ด่วน! ‘เณรคำ’ จำคุกอ่วมกว่าร้อยปี!! หลอกลวง-ฉ้อโกงประชาชน!
ด่วน! ‘เณรคำ’ ศาลตัดสินจำคุกเณรคำอ่วม กว่าร้อยปี!! ฐาน หลอกลวง - ฉ้อโกงประชาชน! กรณีสร้างพระแก้วมรกตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และอื่นๆ รวมถึงศาลสั่งให้ชดใช้เงินผู้เสียหายอีก 29 ราย ส่วนสำหรับคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาใน เดือน ตุลาคมนี้
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม 61 ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำอ.2341/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกนะทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14 (1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
โดยระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 52 – 27 มิถุนายน 56 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ
โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี
รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯ โดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้
เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ343 ด้วย ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ สู้คดี โดยขณะพิจารณา อดีตพระเณรคำ ถูกคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตรถึงพระอินทร์แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธา ที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ แล้วนำไปซื้อรถปอร์เช่ รถตู้ รถกระบะ กลาย 10คัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งจำเลยก็ถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาท นั้น ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง
ฉ้อโกง
ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทงความผิดไป จึงพิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆละ 3 ปี รวม 87 ปี , พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(1) เป็นเวลา 3 ปี และความผิดฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ง.ฯ รวม 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี โดยรวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี
แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91(2) แล้วได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย จามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นำโทษตต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ
ส่วนคดีชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาใน เดือน ตุลาคมนี้