“คราม” บ้านนาขาม ภูมิปัญญาผ้าไทย ดังไกลถึงอังกฤษ
ถ้าจะพูดถึงครามหรือหม้อฮ่อม น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าครามนั้นมันมีชีวิต อ้าว..ครามไม่ใช่แค่สีย้อมผ้าหรอกเหรอ? ครามก็เป็นสีย้อมชนิดหนึ่งนี่แหล่ะครับ แต่การจะได้มาซึ่งสีครามนั้นมันไม่ใช่แค่เอาส่วนใบหรือเปลือกไม้ มาคั้นหรือมาต้มเฉยๆ ก็จะได้สีคราม วิธีการให้ได้มาซึ่งสีครามนั้นละเอียดอ่อนมากกว่าที่เราคิด
ผมก็เป็นคนนึงที่คิดว่าเค้าใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไม้มาต้มกับน้ำแล้วก็นำผ้าไปย้อม ใครจะไปทราบล่ะครับว่ามันต้องมีขั้นตอนหลายอย่างตั้งแต่นำไปแช่กับน้ำฝน เติมปูนสร้างเนื้อสี จนเอามาหมักเพื่อให้เกิดจุลินทรีย์ และนำเอาจุนลินทรีย์นี่แหล่ะมาย้อม จึงเป็นที่มาของคำว่า ”ครามนั้นมีชีวิต” แค่วิธีได้มาซึ่งสีก็ลำบากแล้ว แต่ก็ไม่ยากเกินภูมิปัญญาของไทย
ในปัจจุบันถ้าไม่ใช่ว่าไปเที่ยวภาคเหนือหรือช่วงหน้าร้อนก็แทบจะไม่เห็นใครใส่ผ้าครามหรือหม้อฮ่อม ทั้งๆ ที่ชาวต่างชาตินั้นชื่นชอบและเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะคนญี่ปุ่น ซึ่งเค้าจะเรียกครามว่า Indigo คนญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบความพิถีพิถันเป็นทุนอยู่แล้วจึงไม่ยากที่จะตกหลุมรักคราม หนุ่มสาวที่ชอบความมินิมอล เรียบง่ายทั้งแบบและสีที่เป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์จะนิยมใส่เสื้อผ้าย้อมครามหรือ Indigo แต่คนไทยมองว่าผ้าย้อมครามแท้นั้นมีราคาสูงจึงนิยมซื้อแบบที่ย้อมครามสังเคราะห์สวมใส่ ซึ่งความแตกต่างนั้นแตกต่างกันที่สีและความทนทาน สีสังเคราะห์จะสดเข้มกว่าครามธรรมชาติ และสีสังเคราะห์จะซีดไวและไม่อยู่ทนเท่าครามธรรมชาติ แต่ถ้าคุณคิดว่านั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เสื้อครามธรรมชาติมีราคาสูงกว่าครามสังเคราะห์ ผมจะบอกความลับของผ้าย้อมครามธรรมชาติให้ฟัง
1.กว่าจะได้มาซึ่งสีครามใช้เวลาการก่อหม้อประมาณ 2 อาทิตย์ - 1 เดือน
2.การย้อม ยิ่งผ้าหนา เช่น ผ้าฝ้ายทอมือจะย้อมมากกว่า 3 วัน ย้อมซ้ำกว่า 20 รอบ เพื่อให้ได้สีครามที่เข้มสวย จึงทำให้ต้นทุนสูงมาก ต่างจากครามสังเคราะห์ที่ใช้เวลาย้อมไม่กี่ชั่วโมง
ปกติผมจะเห็นเสื้อผ้าฝ้ายย้อมครามไปประมูลขายในอีเบย์ ซึ่งมีคนแย่งกันบิดดิ้งเยอะเลย แต่ตอนนี้คนต่างชาติน่าจะเริ่มทราบกันแล้วแหล่ะครับ ว่าผลิตภัณฑ์จากครามฝีมือคนไทยตอนนี้ได้ไปวางขายถึงเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษแล้วครับ จากความคิดของเจ้าของทีมเลสเตอร์ อย่างคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี ที่อยากให้ของที่ระลึกของทีมมีเอกลักษณ์และบ่งบอกความเป็นไทยที่เข้าถึงผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย ขนาดแฟนหงส์แดงอย่างผมยังหวั่นไหวกับของที่ระลึกของทีมเลสเตอร์เลย ที่ผมเล็งไว้ก็เห็นจะมีผ้าพันคอกับหมวกบีนนี่ครับ เพราะเป็นของที่น่าจะใช้ได้เกือบทุกวันกะว่าใช้ให้คุ้มเลย 555 แฟน The Cop ที่รักคงไม่โกรธกันนะครับถ้าจะเปลี่ยนมาใส่พร๊อพของทีมอื่นบ้าง ดูเอาเถอะครับมันสวยขนาดนี้ใครจะอดใจอยู่ ผมโคตรภูมิใจเลยที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ไปโกอินเตอร์ ทุกอย่างที่มันมาจากฝีมือคนไทยแล้วมันได้ไปปรากฏต่อสายตาต่างชาติ ถึงผมจะไม่ได้มีส่วนร่วมลงมือทำ แต่ผมกลับรู้สึกภูมิใจไปด้วย
ต้องขอบคุณคิงเพาเวอร์จริงๆ ที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ฝีมือคนไทย อีกทั้งยังเป็นช่องทางนำพาสินค้าไทยไปสู่สากลด้วย ต้องขอบคุณชาวสกลนครและทีมดีไซเนอร์ที่ผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นไทยให้ดูร่วมสมัยและมีเอกลักษณ์ ได้ สินค้าทุกชิ้นมันจะมีความยูนีคในตัวมันเองจากการย้อมคราม ทั้งความเข้มและลวดลายแต่ละชิ้นมันจะไม่เหมือนกันไม่ต้องกลัวว่ามันจะซ้ำ สงสัยฤดูกาลนี้ผมคงต้องแอบปันใจมาเชียร์เลสเตอร์บ้างแล้ว
นักเตะเลสเตอร์เองก็ใช้กระเป๋าคราม
เสื้อยืดก็สวยชักอยากได้แล้วซิ
ถ้าคนไทยให้ความสนใจกันเยอะต่อไปในเมืองไทยอาจจะมีขาย ตอนนี้ใครสนใจคงต้องบินไปช้อปกันที่ The City Fanstore at King Power Stadium เมืองเลสเตอร์ไปก่อน ถ้ามีช่องทางอื่นให้ซื้อได้กระซิบบอกกันด้วยนะครับ ส่วนระหว่างที่รอคิงเพาเวอร์ตั้งร้านขายของที่ระลึกทีมเลสเตอร์ที่ไทยผมจะช่วยอุดหนุนสินค้าไทยเพื่อคนไทยไปพลางๆ ครับ