ทรัมป์โกรธอียูสั่งปรับกูเกิลสูงสุดถึง 5,000 ล้านดอลลาร์ ข้อหาฝ่าฝืนกฏหมายต่อต้านการผูกขาดของอียู
ประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตเตอร์โวย EU สั่งปรับ กูเกิล (Google)สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ข้อหาฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของ EU ขณะที่บริษัท อัลฟาเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล ประกาศผลประกอบการ ในไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรลดลง 28%
20 กรกฎาคม 2561- ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐทวีตเตอร์โวยคณะกรรมการสหภาพยุโรปที่สั่งปรับสูงสุดกูเกิลGoogle ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เป็นเงินมูลค่ามากถึง 5,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ สะท้อนว่าอียูเอาเปรียบสหรัฐและจะเป็นอย่างนี้อีกไม่นาน
ที่มาของเหตุการณ์นี้ เกิดจากคณะกรรมาธิการยุโรป สหภาพยุโรป หรือ EU สั่งปรับ กูเกิล (Google) ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีเป็นเงิน 2.42 พันล้านยูโร หรือราว 9.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากฝ่าฝืนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของ EU (EU Antitrust Law) จากกรณีของ Google Shopping ที่นำเสนอข้อมูลสินค้าที่จ่ายเงินให้กับ Google ซึ่งจะปรากฏอยู่บนสุดทุกครั้งที่ผู้บริโภคค้นหาข้อมูลที่ตนต้องการ
“กูเกิลพัฒนาเทคโนโลยีหลายตัวที่สร้างรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไปให้กับพวกเรา มันเป็นเรื่องที่ดี แต่การเปรียบเทียบสินค้าในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ใช้ความได้เปรียบดึงดูดความสนใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบกับตลาดของผู้ให้บริการช้อปปิ้งรายอื่นที่จะปรากฏในผลการค้นหาอีกด้วย สิ่งที่ Google ทำนั้นผิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของ EU ไม่เพียงแต่ปิดกั้นการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังปิดโอกาสที่ประชาคมชาวยุโรปจะเข้าถึงทางเลือกที่ดีจากนวัตกรรมเหล่านี้ด้วย” Margrethe Vestager กรรมมาธิการของ EU กล่าวขณะที่แถลงข่าว
นอกจากนี้ทาง EU ยังสั่งให้กูเกิลจัดการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ภายใน 90 วัน มิฉะนั้นจะสั่งปรับสูงสุดถึง 5% ของรายได้เฉลี่ยต่อวันของบริษัทแม่ นั่นคือ Alphabet ซึ่งคิดเป็นเงินถึง 14 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 462 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่ตัวแทนของกูเกิลยังยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนโดยให้เหตุผลว่า เวลาที่ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ก็ต้องการทั้งความง่ายและรวดเร็วอยู่แล้ว ซึ่งกูเกิลก็ได้ช่วยโปรโมตสินค้าของธุรกิจในทุกระดับผ่าน Sponsor Ad ซึ่งถือเป็นประโยชน์ที่ทุกฝ่ายได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาประกาศของ EU อย่างละเอียด และคาดว่าจะยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้ในชั้นถัดไป
สำหรับกรณีของกูเกิลนี้ใช้เวลาถึง 7 ปี นับจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มสอบสวนเรื่องดังกล่าวในปี 2010 ซึ่งขณะนั้นมีข้อร้องเรียนจากหลายส่วนรวมถึงคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Microsoft ด้วย จึงต้องติดตามการแก้เกมของกูเกิลจากนี้ว่าจะทำอย่างไร เพราะตามอำนาจของ EU สามารถปรับเจ้าเสิร์ชเอนจินรายนี้ได้สูงถึง 10% ของรายได้ทั้งปี หรือราว 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลแม้ว่าสินทรัพย์ของกูเกิลจะมีอย่างเหลือเฟือถึง 1.72 แสนล้านเหรียญสหรัฐก็ตามที
อย่างไรก็ตาม บริษัท อัลฟาเบท อิงค์ บริษัทแม่ของกูเกิล ประกาศผลประกอบการ ในไตรมาสที่ผ่านมา มีกำไรลดลง 28% หลังจากที่ต้องรับภาระค่าปรับจากสหภาพยุโรป (อียู) ที่เห็นว่ากูเกิลมีอำนาจผูกขาดในธุรกิจมากเกินไป
เมื่อเดือนที่แล้ว อียูปรับกูเกิล เป็นเงิน 2,400 ล้านยูโร โดยกล่าวว่ากูเกิล ออกแบบบริการเสิร์ชให้ไปส่งเสริมธุรกิจซื้อของออนไลน์ของตนอีกต่อหนึ่ง โดยไตรมาสที่2 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 อัลฟาเบท อิงค์ มีรายได้เพิ่มขึ้น 21% เป็น 26,000 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่กำไรลดจากเกือบ 4,900ล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 3,500 ล้านดอลลาร์
อัลฟาเบท ระบุว่า กำไรต่อหุ้นของบริษัทอาจพุ่งไปถึง 8.90 ดอลลาร์ หากไม่ถูกคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) สั่งปรับในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้าน การผูกขาดตลาด
I told you so! The European Union just slapped a Five Billion Dollar fine on one of our great companies, Google. They truly have taken advantage of the U.S., but not for long!
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) July 19, 2018