วิกฤตเมฆพิษจากลาวาภูเขาไฟคิลาเวที่ไหลลงมหาสมุทรแปซิก หวั่นอันตรายต่อโลกมนุษย์
USGSสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐกังวลวิกฤตเมฆพิษจากลาวาภูเขาไฟคิลาเวที่ไหลลงมหาสมุทรแปซิก หวั่นอันตรายต่อโลกมนุษย์
ภูเขาไฟคิลาเวในรัฐฮาวาย สหรัฐฯยังคงวิกฤตต่อเนื่อง สถาบันสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ(USGS)บินสำรวจตรวจลาวาที่มีอุณหภูมิสูงนับพันองศาที่ไหลลงกระทบกับมหาสมุทรแปซิฟิก หวั่นกลายเป็นเมฆที่มีฤทธิ์กัดกร่อน อันตรายต่อระบบหายใจและผิวหนัง
13 มิถุนายน 2561-สถานการณ์ภูเขาไฟ ‘คิลาเว’ ในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ยังคงวิกฤตต่อเนื่องนานกว่าสามสัปดาห์ โดยเฉพาะลาวาที่ไหลออกมาตามรอยแยกของแผ่นดินขณะนี้เข้าปกคลุมพื้นที่กว่า 5,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 20 ตารางกิโลเมตร ทำลายบ้านเรือนไปกว่านับร้อยหลัง รวมถึงบริเวณเขตน้ำตื้นของอ่าวคาโปโฮที่ลาวาไหลผ่านลงสู่ทะเลก็แปรเปลี่ยนไปแผ่นดินใหม่ที่ขยายออกมาจากเดิมความยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร
ล่าสุด คลิปวิดีโอของสถาบันสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS)ได้บินเฮลิคอปเตอร์ถ่ายภาพสำรวจตรวจจับช่วงเวลาที่แมกม่าของภูเขาไฟคิลาเว( Kilauea)ในฮาวาย เกิดการระเบิดรุนแรงและพ่นแม่น้ำลาวาที่หลอมละลายไปทั่วเกาะ Big Island เป็นเวลากว่า 40 วัน
สถาบันสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐ (USGS) ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มีรอยแยกของลาวาภูเขาไฟคิลาเว บนเกาะใหญ่ทั้งหมด 22 รอย โดยลาวาทั้งหมดได้ไหลมาบรรจบกับเป็นสายเดียวก่อนจะเดินหน้าลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ทางการระบุว่า เมื่อลาวาร้อนที่มีอุณภูมิสูงนับพันองศา ปะทะเข้ากับน้ำทะเลที่เย็นจัดจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีเป็นก๊าซระเหยที่เต็มไปด้วยกรดไฮโดรคลอริก ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจและผิวหนัง
อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ทางการได้ระบุว่า พื้นที่บริเวณโดยรอบภูเขาไฟนั้นตรวจพบค่าความเข้มข้นของก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
USGS เตือนว่าลาวาไหลจาก Fissure 8 ยังคงเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลมากกับการไหลของลาวาไปตามช่องทางไปทางทิศใต้ทิศตะวันออกของ Big Island กลายเป็นเมฆที่มีฤทธิ์กัดกร่อนของกรดขณะที่มันกระทบกับมหาสมุทรแปซิฟิก
อย่างไรก็ดี คาดว่าจะมีพืชขึ้นใหม่บนแผ่นลาวาที่เย็นตัวลงเกิดเป็นแผ่นดินใหม่ในเร็วๆ นี้ แต่ก็คงใช้ระยะเวลานานกว่าจะเป็นพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์และคงไม่สามารถเป็นพื้นที่เพาะปลูกแบบดั้งเดิมได้ ขณะเดียวกัน ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าในส่วนของพื้นดินเดิมที่ถูกลาวาปกคลุมจะกลับมามีลักษณะเช่นไร
Source : USGS