เด้ง'พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ' ผกก.ตม.นครพนม เซ่นคดีพระพรหมเมธีหนีข้ามลาว
พระพรหมเมธีหนีข้ามไปลาวโดยผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านพรมแดนสะพานไทยลาว นครพนม – คำม่วน
คำสั่งจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 4 เด้งพ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผกก.ตม.นครพนม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตม.ภาค 4 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมมอบหมายให้ พ.ต.ท.นิธิวัชร์ ดิลกพงศ์โยธิน รอง ผกก.ตม.นครพนม รักษาราชการแทน ส่วนผลการสอบสวน ตำรวจทั้ง 2 นาย ยังไม่มีสรุปผลการสอบสวนออกมา
13 มิถุนายน 2561- คำสั่งจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ภาค 4 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2561 ให้ พ.ต.อ.ชัยยศ วรักษ์จุนเกียรติ ผกก.ตม.นครพนม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมืองภาค 4 และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย พร้อมมอบหมายให้ พ.ต.ท.นิธิวัชร์ ดิลกพงศ์โยธิน รอง ผกก.ตม.นครพนม รักษาราชการแทน ส่วนผลการสอบสวน ตำรวจทั้ง 2 นาย ยังไม่มีสรุปผลการสอบสวนออกมา
ที่มาของการย้ายผกก.ตม. ช่วยราชการ ศปก.ตม.4 สืบเนื่องมาจากกรณีปัญหาการหลบหนี พระพรมเมธี หรือเจ้าคุณจำนงค์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีเงินทอนวัดที่มีการหลบหนี ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ไปยัง สปป.ลาว และเดินทางต่อไปยัง ประเทศเยอรมัน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2561 และยังไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีได้ แม้ว่าทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ นำกำลังตำรวจกองปราบปราม พร้อมชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบติดตามจับกุมด้วยตนเองก็ตาม
การหลุดรอดหนีไปได้ของพระพรหมเมธี ได้ ที่เริ่มแรกสามารถข้ามไปยัง สปป.ลาว โดยมีสีกาคนสนิทพาหลบหนี ได้อาศัยช่องว่างการทำงาน ของเจ้าหน้าที่ ขออนุญาตทำหนังสือเดินทางผ่านตามช่องทาง ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 นครพนม – คำม่วน
ด้วยเหตุนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงสั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน นายตำรวจ 2 นาย ที่เข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัย นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ ตำรวจ สภ.เมืองนครพนม ที่รับผิดชอบ รวบรวมหลักฐานเสนอศาลจังหวัดนครพนม และมีการอนุมัติออกหมาย จับ 5 บุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการช่วยเหลือการหลบหนี
ประกอบด้วย 1.นางศศิร์อร เจียมวิจิตรกุล หรือสีกาจุ๋ม อายุ 54 ปี ภูมิลำเนาอยู่ กทม. ปัจจุบันพบข้อมูลว่า มีการเดินทางออกประเทศไปยังประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 คนที่ 2 คือ นายพีรวิช ศรีศรัทธา อายุ 28 ปี ลูกศิษย์คนสนิท ปัจจุบันไม่พบข้อมูลเดินทางเข้าออกนอกประเทศ แต่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของตำรวจแล้ว คนที่ 3 คือ นางจิตติมา ลัดตะนะวง อายุ 50 ปี เป็นชาวลาว บ้านอยู่แขวงคำม่วน สปป.ลาว รวมถึงลูกสาวและลูกชาย อีก 2 คน คือ นางจันทะนา ลัดตะนะวง อายุ 27 ปี และ นายน้อย ลัดตะนะวง อายุ 28 ปี
ผู้ต้องหาทั้งหมดมีความผิดฐานช่วยเหลือให้การหลบหนี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือ เป็นผู้ต้องหากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษ จำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อยู่ระหว่างทางตำรวจเร่งประสานกับทางการลาวติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี โดยคดีนี้ทางตำรวจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อ อ้างว่า จะกระทบการทำงานของตำรวจ
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่มอบนโยบายติดตามการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เพื่อติดตามรับทราบปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561 พร้อมกำชับเข้มเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ทำการตรวจสอบคัดกรอง บุคคลที่เดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกจุด ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม รวมถึงไปถึง ด่านชายแดน พื้นที่ภาคอีสาน รวม 9 จังหวัด ห้ามบกพร่องต่อหน้าที่