว้ที่พื้นติดกับผนังห้องสอบ
ต่อมามหาวิทยาลัยแจ้งนักศึกษาคนดังกล่าวว่าได้เกรด F นักศึกษาจึงได้ขอความเป็นธรรมต่อมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจึงได้แจ้งให้นักศึกษาสอบวิชาดังกล่าวใหม่ แต่นักศึกษาไม่เห็นด้วยและเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีไปฟ้องศาลปกครองขอให้ผู้ถูกฟ้องคดี(มหาวิทยาลัย)เพิกถอนใบแจ้งผลการศึกษาเฉพาะวิชาการวิจัยทางการจัดการที่แจ้งผลเกรด Fและให้ผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกันให้ผู้ฟ้องคดีได้ข้าสอบข้อเขียนประมวลความรู้และสอบปากเปล่าเป็นกรณีพิเศษ
ตามประกาศมหาวิทยาลัย... เรื่อง ระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการสอบระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญในการสอบข้อ 4.13 ว่าห้ามนักศึกษานำหนงัสือ ตำราหรือเอกสารใดๆ ฯลฯเข้าไปในห้องสอบ และข้อ 5 กำหนดว่าหากนักศึกษากระทำ การทุจริตในการสอบในรายวิชาใดจะถือว่าสอบตกและได้สัญลักษณ์ F ในรายวิชานั้น
ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การที่ระเบียบดังกล่าวห้ามนักศึกษานาหนังสือ ตารา หรือเอกสารใดๆ เข้าไปในห้องสอบโดยเด็ดขาดนั้น มีเจตนารมณ์ที่จะป้องกันมิให้ผู้เข้าสอบกระทาการทุจริตในการสอบในรายวิชาต่างๆ อันจะยังผลให้การสอบซึ่งเป็นการวัดผลความรู้หรือความสามารถของผู้เข้าสอบแปรปรวนไป ไม่น่าเชื่อถือ เป็นสาคัญ ดังนั้น หากนักศึกษาผู้ใดนาหนังสือ ตารา หรือเอกสารใดๆ เข้าไปในห้องสอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือ ตารา หรือเอกสารที่เกี่ยวกับรายวิชาที่สอบ โดยเจตนาอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว ถือได้ว่านักศึกษาผู้นั้นกระทาทุจริต ในการสอบในรายวิชานั้น ไม่ว่านักศึกษาผู้นั้นจะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากหนังสือ ตำรา หรือเอกสารเหล่านี้ในการตอบข้อสอบแล้วหรือไม่ก็ตาม
เมื่อผู้ฟ้องคดีได้นำกระเป๋าเอกสารซึ่งผู้ฟ้องคดีก็ตระหนักดีว่ามีหนังสือซึ่งมีเนื้อหาสาระบางส่วน ที่สามารถใช้เป็นประโยชน์ในการตอบข้อสอบวิชาดังกล่าวได้และก่อนถึงเวลาสอบ กรรมการคุมสอบได้แจ้งเตือน ให้นักศึกษาที่เข้าสอบทุกคนทราบว่า ในการสอบวิชาดังกล่าวนี้ห้ามนักศึกษานำหนังสือตำราเข้ามาในห้องสอบ ทั้งชุดข้อสอบวิชาดังกล่าวก็ยังได้มีคำชี้แจงไว้ในข้อ 3 อีกด้วยว่าไม่อนุญาตให้นำตำราและเอกสารต่างๆ เข้าห้องสอบ แต่แทนที่ผู้ฟ้องคดีจะแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการนำหนังสือไปฝากไว้กับกรรมการคุมสอบแล้วค่อยขอรับคืน เมื่อสอบเสร็จ กลับละเลยไม่นำพาต่อคำเตือนดังกล่าว และในระหว่างการสอบยังได้ขออนุญาตกรรมการคุมสอบ หยิบน้ำยาลบคำผิดจากกระเป๋าเอกสาร ซึ่งย่อมจะต้องตระหนักรู้อีกว่ามีหนังสืออยู่ในกระเป๋า แต่ก็ยังเพิกเฉยไม่นำหนังสือเล่มดังกล่าวฝากไว้กับกรรมการคุมสอบ กรณีจึงเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า ผู้ฟ้องคดีได้นำหนังสือ เล่มดังกล่าวเข้าไปในห้องสอบโดยเจตนา มิใช่ด้วยความเผลอเรอ พฤติการณ์เช่นว่านี้เพียงพอที่จะให้วิญญูชนในแวดวงการศึกษาถือได้แล้วว่าผู้ฟ้องคดีกระทำทุจริตในการสอบ โดยมิพักต้องคำนึงว่าผู้ฟ้องคดีได้ลักลอบหยิบหนังสือ เล่มดังกล่าวขึ้นมาเปิดลอกข้อความลงในกระดาษคำตอบข้อสอบหรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 วินิจฉัยว่าผู้ฟ้องคดีกระทำทุจริตในการสอบและแจ้งผลการสอบว่าได้เกรด F จึงไม่เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี
ที่มา ศาลปกครอง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 955/2555)
โดย ทนายความเชียงใหม่