ต่อยอดอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล สู่ธุรกิจท่องเที่ยวฮาลาล(Halal Tourism)
หลายคนคงคุ้นหูกับอาหารฮาลาลอยู่แล้ว อาหารที่ได้ชื่อว่าผ่านมาตรฐานการรับรองที่ชาวมุสลิม หรือผู้นับถือศาสนาอิสลามสามารถรับประทานได้ ไม่ผิดหลักของศาสนา ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ส่งเสริมการทำอุตสาหกรรมฮาลาลแก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ และไม่เพียงเท่านี้ยังต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวฮาลาลด้วย จะเป็นอย่างไรไปติดตามข้อมูลพร้อมๆ กัน
เมื่อกล่าวถึงกรือเซะ หลายๆ คนคงนึกถึง มัสยิดกรือเซะ ที่ตั้งอยู่ที่บ้านกรือเซะ ตำบลตันหยงลุโละ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี มัสยิดเก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 200 ปี ที่กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2478 มีลักษณะการก่อสร้างเป็นแบบเสากลม โกธิกแบบยุโรป ช่องประตูหน้าต่างมีทั้งโค้งแหลมและโค้งมน หลังคาโดมยังสร้างไม่แล้วเสร็จ บริเวณด้านหน้ามีสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดแห่งนี้ มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่รอให้ชาวไทยและต่างชาติไปเยือน และกรือเซะนี้เองกำลังจะเป็นจุดเริ่มต้นของ Halal Tourism หรือการท่องเที่ยวฮาลาลที่ต่อยอดมาจากอาหารฮาลาลขึ้นชื่อที่มีมากมายหลากหลายชนิดในพื้นที่ปลายด้ามขวานของไทย
นายศุภณัฐ สิรันทวิเนติ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. บอกว่า อาหารฮาลาลเป็นจุดเด่นของพี่น้องชาวแดนใต้ ที่แสดงถึงเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ที่ ศอ.บต. กำลังส่งเสริมขณะนี้ทั้งการฟื้นคืนนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล และสร้างชื่อของดีชายแดนใต้นำสินค้าไปจำหน่ายทุกภูมิภาคของประเทศ และยังเห็นโอกาสต่อยอดไปสู่การท่องเที่ยวฮาลาล ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผสมผสานไปกับการลิ้มรสอาหารฮาลาลพื้นถิ่น
“เราวางแผนไว้ว่าถ้ามีพี่น้องมุสลิมเดินทางมาจากมาเลเซีย เดินเข้ามายังนราธิวาส ก้าวเข้ามาทานอาหารฮาลาลที่นราธิวาสก่อน จากนั้นไปเยี่ยมชมพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน 700 ปี ที่อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส เดินทาง 20 - 30 นาทีจะถึงมัสยิด 300 ปี ที่อำเภอบาเจาะ ก็จะมีอาหารฮาลาลบริการมื้อเที่ยงที่นั่น จากนั้นไปเยี่ยมชมจวนเจ้าเมืองเก่า ที่อำเภอยะหริ่ง ส่วนช่วงเย็นไปมัสยิดกรือเซะแวะละหมาด ก่อนที่จะไปทานอาหารฮาลาล ในจังหวัดปัตตานี ซึ่งร้านอาหารและโรงแรมขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้รับเครื่องหมายอาหารฮาลาลหมดแล้ว ซึ่งการทำทัวร์ฮาลาลก็เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวควบคู่กับการจำหน่ายอาหารฮาลาล ศอ.บต.ได้เสนอจะทำท่องเที่ยวเชิงชุมชน หมายถึงจะทำอย่างไรให้ชุมชนตื่นตัวและรักษาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ รวมถึงการดูแลนักท่องเที่ยว และความปลอดภัย ซึ่งในพื้นที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งอุโมงค์ปิยามิตร น้ำพุร้อน ดอกไม้เมืองหนาว ซึ่งมีแนวคิดที่จะพ่วงการท่องเที่ยวไปกับจังหวัดอื่น เช่น ให้คนที่มาเที่ยวสงขลา หรือสตูล ลงมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย”
โครงการ Halal Tourism ที่จะจัดขึ้นมุ่งหวังให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ พร้อมทั้งยกพื้นที่ “กรือเซะ” เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินกิจกรรม Halal Tourism หวังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของพื้นที่และเป็นชุมชนตัวอย่างในการสร้างการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ ฮาลาลสามารถสร้างมิติการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ได้โดยการพัฒนาทั้ง 4 รูปแบบ คือ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว, การพัฒนาสาธารณูปโภค, การพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว, และการพัฒนาเรื่องการบริหารจัดการ โดยการขับเคลื่อนในระยะแรกนี้จะเปิดพื้นที่กรือเซะ ช่วงเดือนรอมฎอนในการจัดกิจกรรมละศีลอดร่วมกัน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักกรือเซะ ให้เห็นถึงพลังของคนในพื้นที่ที่พร้อมจะร่วมสร้างเมืองที่ดีและแสดงคุณค่าด้านวัฒนธรรม รวมถึงเปิดสถานที่ท่องเที่ยว Halal Street โดยรวบรวมแหล่งอาหารฮาลาล สร้างแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และการเชื่อมโยงภาพรวมการท่องเที่ยวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ปล.กระทู้นี้งดดราม่าเรื่องศาสนานะครับ