ดอนเมืองทุ่มงบ 2.2 พันล้านฟื้นตึกในประเทศหลังเก่า คาดปี 61 รายได้พุ่ง 3.4 พันล้าน จากสัญญาคิงเพาเวอร์

สนามบินดอนเมืองคาดผู้โดยสารระหว่างประเทศปี 61 โตกระฉูด กว่า 30% ตั้งเป้ารายได้ค่า PSC เพิ่ม 1.4 พันล้าน ขณะที่จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากสัมปทานเชิงพาณิชย์จาก “คิงเพาเวอร์” อีก 2 พันล้าน เตรียมชงบอร์ด ทอท. เม.ย.นี้ของบ 2.2 พันล้านปรับปรุงอาคารในประเทศหลังเก่ารับผู้โดยสารเพิ่ม 10 ล้านคนต่อปี คาดเริ่มประมูล ก.ค.นี้ ก่อสร้างเสร็จปลายปี 63 ส่วนขยายเฟส 3 คาดศึกษา EIA จบปีหน้า เล็งเปิด PPP ดึงเอกชนร่วมทุน
       
       นาวาอากาศโท สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ในปี 2561 คาดการณ์ว่าผลประกอบการของสนามบินดอนเมืองจะมีการเติบโตตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งหลักๆ รายได้ที่เพิ่มจะมาจาก 2 ส่วน คือ รายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ได้รับสิทธิในการประกอบกิจการโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 โดยเป็นปีแรกที่จะรับรู้รายได้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ จะมีรายได้จากค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (PSC) อัตรา 700 บาทต่อคน โดยตามแนวโน้มการเติบโตของผู้โดยสารระหว่างประเทศที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 30-33% ประเมินว่าจะมีรายได้ PSC เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 1,400 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ ในปี 2560 จำนวนผู้โดยสารของสนามบินดอนเมืองมีมากกว่า 38.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณ 8.79% แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 14.36 ล้านคน เพิ่มขึ้น 20.85% และผู้โดยสารภายในประเทศ 23.94 ล้านคน เพิ่มขึ้น 2.65% มีอากาศยานพาณิชย์ขึ้น-ลง 256,760 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 5.10% ขณะที่มีศักยภาพรองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปี และคาดว่าในปี 2561 ผู้โดยสารจะเพิ่มเป็น 41-42 ล้านคนหรือเติบโตประมาณ 14% โดยมีสัดส่วนการเติบโตของผู้โดยสารระหว่างประเทศถึง 30% ในประเทศโตไม่เกิน 0.4%
       
       ภายในปี 2561 จะพัฒนาระยะเร่งด่วนเพื่อเพิ่มความสะดวกในการให้บริการโดยเฉพาะผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโตสูง โดยมีแผนปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศหลังเก่า วงเงิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างจัดทำแบบและเตรียมเสนอขออนุมัติคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ภายในเดือน เม.ย.นี้ เพื่อของบประมาณเพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มจัดซื้อจัดจ้างในเดือน ก.ค. 2561 ระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี จะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ ปลายปี 2563-ต้นปี 2564 ซึ่งจะเพิ่มขีดการรองรับผู้โดยสารได้เพิ่ม 10 ล้านคนต่อปี โดยจะให้บริการผู้โดยสารระหว่างประเทศ ส่วนอาคารผู้โดยสารในประเทศปัจจุบัน (อาคาร2) จะแบ่งฟังก์ชันภายในให้บริการทั้งผู้โดยสารในประเทศและระหว่างประเทศตามสัดส่วนที่เหมาะสม
       
       ขณะเดียวกัน ในช่วงที่การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเก่ายังไม่แล้วเสร็จ จะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (อาคาร 1) โดยการเพิ่มช่องตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า ขาออก และเคาน์เตอร์เช็กอิน เพื่อเพิ่มการรองรับจาก 2,000 คนต่อ ชม. เป็น 3,000 คนต่อ ชม.
       
       ส่วนโครงการพัฒนาสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินจาก 30 ล้านคน เป็น 40 ล้านคนต่อปี วงเงินลงทุนประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเสร็จภายในปี 2562 หลังจากนั้นเสนอของบประมาณดำเนินการ ซึ่งการลงทุนนั้น สายวิศวกรรมและสายงานพัฒนาธุรกิจอยู่ระหว่างพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งเฟส 3 จะมีอาคารผู้โดยสาร Juntion Terminal, อาคารจอดรถ, โรงแรม, ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) ซึ่งมีแนวคิดที่จะร่วมทุนเอกชน (PPP) บางส่วน โดยดึงงานโรงแรมและ APM รวมกันประมูล และแยกงานที่เหลือ ทอท.ลงทุนเอง หรือจะรวมทั้งเฟส 3 เป็น PPP ทั้งหมด ซึ่งหากใช้ PPP จะมีขั้นตอนและใช้เวลาอีก 2 ปี หากลงทุนเองจะเร็วกว่า โดยคาดว่าจะเริ่มได้ในปี 63 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 68
       
       อย่างไรก็ตาม สนามบินดอนเมืองให้บริการครบ 104 ปีแล้ว ซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดในโลก และเป็นสนามบินที่ให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำที่ใหญ่และมีการเติบโตมากที่สุดในโลก โดยในปี 2560 ได้รับเป็นสนามบินที่ตรงต่อเวลาอันดับที่ 4 ของโลกอีกด้วย
       
       ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาสนามบินดอนเมืองได้มีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก และพัฒนาการให้บริการเพื่อลดความแออัด เช่น การปรับปรุงพื้นที่รองรับผู้โดยสาร บริเวณผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ อาคาร 1 โดยเพิ่มพื้นที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารจากเดิม 1,100 ตารางเมตร เพิ่มอีก 610 ตารางเมตร รวมเป็น 1,710 ตารางเมตร และเพิ่มช่องตรวจหนังสือเดินทางผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 จากเดิม 25 ช่องตรวจ เพิ่มเป็น 39 ช่องตรวจ และอยู่ระหว่างการปรับปรุงห้องสุขาบริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 และภายในห้องพักผู้โดยสารรอขึ้นเครื่อง บริเวณ North Corridor Pier 2-4 จำนวน 55 จุด และห้องน้ำคนพิการ 27 จุด เพื่อปรับปรุงให้ห้องสุขาของ ทดม.มีความทันสมัย สะดวก สะอาด ถูกสุขอนามัย และได้มาตรฐานสากล โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 7 มิถุนายน 2562