ศรีสุวรรณ เรียกร้องนายกฯ นำสับปะรด-สินค้าเกษตรไปบาร์เตอร์เทรดซื้ออาวุธและดาวเทียมในคราวไปอังกฤษ-ฝรั่งเศษ
20 มิ.ย.2561 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสท์เฟซบุ๊กแถลงการเรียกร้องให้นายกฯ นำสับปะรดและสินค้าเกษตร ที่กำลังตกต่ำในขณะนี้ ไปเจราจาบาร์เตอร์เทรด หรือ (G to G) ในการซื้ออาวุธและดาวเทียม ในคราวไปอังกฤษ-ฝรั่งเศษด้วย
โดยชี้ว่าตอนนี้ ปัญหาสับปะรดและสินค้าเกษตรต่าง ๆตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรกำลังทุกข์ระทม และนายกฯ ควรที่จะสั่งการให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ เข้าไปช่วยดูแลแก้ไขให้เป็นการเร่งด่วน โดยนายศรีสุวรรณอ้างว่า นายกฯ กลับโบ๊ยปัญหาและหนีไปอังกฤษและฝรั่งเศษ เพื่อเซ็นต์สัญญาซื้อดาวเทียมธีออส 2 หรืออาจจะพ่วงด้วยการซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย
โดยไม่สนใจเลยว่าปัญหาของเกษตรกร โดยแนะว่าหรือหากอยากจะซื้อดาวเทียมหรือซื้ออาวุธในคราวนี้ ก็ควรนำผลผลิตทางการเกษตรไปเจรจาซื้อขายแบบบาร์เตอร์เทรด (G to G) แทนมากกว่าที่จะหอบเอาเงินของชาติไปซื้อเขาเป็นอย่างเดียว จนตอนนี้ไทยมีหนี้สาธารณะสะสมมากว่า 5.18 ล้านล้านบาทแล้ว
โดยนายศรีสุวรรณโพสท์ข้อความระบุว่า แถลงการณ์สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
เรื่อง ขอเรียกร้องให้นายกฯ นำสับปะรดและสินค้าเกษตรไปบาร์เตอร์เทรดซื้ออาวุธและดาวเทียมในคราวไปอังกฤษ-ฝรั่งเศษ
ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไป ราคาสับปะรดตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ราคาหน้าสวนเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1-2 บาทเท่านั้น ทำให้เกษตรกรบางจังหวัดต้องนำมากองแจกจ่ายให้กับผู้บริโภคเพื่อประชดการขาดความเหลียวแลของรัฐบาลนั้น
ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงผลงานของรัฐบาลยุค คสช. ที่เด่นชัดยิ่ง ไม่เฉพาะสับปะรดเท่านั้นที่ราคาตกต่ำแต่พืชผลทางการเกษตรหลายชนิดก็ราคาตกต่ำไม่ต่างกัน เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว ข้าวโพด มะนาว ฯลฯ แม้นายกรัฐมนตรีจะยืนยันกับเกษตรกรในยามลงพื้นที่พบปะชาวบ้านว่าประเทศไทยเป็น “ครัวของโลก” แต่ก็เป็นเพียงลมปากของนักการเมืองที่ไร้ความสามารถและไร้ความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง
รัฐบาลมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดการปัญหานี้มากมาย และสามารถล่วงรู้ปริมาณและสถานการณ์ของผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ล่วงหน้าแล้วก็ตาม เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่ทว่ากลับไม่สามารถจัดการปัญหาผลผลิตล้นตลาด
ราคาผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ตกต่ำได้ แม้จะกล่าวอ้างว่าเป็นยุคไทยแลนด์ 4.0 แต่ก็เป็นเพียงม๊อตโต้ของหน่วยงานราชการที่จะใช้เป็นข้ออ้างในการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้งานในหน่วยงานตน แต่งานที่จะเข้าไปจัดการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกรยังเป็นเพียงเช้าชามเย็นชาม ในยุคไทยแลนด์ 1.0 เท่านั้น
ปัญหาสับปะรดและสินค้าเกษตรต่าง ๆ ตกต่ำเป็นความทุกข์ระทมของเกษตรกรซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งควรที่นายกฯควรที่จะสั่งการให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ เข้าไปช่วยดูแลแก้ไขให้เป็นการเร่งด่วน แต่ทว่านายกฯกลับโบ๊ยปัญหาและหนีไปอังกฤษและฝรั่งเศษเพื่อเซ็นต์สัญญาซื้อดาวเทียมธีออส 2 หรืออาจจะพ่วงด้วยการซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วย
โดยไม่สนใจเลยว่าปัญหาของเกษตรกรจะล้มหายตายจากไปอย่างไรก็ช่าง หรือนายกฯอยากจะซื้อดาวเทียมหรือซื้ออาวุธในคราวนี้ ก็ควรนำผลผลิตทางการเกษตรไปเจรจาซื้อขายแบบบาร์เตอร์เทรด (G to G) แทนมากกว่าที่จะหอบเอาเงินของชาติไปซื้อเขาเป็นอย่างเดียว จนมีหนี้สาธารณะสะสมมากว่า 5.18 ล้านล้านบาทในขณะนี้
นอกจากนั้น พรรคการเมืองทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า ที่ชูคอสลอนว่าสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ ควรที่จะออกมาแสดงความสามารถในการแก้ไขปัญหาสับปะรดและผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ตำต่ำว่าจะช่วยเกษตรกรได้อย่างไรด้วย ไม่ใช่จะแสดงความสามารถเพียงแค่เก่งในทางเชลียร์ หรือเก่งแต่การดูด แต่เพียงอย่างเดียว
แถลงมา ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2561
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
หมายเหตุ ** (BARTER TRADE) เป็นส่วนหนึ่งของเคาน์เตอร์เทรด (COUNTER TRADE) หรือการค้าต่างตอบแทน นั่นคือ การที่ประเทศหนึ่ง ตกลงซื้อสินค้าจากอีกประเทศหนึ่ง เป็นการตอบแทนที่ประเทศนั้นซื้อสินค้าหรือบริการของตน **