นักศึกษาทั้งห้องเงียบกริบจนครูต้องถามว่า ทำไมเงียบกันจัง
เมื่อครูสั่งงานให้นักเรียนทำ แล้วออกไปทำธุระ
สักพักพอกลับเข้ามาอีกที เดินมาจะถึงหน้าห้อง แต่ห้องเรียนกลับเงียบสนิท ราวกับว่าไม่มีใครอยู่
พอเดินผ่านประตูเข้าไปในห้อง ถึงเห็นนักเรียนทั้งชั้น ก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือตัวเองกันแทบทุกคน
ครูเลยสงสัย ว่าเป็นอะไร ทำไมพากันเงียบได้ขนาดนั้น
นักศึกษาคนหนึ่งก็เลยบอกว่า เขาพากันอ่านเรื่องป้าคนหนึ่งอยู่
มันส์มาก ครูลองอ่านดูซิ
ครูแปลกใจ เรื่องอะไรกัน มันถึงทำให้พวกเธอสนใจกันขนาดนั้นเลยหรือ
ว่าแล้วครูก็เลยลองอ่านดูบ้าง
โดยเรื่องมันเริ่มจาก...
ผมพึ่งเรียนจบจากมหาลัย และได้เข้ามาทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
หัวหน้าผมเขาเป็นรุ่นพี่ที่จบมาจากสถาบันเดียวกันกับผม
หลังจากช่วยงานหัวหน้าเสร็จแล้ว
ในบางวัน เขาก็ลองให้ผมไปทำหน้าที่เป็น ทนายอาสา
รับให้คำปรึกษาเกี่ยวกับคดีความฟรี ที่ศาลแห่งหนึ่ง
ที่สำนักงานศาล ที่นั่น จะมีที่ สำหรับให้ ทนายที่อยากอาสา ให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วไป
เข้าไปนั่งรอพบปะประชาชนได้
ผมเข้าไปทำงานอยู่ที่นั่น ประมาณอาทิตย์หนึ่ง มีคนมาขอคำปรึกษา ไม่กี่ราย แต่ก็เป็นคดีที่ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก
วันนี้ เจอพี่ที่เป็นหัวหน้าผม เขาก็ถามว่า "เป็นยังไงบ้าง มีคนมาปรึกษาอะไรมากไหม"
ผมก็บอกว่า " ไม่มีเลยพี่ ส่วนใหญ่ก็มีคดีเล็กๆน้อยๆ "
แต่เมื่อวาน ผมเจออะไรแปลกๆ ก็เลยเล่าให้หัวหน้าฟัง
" อ้อ มี เมื่อวาน รายสุดท้าย แปลกๆ นะ
มีป้าคนหนึ่งแต่งตัวมอซอ ผมเผ้ารุงรัง
มาขอร้องให้ช่วยเรื่อง ที่ดิน แกบอกว่า แกโดนโกงที่ดิน "
หัวหน้าผมหันมามองหน้าผม แต่ไม่ได้พูดอะไร
แล้วผมก็เล่าต่อ
"แต่ยังไม่ทันฟังรายละเอียดเลย
พอพี่ทนายที่อยู่อีกห้องหนึ่งเห็นป้า
ก็ชี้มือมาทางป้า ป้าแกก็ดูลนลานตกใจ วิ่งหนีไปเลย"
หัวหน้าผม หัวเราะ เดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ
"เอง ซวยแล้ว เจอคนบ้ามาขอคำปรึกษา ให้เองไปหาอาบน้ำมนต์ 9 วัดได้เลย"
พูดจบแกก็หัวเราะอีก
ผมก็เลยสงสัยถามแกไปว่า " ยังไงพี่ อธิบายหน่อย "
หัวหน้าผมแกก็เล่าว่า
"ป้าคนนี้ คนแถวนั้นเขารู้จักกันทั้งนั้นแหละ แกเป็นคนสติไม่ดี
ก่อนหน้านี้เมื่อยี่สิบปีก่อน แกมาร้องเรียนกับทนายอาสาคนหนึ่ง
ป้าแกโดนโกงที่ดินหมดเนื้อหมดตัวไม่มีเงินสักบาท
ทนายอาสาคนนั้นก็ช่วยแกฟ้องร้อง ดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างให้
แต่สุดท้ายก็จนด้วยหลักฐาน
เพราะว่า ที่ดินทั้งหมดที่แก กล่าวอ้างว่าเป็นของแก สรุปแล้วทั้งหมดไม่ใช่ของป้า
ตั้งแต่นั้นแกก็เสียสติ เหม่อลอย ชอบพูดคนเดียวบ้าง ชอบด่าคนไปทั่วบ้าง
และที่เห็นบ่อยๆ แกก็จะชอบมานั่งรอทนายอาสา เพื่อให้เขาฟ้องร้องเรื่องที่ดินให้แก เกือบทุกวัน
หลังๆมานี่ นานๆ ถึงจะเห็นแกมาที "
ผมก็เลย เก๊ท " อ๋อมันเป็นแบบนี้นี่เอง
มิน่าป้าเจอพี่ทนายคนนั้น แกถึงกลัว สงสัยป้าแกเคยโดนตะเพิดไล่มาก่อน "
ผมแวะเวียนกลับไปรับเรื่องร้องทุกข์ ให้คำปรึกษา บ้าง ตามเคย แต่ไม่ได้ไปทุกวัน เหมือนตอนแรกๆ
แม้เวลาจะผ่านไปหลายอาทิตย์แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องป้าแก่ๆคนนั้น
มันคอยมีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับป้าแก ผุดขึ้นมาเป็นระยะ ระยะ
เหมือนเป็นความสงสัยใคร่รู้บ้างอย่าง ที่ตัวผมเองอาจจะเป็นพวกชอบ เผือกเรื่องชาวบ้านชาวช่องมั้ง
จนกระทั้งวันหนึ่ง
เย็นมากแล้ว ผมกำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน แต่ฝนก็ดันตกลงมาเสียก่อน
ช่วงที่หันไปก้มๆเงยๆเก็บของใส่กระเป๋า
ผมหันกลับมาที่โต๊ะอีกที ก็ตกใจแทบหงายท้อง
อยู่ๆ มีป้าคนนั้น มานั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างหน้าโต๊ะผม
ผมตกใจ แต่ก็เก็บอาการไว้
" อ้าวป้า มานั่งไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลย "
ป้าแกก็มองมาที่ผม
" ป้ามาขอคำปรึกษาหน่อย เรื่องคดีความ "
ผมก็ถามไปว่า
"แล้วเหตุการณ์มันเกิดนานยังป้า "
ป้าก็บอกว่า " ยี่สิบกว่าปีแล้ว
ผมฟังแล้วก็นะ " โหป้า ป่านนี่แล้ว คงยากแล้วป้า "
ป้าแกก็ ทำหน้าเศร้า "ก็ป้าไปขอร้องใครๆ ก็ไม่มีใครช่วยป้าเลย ยังไงคุณก็อย่าพึ่งไล่ป้าเลยนะ ฟังป้าก่อน"
ผมเห็นแล้วก็นึกสงสารป้า
ยิ่งรู้ว่าแกเป็นคนสติไม่ดี เราก็ไม่อยากขัดใจเท่าไหร่
เดี๋ยวอารมณ์ขึ้น จะพาลมาด่าเราอีก งั้นให้แกได้พูดๆไปแล้วกัน เอาที่ป้าแกสบายใจ
ชายหนุ่ม : ป้าแล้วป้าชื่ออะไร
ป้า: สุจิตรา จ๊ะ
ชายหนุ่ม : เรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไงป้า
แล้วป้าก็เริ่มเล่า
"สามีป้า มีเมียสองคน ป้ามีลูกกับสามีหนึ่งคน แล้วต่อมา สามีก็ไปเอาเมียน้อยมาอยู่ด้วยที่บ้าน
สามีของป้าไม่ได้ทำงานอะไร พอพ่อของสามีป้าตาย ก็ได้แบ่งมรดกไว้ให้ตามพินัยกรรม
โดยที่ สามีป้ามีพี่น้องแค่สองคน ก็คือแบ่งมรดกกับพี่ชาย กันคนละครึ่ง"
ป้าเล่าว่า "หลังจากแบ่งมรดก เมียน้อยมันจ้างคนมาฆ่าพี่ชายของสามีป้า ทุกวันนี้หายสาบสูญไม่รู้ชะตากรรมเป็นตายร้ายดีประการใด"
ผมก็ถามว่า "แล้วป้ารู้ได้ไงว่าเป็นเมียน้อยมาอุ้มพี่ชายของสามีป้า"
ป้าบอกว่า "ป้าแอบได้ยินนางเมียน้อย มันสั่งการกับผู้ชายคนหนึ่งว่า จัดการคืนนี้เลย แล้วต่อมาพี่ชายสามีป้าก็หายไปเลยหลังจากคืนนั้น"
ป้าเล่าว่า " ต่อมาไม่นาน เมียน้อยมันวางแผนจะ ฆ่าป้า โดยเอายาพิษ ใส่ไว้ในอาหาร แต่สุดท้าย สามีของป้าดันไปกินอาหารที่มียาพิษนั้น
แล้วต่อมาสามีก็ล้มป่วยจนตาย "
ผมก็ถามว่า "แล้วป้ารู้ได้ไงว่า เมียน้อยวางยาพิษป้า"
ป้าก็บอกว่า "ป้ามารู้ภายหลัง เพราะมีคนรับใช้เก่าแก่ของสามีมาบอก แต่สุดท้าย ก็โดนฆ่าปิดปาก"
ป้าเล่าต่อ
"พอสามีป้าเสีย เมียน้อยมันก็วางแผนหุบมรดก
โดยไปปลอมแปลงทะเบียนสมรส ว่ามันเป็นเมียหลวงถูกต้องตามกฏหมาย
ทั้งๆที่ป้าเองได้จดทะเบียนสมรสก่อนหน้านั่งเมียน้อยมัน แต่ป้าก็ไม่เข้าใจว่ามันไปแก้ไขปลอมแปลงอะไรกันยังไง
จนทำให้ ทะเบียนสมรสของป้าออกมาเป็นทะเบียนสมรสซ้อน
ป้าว่ามันต้องทำเป็นขบวนการใหญ่"
พอผมนั่งฟัง ก็ได้แต่นั่งอึ้ง
แล้วก็ถามป้าไปว่า " แล้วป้าเอา ทะเบียนสมรสของป้ามาด้วยไหม "
ป้าพยักหน้า "นี่จ๊ะ.. "
แกยื่นกระดาษเก่าๆ ยับยู่ยี่ มาให้
ผมดูแล้ว มันเป็นสำเนา เหมือนถ่ายเอกสารมาไม่ชัด
"มันไม่ค่อยชัดเลยอะป้า มีอันที่ชัดๆไหม "
ป้าบอกว่า "ป้ามีเท่านี่แหละ ลองไปดูก่อน"
ป้าเล่าต่อ
"หลังจากสามีป้าเสียชีวิต เมียน้อยมันหุบมรดกไว้คนเดียว
แล้วก็ไล่เราแม่ลูกไปอยู่เรือนหลังเล็ก แล้วมันก็วางแผนฆ่าลูกของป้า ลูกป้าถูกพวกมันจับกดน้ำตาย
แล้วผมก็ถามป้า "ป้ารู้ได้ยังไงว่าเป็นฝีมือของฝ่ายเมียน้อย จะพูดอะไรมันต้องมีหลักฐานนะป้า"
ป้าบอกว่า "ไม่มีหลักฐาน แต่วันที่เกิดเหตุ พวกมันใช้ป้าไปทำธุระข้างนอก พอกลับมาบ้าน ลูกสาวป้าก็ตาย ฮือๆ.."
ป้าร้องไห้ออกมา
ผมก็ถามไปว่า "แล้วทำไมป้าไม่ไปแจ้งความ ที่ลูกป้าถูกฆ่าตาย"
ป้าก็ตอบว่า " เพราะนั่งเมียน้อยมันมีอิทธิพลมาก พอไปแจ้งความ ทางตำรวจ เขาก็มาบอกว่า ลูกสาวตายเพราะจมน้ำ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ "
"แล้วคดีก็เงี่ยบไป"
แล้วป้าก็นั่งร้องไห้ต่อ
ผมก็ถามป้าไปว่า "แล้วป้าจะมาให้ผมช่วยอะไร ในเมื่อมันก็ผ่านมานานแล้ว "
ป้าสะอื้อไห้ " ป้าไม่หวังอะไรแล้ว แค่คุณช่วยป้าทำความจริงให้ปรากฏก็พอ "
"โหป้า หลักฐานก็ไม่มี เท่าที่มีก็มีแค่ ทะเบียนสมรสของป้านี่ มันจะทำไรได้ป้า"
ผมฟังแล้ว มึนหัวตึ๊บเลย
ก็เลยบอกแกไปว่า " เอาหละป้า เดี่ยวผมจะลองหาทางดูแล้วกันนะ "