สนช.ผ่านร่างกฏหมายรายจ่ายเพิ่มเติมฯ 3 วาระรวด อนุมัติเงิน 150,000,000,000 บาทให้รัฐบาล คสช.
สนช.ทั้งหมด 183 เสียงผ่านร่างกฏหมายรายจ่ายเพิ่มเติมฯ 3 วาระรวดในวันเดียว อนุมัติเงิน 150,000,000,000 บาทให้รัฐบาล คสช. แยกเป็นหนึ่งแสนล้านบาทสำหรับทำโครงการในพื้นที่ ส่วนอีกห้าหมื่นล้านบาทเอาไปเป็นสวัสดิการของข้าราชการ ทั้งบำนาญและค่ารักษาพยาบาล โดยภายในสี่เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2561 นี้ รัฐบาล คสช.บริหารงบแบบขาดดุลงบประมาณไปแล้ว 470,000 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 โดยที่ประชุม สนช. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้เป็นกฎหมาย สามวาระรวดภายในวันเดียว ด้วยคะแนน เห็นชอบ 183 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ซึ่งเป็นการอนุมัติงบประมาณจำนวน 150,000,000,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นล้านบาท) ให้รัฐบาล คสช. นำไปกระตุ้นเศรษฐกิจฐานล่างและชดใช้เงินคงคลังจากค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการ
นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลักการของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 เป็นจำนวนไม่เกิน 150,000,000,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เป็นจำนวนไม่เกิน 100,358,077,000 บาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลัง เป็นจำนวน 49,641,923,000 บาท
สำหรับเหตุผล นาย สมคิด รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า เงินจำนวนไม่เกิน 100,358,077,000 บาท รัฐบาลจำเป็นจะต้องนำไปใช้จ่ายเงินในการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน เพื่อรักษาทิศทางความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน ส่วนเงินอีกจำนวน 49,641,923,000 บาท จะนำไปชดใช้เงินคงคลังจากค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ
นาย สมคิด รองนายกรัฐมนตรียังเน้นว่าในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ การต้องการสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศอย่างมั่นคง ยั่งยืน ประชาชนมีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้การดำเนินงานของรัฐบาลบรรลุผลตามเจตนารมณ์ได้ เพราะจะมุ่งเน้นที่เศรษฐกิจระดับฐานราก ให้สามารถเพิ่งตนเองและแข่งขันได้
สำหรับเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ มีทั้งหมด 18 มาตรา ซึ่งระบุเกี่ยวกับจำนวนงบประมาณว่าจะนำไปให้หน่วยงานใดจำนวนเท่าไรบ้าง ซึ่งพบว่างบประมาณจำนวนมากสุด ร้อยละ 33.09 ถูกนำไปใช้เพื่อชดใช้เงินคงคลัง รองลงมาร้อยละ 22.68 ถูกนำไปให้กองทุนและเงินทุนหมุนเวียน เช่น กองทุนหมู่บ้านกับกองทุนประชารัฐ และกระทรวงมหาดไทย ได้งบประมาณมากที่สุดคือร้อยละ 21.25
ขณะที่สมาชิก สนช. ที่ลุกขึ้นอภิปราย ต่างแสดงความเห็นไปในทางที่ชื่นชมขอบคุณรัฐบาล คสช. เช่น นาย วัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ กล่าวว่า ตั้งแต่อยู่สภามาสี่สมัยเป็น ส.ว.แต่งตั้ง ส.ว.เลือกตั้ง และสนช. อีกสองสมัย ยังไม่เคยเห็นการใช้งบกลางปีเพื่อชาวบ้านโดยตรงขนาดนี้ ส่วนนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ กล่าวว่า งบประมาณที่ลงไปตรงจุดตรงประเด็น โดยเฉพาะการที่งบประมาณส่วนหนึ่งจะถูกนำไปลงในภาคเกษตรซึ่งจะทำให้ภาคเกษตรเข้มแข็ง แข็งแรง ยั่งยืน
ขณะที่ นายวิทยา ฉายสุวรรณ กล่าวว่า งบประมาณนี้จะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะทำได้ดีแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นเศรษฐกิจในระดับมหภาค แต่เศรษฐกิจระดับเล็กๆ ยังมีปัญหาจริงๆ เพราะจากที่ สนช. ลงพื้นที่ไปทั่วประเทศในทุกสัปดาห์พบปัญหากว่า 8,000 เรื่อง แต่เราแก้ได้แล้วประมาณ 7,000 เรื่อง ซึ่งที่ยังแก้ไม่ได้เพราะติดปัญหาข้อกฎหมายและการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ดังนั้น ขอชื่นชมโครงการไทยนิยมเข้มแข็ง ซึ่งโครงการนี้กระทรวงมหาดไทยจะได้ทำร่วมกับ สนช.
อย่างไรก็ตาม สนช. แต่ละคนก็มีข้อกังวลร่วมกันว่า อยากให้รัฐบาลหาวิธีจัดการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ หาวิธีไม่ให้งบประมาณรั่วไหล ทำให้งบประมาณถึงฐานล่างจริงๆ สุดท้าย สนช. เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 เป็นกฎหมาย โดยใช้เวลาวันเดียวผ่านสามวาระรวด และไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมใดๆ
ทั้งนี้ ระยะเวลาภายในสี่เดือนที่ผ่านมาของปีงบประมาณ 2561 นี้ รัฐบาล คสช.บริหารงบแบบขาดดุลงบประมาณไปแล้ว 470,000 ล้านบาท (ยังไม่รวมยอดใหม่นี้) ขณะที่เมื่อปีงบประมาณที่แล้ว รัฐบาลทำสถิติขาดดุลงบประมาณสูงที่สุด 536,000 ล้านบาท
source: สภานิติบัญญัติแห่งชาติ