อนาคตเกษตรกรไทย...เมื่อประเทศไทยจะมี EEC
สังคมไทยแต่ดั้งเดิมนานมาเรารู้กันดีอยู่ว่า เกษตรกรเป็นกระดูกสันหลังของชาติ แต่เมื่อยุคสมัยพัฒนาขึ้นอย่างในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคแห่งการเผชิญความท้าทาย ระบบเศรษฐกิจของเราไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเกษตรกรรมอีกแล้ว แต่เป็นการขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นั่นทำให้ประเทศไทย จะยึดติดอยู่กับการทำสิ่งเดิมๆไม่ได้อีกต่อไป เราต้องเร่งพัฒนาขีดความสามารถ ในการแข่งขันตนเองเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกับดักรายได้ปานกลาง โครงสร้างประชากรสูงอายุ ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองโลก รวมถึงการแข่งขันด้านการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ
สำหรับเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับเศรษฐกิจของประเทศนั้น หนึ่งในโครงการที่มีความโดดเด่นคือ “การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก” หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียนและเป็นเมืองที่น่าอยู่ พร้อมทั้งลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ หรือ S-Curve โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา สำหรับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จะได้รับผลพลอยได้จากการเข้ามาของ EEC ในหลายๆด้าน
ซึ่งหากโครงการ EEC เสร็จสมบูรณ์เป็นรูปเป็นร่าง ภาคเกษตรกรรม รวมถึงตัวเกษตรกรจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปพร้อมๆกับการเติบโตของระบบอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นการเอานำเทคโนโลยีทางการเกษตรใหม่ๆ มาใช้ เช่น การนำ Sensors มาใช้วัดคุณภาพดิน ,วัดปริมาณน้ำ การใช้เทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลระดับสูง และระบบอัตโนมัติ การลงทุนและการวิจัยทางเทคโนโลยีชีวภาพ เช่น การปรับปรุง พันธุ์พืชและสัตว์ อุตสาหกรรมการคัดคุณภาพ บรรจุ เก็บรักษาพืชผัก ผลไม้ หรือดอกไม้ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การใช้ระบบเซ็นเซอร์ตรวจสอบเนื้อในผลไม้ เป็นต้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสำเร็จได้ มีหัวใจสำคัญ 3 ประการที่เป็นเข็มมุ่ง คือ การพัฒนาศักยภาพเกษตรกร การจัดการด้านพื้นที่ทำกิน และการพัฒนาและแปรรูปสินค้า โดยทั้งสามสิ่งนี้ต้องดำเนินไปพร้อมกันถึงจะสำเร็จผลลุล่วง ที่สำคัญกว่านั้น คือการนำองค์ความรู้มาปรับใช้ เพราะหากเกษตรกรมีเทคโนโลยีพร้อมสรรพ แต่ไม่เรียนรู้ที่จะประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัยที่เกิดขึ้น ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด และเกษตรกรไทยก็คงก้าวตามไม่ทันยุค Thailand 4.0 อย่างแน่นอน.