ลุงตู่ไปเยือน EU คนไทยได้อะไร ?
วันนี้ (20 มิ.ย.) เป็นวันที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมด้วยคณะทำงานทีมเศรษฐกิจได้ออกเดินทางไปยังสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งมีกำหนดการเยี่ยมเยือนทั้งสิ้น 5 วันระหว่างวันที่ 20-26 มิ.ย. 2561 มีเป้าหมายของภารกิจครั้งนี้ด้วยกัน 3 ข้อ
1. เข้าพบกับนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายเอ็มมานูเอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส
2.นำทีมเศรษฐกิจและเอกชนไทย ไปโรดโชว์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักธุรกิจต่างชาติในกลุ่ม EU เกิดความสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC
3.เป็นสักขีพยานใน พิธีลงนามร่วมทุน ระหว่างการบินไทยกับบริษัทแอร์บัส เพื่อพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์ซ่อมบำรุงเครื่องบินโดยสารระดับอินเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ซึ่งการยอมเปิดทำเนียบให้กับผู้นำรัฐบาลที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่เรื่องปกติ ที่กลุ่มประเทศ EU เค้าทำกัน แต่ครั้งนี้ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายเอ็มมานูเอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส ยอมเปิดทำเนียบให้นายกรัฐมนตรีไทยเข้าพบนั้น คาดว่าน่าจะมาจาก 2 สาเหตุหลักคือ ความเชื่อมั่น ที่รัฐบาล คสช. พยายามพิสูจน์ให้เห็นในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโรดแมพการเลือกตั้งที่ออกมายืนยันแน่ชัดแล้วว่า จะมีการคืนอำนวจให้ประชาชนอย่างแน่นอน กับอีกประเด็น คือการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดทำเนียบขาวต้อนรับให้นายกไทยเข้าพบเมื่อหลายเดือนก่อน ก็เป็นเสมือนใบการันตีว่ารัฐบาล คสช. ชุดนี้มีความเชื่อมั่นในระดับนึง
ย้อนดูความสัมพันธ์ด้านการค้า- การลงทุน
อังกฤษมีดีที่โบอิ้ง II ฝรั่งเศสมีดีที่แอร์บัส
ไทย-อังกฤษ
หากย้อนดูสถิติทางการค้าขายสินค้าที่ไทยนำเข้าจากอังกฤษมากที่สุดจะเป็น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่ น้ำอัดลมและสุรา ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอังกฤษ คือ ยานยนต์และชิ้นส่วน ไก่แปรรูป แผงวงจรไฟฟ้าอัญมณีและเครื่องประดับ จักรยานยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งปัจจุบันไทยได้เปรียบดุลการค้าอังกฤษ
(มูลค่าการค้ารวม : 5,867.08 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แบ่งเป็น ไทยส่งออก 3,851.92 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ นำเข้า 2,015.16 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ไทยได้เปรียบดุลการค้า 1,836.76 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ที่มา. กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ 2559)
ไทย-ฝรั่งเศส
โดยสำหรับฝรั่งเศสสินค้าที่ไทยที่นำเข้าจากฝรั่งเศสที่มีมูลค่ามากที่สุด ก็คือ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ โดยในปี 2559 มีมูลค่าสูงถึง 34,812 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35 ของมูลค่านำเข้าจากฝรั่งเศส ส่วนสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปฝรั่งเศส คือ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เลนส์ อัญมณีและเครื่องประดับ และเครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ซึ่งปัจจุบันไทยเสียดุลการค้าฝรั่งเศส
(มูลค่าการค้ารวม 153,848 ล้านบาท แบ่งเป็น ไทยส่งออกไปยังฝรั่งเศส มูลค่า 54,483 ล้านบาท ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากฝรั่งเศสมีมูลค่าสูงถึง 99,366 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยเสียดุลการค้าเป็นมูลค่า 44,884 ล้านบาท ที่มา. กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ 2559)
โดยทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส มีการส่งออกและนำเข้าสินค้าประเภทส่วนประกอบของเครื่องบิน เครื่องยนต์กันเป็นหลัก โดยการเยือน EU ครั้งนี้ของท่านนายก อย่างที่กล่าวไปด้านบนว่า ส่วนนึงของภารกิจจะเป็นการต่อยอดโครงการพัฒนาเมืองภาคตะวันออก EEC ด้าน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโครงการที่ 2 ต่อจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา
ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการบริหารสนามบินหลายรายให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้บริหารสนามบิน ปารีส ชาร์ล เดอโกล และ วินชี แอร์พอร์ต ที่ให้ความสนใจ ซึ่งเมื่อศูนย์ซ่อมเครื่องบินแห่งใหม่เกิดขึ้นในสนามบินอู่ตะเภาคาดว่าจะยิ่งดึงให้มีการจัดตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์เครื่องบินตามา และจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกให้แห่เข้ามาตั้งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ๆใน ECC อีกมากมาย เรียกได้ว่าเวลานั้น เราคงเห็นธุรกิจต่างชาติบุกเข้ามาประเทศไทยเราอย่างมากมาย แต่ใครที่กลัวว่าประเทศเราจะเสียดุลให้ต่างชาติมายึดประเทศ ต้องขอบอกว่า นักธุรกิจ หรือกลุ่มเอกชนไทย ที่ขยายธุรกิจไปสร้างชื่อและเติบโตในกลุ่มประเทศ EU อย่าง CPF ,ไทยเบฟ, Siam Winery
เรียกว่าการบินไปเยือน EU ของท่านนายกฯ ครั้งนี้ ถูกที่ ถูกทาง ที่หอบเอาความหวังประเทศไทยพร้อมผลงานชิ้นโบว์แดงอย่าง EEC ไปโชว์ให้โลกได้เห็น คนไทยอย่างเราก็ต้องเอาใจช่วยท่านนายกให้การเดินทางครั้งนี้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน