โบราณว่า “ห้ามแมวดำข้ามศพ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์แก่วิญญาณผู้ตายให้กลายเป็นผีดุร้าย”
ห้ามแมวดำข้ามศพ
โบราณว่า “ห้ามแมวดำข้ามศพ มิฉะนั้นจะเกิดอาถรรพ์แก่วิญญาณผู้ตายให้กลายเป็นผีดุร้าย”
ปริศนาข้อห้าม
แมวดำกระโดดข้ามหีบศพ จะทำให้วิญญาณผู้ตายกลายเป็นผีเฮี้ยนได้จริงหรือ?
ไขปริศนาข้อห้าม
ในสมัยโบราณ เมื่อมีงานศพเจ้าภาพจะจัดหาอาหารมาเลี้ยงแขกเหรื่อในพิธี แมวเป็นสัตว์ที่เงียบเมื่อมันได้กลิ่นอาหารก็จะไปซ่อนตัว รอจังหวะขโมยอาหาร โดยเฉพาะแมวดำที่สีกลมกลืนกับความมืด เมื่อจู่ๆ มันปรากฏตัวขึ้นผู้คนก็พากันตกใจคิดว่าเป็นผี ส่วนเจ้าแมวก็พาลตกใจวิ่งพล่านซนโต๊ะหมู่บูชาล้มกระจัดกระจาย หรือซ้ำร้ายกระโดดข้ามหีบศพ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ถือเป็นการไม่ให้ความเคารพศพ
อีกประการคือ สมัยโบราณยังมีความเชื่อเรื่องเวทมนต์ คาถา และของขลัง ศพผู้หญิงเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำน้ำมันพราย หรือไม่ก็อาจมีสัตว์ร้ายแอบมากินศพได้ จึงต้องมีคนเฝ้าศพตลอดเวลา
กล่าวได้ว่า ข้อห้ามนี้อาจเป็นเพียงกุศโลบายให้ความเคารพศพ รักษาศพและรักษาสภาพจิตใจผู้สูญสียบุคคลอันเป็นที่รักมากกว่าจะทำให้วิญญาณผู้ตายกลายเป็นผีเฮี้ยน
ความแยบยล ลึกซึ้ง และลึกลับของกุศโลบา
คนไทยมีความเชื่อเรื่อง “ชีวิตหลังความตาย” และเกรงกลัวผีร้าย เคารพผีเรือน โดยเชื่อกันว่าแมวเป็น สัตว์ที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ ดวงตาสะท้อนแสงแวววาวของมันในยามราตรี บุคลิก ท่วงท่าลึกลับของมันดูน่าขนลุกขนพองต้องตามตำราว่ามันปลุกวิญญาณคนตายให้กลายเป็นผีร้ายได้ ด้วยเหตุนี้ แมวดำจึงกลายเป็นสัตว์ต้องห้ามในพิธีศพนั่นเอง