บริษัทมหาชนครอบงำตลาด?
ความน่าหวาดวิตกประการหนึ่งก็คือ บริษัทมหาชนมีสัดส่วนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตจะไม่เหลือบริษัทเล็ก ๆ หรือไม่ บริษัทเล็ก ๆ จะรอดหรือไม่
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สำรวจพบว่าในช่วงก่อนปี 2540 บริษัทมหาชนมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 1/3 แต่ปัจจุบันมีถึง 4/5 เข้าไปแล้ว แสดงว่าบริษัทมหาชนมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่บริษัทเดียว มีบริษัทมหาชนมากขึ้นตามลำดับ
ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมหาชนและบริษัทในเครือครองส่วนแบ่งตลาดถึง 78% ของมูลค่าการพัฒนา และ 77% ของจำนวนหน่วยขาย แม้ราคาต่อหน่วยของสินค้าของบริษัทมหาชนจะแพงกว่า แต่กว่าไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อย่างไรก็ตามบริษัทมหาชนขายได้ดีกว่า กล่าวคือในแต่ละเดือนขายได้ 15.4% ในขณะที่บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ขายได้เฉลี่ยเพียง 8.5% ทั้งนี้สำหรับสินค้าใหม่ในตลาดเป็นสำคัญ
ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เชื่อว่าสถานการณ์เช่นนี้คงเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว เมื่อสถานการณ์ตลาดดีขึ้น เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น มีกำลังซื้อมากขึ้น พื้นที่ในแทบทุกทำเลก็ย่อมสามารถพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาใหม่ได้ เจ้าของที่ดินในแต่ละพื้นที่ก็อาจกลายเป็นนักพัฒนาที่ดินเอง หรืออาจร่วมทุนกับนักพัฒนาที่ดินเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมาใหม่
ในประเทศเล็ก ๆ เช่นบรูไน ซึ่งมีประชากรเพียง 400,000 คน ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินรายใดที่สามารถผูกขาดหรือครอบงำตลาดได้แต่อย่างใด ดังนั้นในกรณีของประเทศไทย โอกาสที่จะเกิดการผูกขาดจึงไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีสังหาริมทรัพย์ หรือยี่ห้อสินค้านั้น มีโอกาสที่จะผูกขาดตลาด เช่น ยี่ห้อรถยนต์ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่ยี่ห้อที่สามารถขายได้ทั่วโลก หรือยี่ห้อน้ำอัดลม เช่น โค้ก มีราคาสูงถึงประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณแผ่นดินไทยที่ 1.8 ล้านล้านบาทเสียอีก ทั้งนี้ถือเป็นมูลค่าของกิจการ (Corporate Goodwill) ซึ่งมีมูลค่าที่สามารถวัดได้จากทรัพย์สินที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Assets)
อาจกล่าวได้ว่า บริษัทพัฒนาที่ดินจะประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ได้อยู่ที่เป็นบริษัทมหาชนหรือบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งส่วนมากเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) แต่อยู่ที่ความเป็น “มืออาชีพ” หรือไม่มากกว่า หากมีความสามารถในลักษณะมืออาชีพ ก็ย่อมจะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่า
นอกจากนี้หากวิสาหกิจใด ทำการคุ้มครองผู้บริโภค เช่น ทำสัญญามาตรฐาน ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค และที่สำคัญ มีมาตรการคุ้มครองเงินดาวน์แก่ผู้บริโภค ผู้บริโภคย่อมวางใจและซื้อสินค้าของบริษัทนั้น ๆ เอง การสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค จึงเป็นอาวุธสำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับธุรกิจพัฒนาที่ดินในประเทศไทย
ความเป็นมืออาชีพสำคัญกว่าขนาด
ที่มา: https://goo.gl/ikskPC
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย



