ตุรกี ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ซื้อทัวร์ไปคนเดียวก็เที่ยวได้

ประเทศตุรกี เป็นประเทศในฝันอีกหนึ่งประเทศของผม ที่ผมอยากไปมากกกกกกกกกกกกก เพราะเคยดูรายการท่องเที่ยวรายการหนึ่งทางช่อง 3 เมื่อหลายปีมาแล้ว สมัยที่ผมยังเป็นมนุษย์เงินเดือน ได้เงินเดือนหมื่นนิดๆ ตอนนั้นคิดว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ไปไหมเนี่ย! ต่างประเทศ จนมาวันนี้ผมก็ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิมนั้นละ แต่ก็มีเงินเก็บที่เฟอร์เฟ็กซ์ในระดับหนึ่ง อิอิอิ!!! ผมเลยตัดสินใจซื้อทัวร์ไปเที่ยวตุรกีคนเดียว กับทางบริษัท Supertrips ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2018 (เดินทาง 27 ธันวาคม 2560 ถึง 3 มกราคม 2561) เรียกว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ลองซื้อทัวร์ไปเที่ยวคนเดียว กลัวที่ไหนล่ะครับโผมมมมมมม!!!

เริ่มต้นคืนวันที่ 27 มกราคม 2560 จุดนัดพบของลูกทัวร์ทั้ง 35 คน คือสนามบินสุวรรณภูมิ คนแรกที่ผมเจอที่สนามบิน คือไกด์ในทริปนี้ “คุณนิกกี้” พวกเราเดินทางด้วย “สายการบิน Turkish Airlines” ที่บินตรงสู่ “อิสตันบลู” (บินประมาณ 10 ชั่วโมง) เราก็มาถึงที่สนามบินอิสตันบลู ในเช้าวันที่ 28 มกราคม 2560 ประมาณ 6 โมงเช้าของตุรกี (เวลาที่ตุรกี ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) แต่ทริปนี้พวกเราไม่ได้เริ่มเที่ยวที่เมืองอิสตันบลูก่อนนะครับ พวกเราไปต่อเครื่องภายในประเทศ เพื่อบินไปยังเมือง “อิซเมียร์” มาถึงสนามบินที่นี่ก็ประมาณ 9 โมงกว่าๆ ซึ่งคนไทยเข้าประเทศตุรกี ไม่ต้องกรอกใบ ตม. และไม่ต้องทำวีซ่าให้วุ่นวาย ดีเฟร่ออออออ!

สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินอิสตันบลู-สนามบินอิซเมียร์-รถบัส

และที่แรกที่ผมได้ไปเยือนคือ “โบสถ์นักบุญเซนต์จอห์น (Basilic of St. John)” ที่เหลือไว้แค่ซากโบราณกระจัดกระจายไว้ให้เชยชม วันนี้ท้องฟ้าสดใส และอากาศดีมาก ผมเลยเมคเฟรนเพื่อนในทริปทัวร์ ให้ช่วยถ่ายรูปผมให้หน่อย จากนั้นเราก็เดินทางไปชม “บ้านพระแม่มารี (House Of The Virgin Mary)” พระมารดาของพระเยซู เทคนิคการขอพรพระแม่มารี ทางไกด์เขาก็จะมีลำดับการอธิบาย และไฮไลท์ของวันนี้คือ “เมืองโบราณเอเฟซุส (City Of Ephesus)” ที่ทุกๆ คนจะต้องตะลึงกับ “ห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus)” เดินถัดไปอีกนิด ก็จะเจอ “โรงละครเอเฟซุส (Theatre of Ephesus)” ความยิ่งใหญ่นี้มันอธิบายไม่ถูกจริงๆ ครับ รู้แค่ว่า สวยงาม ตระการตา งดงาม สายตาของคุณเท่านั้น ที่จะพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของเมืองโบราณแห่งนี้ได้ และที่นี่มี เจ้าแมวเหมียวอ้วนๆ ขนฟูๆ ตัวนุ่มๆ เยอะมาก ทาสแมวทั้งหลาย บอกเลยถ้าไม่หลงประเทศนี้ ก็ต้องหลงเจ้าเหมียวพวกนี้เพราะไปไหนก็เจอแมวทุกที่ ก่อนจะกลับไปที่พัก ทางคณะทัวร์ของเราก็แวะซื้อของฝากนิดหน่อย ณ ร้าน “Natureast Anatolian” ที่มีชาแอปเปิ้ล ชาทับทิม Turkish Delight ขนมหนึบๆ หวานๆ หลายรสชาติ ซึ่งทางร้านเขาก็มี ชา ขนม มาให้ชิมฟรีด้วย จากนั้นเราก็เดินทางไปที่พัก ณ Grand Belish Hotel เป็นโรงแรมอยู่ริมทะเล ซึ่งเป็นโรงแรมในทริปที่ผมชอบที่สุด

โบสถ์นักบุญเซนต์จอห์น (Basilic of St. John)

ลุยยยยยยยยยยยยยยยยย

ฟ้าใส เมืองสวย

บ้านพระแม่มารี

ห้องสมุดเซลซุส (The Library of Celsus) และ โรงละครเอเฟซุส (Theatre of Ephesus)

กองทัพแมว

ชิมฟรี! ชาทับทิม ขนม Turkish Delight ณ ร้าน Natureast Anatolian

เช้าวันที่ 29 มกราคม 2560 เราได้รับเชิญให้ไปชมแฟชั่นโชว์ ณ โรงงานเสื้อหนังคุณภาพดี “leco leather & fur” อธิบายง่ายๆ นะครับ เวลาไปทัวร์ฮ่องกง เราต้องไปดูพวกแหวนสร้อยคอจี้กังหัน ที่นี่ก็จะเป็นเสื้อแจ็คเก็ตหนังนี่ละครับ ราคาก็ค่อนสูงพอสมควร สองสามหมื่นบาทไทยอัพๆๆ แต่โรงงานหนังที่นี่เขาก็ผลิตหนังให้กับแบรด์เนมดังๆ ระดับโลกหลายแบรนด์ และไฮไลท์ของวันนี้คือเราต้องเดินขึ้นภูเขาเล็กๆ ได้เหนื่อย ได้หอบหน่อยๆ แต่บรรยากาศรอบทิศทางสุดยอด กับเมืองโบราณมรดกโลก “เฮียราโพลิส (Hierapolis)” สุดยอดความยิ่งใหญ่ ดั่งสังเวียนสนามรบในหนัง Gladiator ใกล้ๆ กันก็จะมีภูเขาลูกสีขาว ที่เกิดจากแร่แคลเซียมตามธรรมชาติมาทับถมกัน จนเป็น “ปามุคคาเล (Pamukkale)” หรือ “ปราสาทปุยฝ้าย” ไม่ได้นิ่ม ไม่ได้นุ่ม ตามชื่อ แต่มันทำให้เราฟินฝุดๆ กับชั้นผืนน้ำอุ่นๆ ที่ให้เราเดินไปแช่เท้าแบบสบายๆ ตัดสลับกับอากาศหนาวเย็น จากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อนในโรงแรมน่ารักๆ อย่าง Ninova Thermal Spa & Hotel ที่ใต้ถุนโรงแรมมีห้องแช่น้ำแร่อุ่นๆ ให้ได้ฟินสบายตัวกันก่อนนอน

แฟชั่นโชว์เสื้อแจ็คเก็ตหนังแท้ ราคาก็แพงแท้

เฮียราโพลิส (Hierapolis) สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก

ปามุคคาเล (Pamukkale)

โรงแรม Ninova Thermal Spa & Hotel นอนคนเดียว

อรุณเบิกฟ้า นกกาไม่มี เพราะอากาศที่นี่หนาว จนควันออกปาก ในวันที่ 30 มกราคม 2560 วันนี้คือวันที่คณะทัวร์ต้องนั่งรถนานที่สุด ประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ เพราะต้องเดินทางไปที่เมือง “คอนย่า (Konya)” เพื่อเข้าชม “พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (mevlana museum)” ช่วงที่ไกด์ประจำทริปทัวร์ เล่าประวัติความเป็นมา ผมงีบหลับยาวมาก รู้แค่ว่าท่านเป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม ที่ชวนคนนับถือศาสนาคริสต์ ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม บนพื้นฐานควาสัมพันธ์อันดี จากนั้นก็นั่งรถอีกสักพักใหญ่ๆไปชม “คาราวานสไลน์” สถานที่พักกองคาราวานของ “สุลต่านฮานี (Sultan Han Caravanserai)” พูดง่ายๆ ถ้าเราดูหนังจีน เวลาจอมยุทธท่องยุทธจักร จะมาหาที่พักสักหนึ่งชั่วยาม เขาก็จะเรียกว่า โรงเตี๊ยม ไว้สำหรับ กินข้าว พักแรม อาบน้ำ ในสมัยโบราณ แค่วันนี้ผมก็รู้สึกว่าร่างกายหมดแรงไปกับการนั่งรถ และเหมือนโดนอกหักอย่างรุนแรง เมื่อไกด์ประกาศว่า ทริปนี้คณะทัวร์ของเราไม่ได้ขึ้นบอลลูน เพราะสภาพอากาศไม่เป็นใจ คือใครที่มาช่วงนี้ปลายธันวาคมถึงกลางๆ มกราคม โอกาสในการขึ้นบอลลูน 99% คือไม่ได้ขึ้นแน่นอน 1% มาลุ้นสภาพอากาศหน้างาน แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น เพราะผมยังต้องหอบร่างกายเมื่อยๆ เพลียๆ ไปปาร์ตี้กินเบียร์ กินไวท์ ชมการแสดงพื้นเมืองของตุรกี และกลับมาพักผ่อน ณ โรงแรม Ramada Cappadocia…คร๊อกกกกกก Zzz!!!

พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (mevlana museum) ที่นี่คนเยอะมาก ข้อมูลลองหาในอากู๋ดูนะครับ ว่ามีความสำคัญอย่างไร

ด้านหน้าโรงเตี๊ยมตุรกี หรือ คาราวานสไลน์ สถานที่พักกองคาราวานของ สุลต่านฮานี (Sultan Han Caravanserai)

ด้านในของ คาราวานสไลน์ สมัยก่อนคงจะคึกคักน่าดู

เช้าวันสิ้นปี 31 ธันวาคม 2560 ณ “เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia)” เสมือนท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนทันใด ทั้งหมอก ทั้งลม ทั้งฝน ชัวร์ป๊าบ! บอลลูนไม่ได้ขึ้นแน่นวลแล้วนะจ๊ะพี่จ๋า (ไม่ได้ขึ้นบอลลูนถือว่ามาไม่ถึงตุรกี คำๆ นี้เสียดแทงจิตใจเบาๆ) งั้นวันนี้เราก็ไปมุดลงรูใต้ดินกับ “นครใต้ดิน” ในเมืองคัปปาโดเกีย ที่คนสมัยก่อนต้องอยู่ในใต้ดิน เพื่อหลบหนีข้าศึก จากนั้นเราก็เดินทางไปที่ “เมืองเกอเรเม (Goreme)” เพื่อไปชม “พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)” ที่ในอดีตสถานที่แห่งนี้ คนโบราณที่นับถือศาสนาคริสต์ ได้ขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกราน จากชนเผ่าลัทธิอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ และวันนี้ก็มีโปรแกรมให้ลูกทัวร์ได้ช้อปปิ้งกันอีกครั้งกับ โรงงานทอพรม โรงงานเซรามิค และจิลเวอร์รี่ จากนั้นเราก็เดินทางไปยังสนามบิน (จำชื่อไม่ได้) เพื่อบินต่อไปยังเมืองเศรษฐกิจ “อิสตันบูล” พร้อมกับสวัสดีปีใหม่คนไทยด้วยกันเอง บนเครื่องบินสายการบิน Turkish Airlines ซึ่งใช้เวลาในการบินประมาณ 2 ชั่วโมง

ฝันสลาย ดอกฝ้ายบาน บอลลูนไม่ได้ขึ้น (ภาพจากในอินเตอร์เน็ตนะครับ)

ไกด์ประจำทริป คุณนิกกี้ ดูแลลูกทัวร์เป็นอย่างดี และประกาศในรถให้ทุกคนช็อค! ไม่ได้ขึ้นบอลลูนนะครับ ตึง!

นครใต้ดิน…สมัยก่อนเขาอยู่กันได้ยังไงเนี่ย

วิวเมืองคัปปาโดเกีย มองจากภาคพื้นดิน คิดดูสิ! ถ้าขึ้นบอลลูนแล้วมองลงมาจะสวยขนาดไหน

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Goreme Open Air Museum)

ผู้คนที่นี่น่าร๊ากกกกกกกกกก มากครับ

คืนข้ามปี วันที่ 1 มกราคม 2561 พอถึงเมืองอิสตันบลู คณะทัวร์ก็เข้าพัก ณ โรงแรม kaya istanbul fair & convention hotel ตอนแรกผมกะว่าจะลองร่อนไปในเมืองอิสตันบลูสักน้อย เพราะกำลังจะเคาท์ดาวน์แล้ว แต่ก็หวาดเสียว กลัวว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นหรือเปล่า เลยตัดสินใจดูพลุอยู่นอกหน้าต่างโรงแรม จากนั้นรุ่งเช้าเราก็เดินทางไปชม “สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque)” สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาอิสสามที่มีความสวยงาม โชคดีมากที่ทางคณะทัวร์ของเราไปแต่เช้า คนเลยยังไม่ค่อยพลุกพล่าน เพราะถ้าคนเยอะ เราจะได้กลิ่นเท้าสุดสะพรึง เพราะสถานที่นี่ต้องถอดรองเท้า และใช้พลาสติกคลุมเท้า จากนั้นก็เดินทางไปชม “พระราชวังทอปกาปี (Topkapı Palace)” ที่ภายในเก็บทรัพท์สมบัติล้ำค่าไว้เพียบ แต่พอเข้าไปถึงภายใน ก็มีฉากกั้นปิดซ่อมแซม 4-5 เดือน เราเลยพากันเลาะไปตามรั้ววัง เพื่อไปถ่ายรูปวิวสวยๆ ที่มองเห็นท้องทะเลสีฟ้าแบบสุดลูกหูลูกตา และมาถึงสถานที่สุดวังเวงของ “อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Sarayi)” ที่ภายในมีเสาต้นที่แปลกที่สุดคือ เป็นรูปดวงตานกยูง หรือจะมองเป็นดวงตาปีศาจก็ได้ ตรงเสาจะมีรูตาน้ำ ให้เราเอานิ้วโป้งแหย่แล้วหมุนตามเข็มนาฬิกา ว่ากันว่าจะโชคดี ได้กลับมาตุรกีอีกครั้ง และมีอีก 2 เสาที่น่าสนใจคือเสาที่มีฐานเป็นรูปปั้น เมดูซ่า ที่เป็นเคล็ดในการเฝ้าอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ตลอดไป จากนั้นก็ไปล่องเรือชมช่องแคบบอสฟอรัส ชมทิวทัศน์สองริมฝั่งทวีปยุโรป & ทวีปเอชีย และแล้วก็ถึงเวลาช้อปปิ้ง ณ “ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต” อารมณ์เดียวกับสำเพ็งบ้านเราเลยครับ ตลาดขายของส่ง สามารถต่อรองกันได้แหลกลาน

สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) กลางเเมืองอิสตันบลู อลังการภายในสวยงามมากครับ

พระราชวังทอปกาปี (Topkapı Palace) ผมไปช่วงปิดปรับปรุงพอดี ดี๊…ดีอ่ะ

อ่างเก็บน้ำใต้ดินเยเรบาตัน (Yerebatan Sarayi) ลึกลับ วังเวงมาก ไม่กล้ามองตาเมดูซ่า กลัวเป็นหิน

ล่องเรือชมสองทวีป ยุโรป-เอเชีย บรรยากาศดีมากครับ สูดหายใจได้เต็มปอด

ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต ขนมหวานๆ เยอะ กลับไปถึงไทยคงเป็นเบาหวานพอดี

โรงแรม kaya istanbul fair & convention hotel ในอิสตันบลู…สิบ สิบ สิบ ไปเลยจ้า

เช้าวันที่ 2 มกราคม 2561 เราเดินทางไปชมความอู้ฟู่สวยและรวยมากของพระราชวัง “โคลมาบาเช (Dolmabahce)” ภายในวังสวยงาม หรูหรา มูลค่ามหาศาล ดูได้แต่ตา และบันทึกไว้ในสมอง ห้ามถ่ายรูป แต่ด้านนอกถ่ายรูปกันให้กระหน่ำไปเลย คิดว่าตัวเองเป็นพจมาน แล้วมาเจอบ้านทรายทอง จากนั้นก็ไปชมความสวยงามของ “สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia)” ที่จะต้องเงยหน้าให้สุด กวาดสายตาให้รอบ หมุนตัว 360 องศา เสพความสวยงามในนี้ให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังมีบางจุดที่กำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซม และแล้วก็ถึงเวลาช้อปปิ้งกริ๊งเจ็ดสี ณ “ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar)” ที่มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน แต่เวลาในการช้อปมีจำกัดแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง ยังไงก็ยังไม่สะใจขาช้อปแน่นอน ว้า!!! หมดเวลาสนุกแล้วสิ พวกเราก็โบกมือลาประเทศตุรกี และเดินกลับประเทศไทย โดยสายการบิน Turkish Airlines ณ สนามบินอิสตันบลู และถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในเช้าวันที่ 3 มกราคม 2561 ในเวลา 10.00 น.

นี่คือสถานแห่ง โคลมาบาเช (Dolmabahce) ที่ฉันปองมาสู่

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย (Mosque of Hagia Sophia)

สุเหร่าเซนต์โซเฟีย การชมความสวยงามที่นี่ เราต้องเงยหน้าให้สุด พร้อมกับหมุนตัว 360 องศา

ช้อปปิ้งกริ๊งเจ็ดสี ณ ตลาดแกรนด์บาซาร์ (Grand Bazaar) ปิดท้ายทริปก่อนกลับไปทำงานวันแรกใน 2018

เรียกว่าเป็นทริปทัวร์อโลนครั้งแรกในชีวิตที่ผมประทับใจมาก ทริปนี้บอกเลยว่าเที่ยวแน่นมากกกกกก ไปแทบจะครบทุกอย่างของโปรแกรมท่องเที่ยวตุรกี (ยกเว้นเมืองชานัคคาเล่ ที่มีม้าไม้เมืองทรอย คือถ้าเราไปเที่ยวที่นี่ เราจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบินมาที่อิสตันบลู แต่ต้องนั่งรถบัสจนรากงอก 1 วันเต็มๆ ประมาณ 300 กว่ากิโลมาที่เมืองอิสตันบลู ซึ่งมันจะเป็นทางผ่านให้เราได้แวะชม) ทริปนี้ไม่เหนื่อยเลยครับ แถมชิลล์มาก ไกด์ดี ที่พักเยี่ยม อาหารอร่อย ทุกอย่างเฟอร์เฟ็กซ์หมด แต่แค่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ในตารางวันที่จะขึ้นบอลลูนเท่านั้น แต่อีก 2 วัน ดันขึ้นได้ซะงั้น!!! หืม!!! ใครที่คิดจะมาเที่ยวที่ตุรกี บอกเลยว่าไม่ผิดหวังกับประเทศนี้แน่นอน และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ใครๆ คิดไว้

ใครอยากหาทริปไปเที่ยวตุรกีดีๆ ราคาเบาๆ สบายกระเป๋า สามารถเข้าไปดูได้ที่

เว็บไซต์ http://www.supertrips.co.th

แฟนเพจ https://www.facebook.com/supertrips.th

แม้ว่าจะเป็นทัวร์ร่วมจอย แต่ไม่ทำคุณจ๋อยแน่นอน เพราะเลือกไปเที่ยวกับ Supertrips มีแต่เอ็นจอย & อีสติ้ง ตลอดการเดินทางครับโผมมมมมมมมมมมม

เกล็ดเล็กๆ ฝากไว้นิดนึงครับ…

-ไม่ต้องพยายามแลกเงินตุรกีที่ไทย (สกุลลีร่า) เพราะหายาก แลกเป็นดอลลาร์ หรือยูโร เอาเงินไปแลกตามตลาด ถ้าแลกสนามบินที่ตุรกีมันชาร์จพอสมควร ผมละโดนไป เห้อ!

-อาหารส่วนใหญ่แทบทุกๆ มื้อจะเป็นบุพเฟ่ต์ตักได้ไม่อั้น ส่วนตัวผมไม่ทานเนื้อวัวอยู่แล้ว ที่นี่ไม่มีเนื้อหมูนะจ๊ะ บ้านเมืองเขาเป็นมุสสิม ผมก็เน้นกินไก่ย่าง ไก่ทอด เคบับ ปลาต้ม ปลานึ่งไข่ต้ม ข้าวผัดเนย มันฝรั่ง ผักสลัดต่างๆ ผลไม้ (ส้ม) ที่นี่เขาปลูกต้นส้มไว้ริมฟุตบาทกันเลย ของหวานต่างๆ ที่นี่ติดหวานมากกกกกกก ขนมเค้ก ขนมสารพัดสี หวานสุดๆ คิดว่าโรงงานน้ำตาลถล่ม (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปอาหาร มัวแต่หิวหน้ามืดตาลาย) แต่ไกด์ของทริปดีมากครับ เขาเอาน้ำพริกปลาย่าง น้ำจิ้มแจ่ว น้ำสลัดมาด้วย ทุกมื้อเลยรอดตาย เพราะได้ความแซ่บ บางมื้อเช้าก็มีต้มข้าวต้ม ไข่เค็ม ไข่เจียว หมูหยอง ด้วยครับ

หน้าตาอาหารจะประมาณนี้เลยครับ ส่วนใหญ่เป็นบุพเฟ่ต์ตามร้านอาหาร โรงแรม (ภาพจากอินเตอร์เน็ต)

-โรงแรมที่พัก สะดวกสบายมาก แม้ว่าจะต้องย้ายโรงแรมทุกวันก็ตาม

โรงแรมคืนแรก ผมชอบมาก ติดทะเล ลงไปเดินเหยียบทรายชิคๆ ชิลล์ๆ อารมณ์เหมือนมานอนพัทยาในวันที่อากาศหนาวมาก 555

-ในทริปมีไกด์ท้องถิ่นด้วย เธอชื่อ อีริบ ผมจำชื่อเธอไม่ค่อยได้ เรียกเธอว่า เอลิน่า เธอก็หันมานะ เป็นกันเอง พูดคุยสาธยายเป็นภาษาอังกฤษตลอดทาง คิดหรอว่าผมจะฟังรู้เรื่อง อิอิ!!!

ไกด์ท้องถิ่นเซอร์ไพรส์วันเกิดลูกทัวร์ น่ารักมากครับ

ส่วนทริปหน้าผมจะได้ไปเที่ยวไหน ไว้จะมาโม้ให้ทุกท่านทราบนะครับ กราบขอบพระคุณที่อ่านจนมาถึงบรรทัดสุดท้ายครับ

*sodazapop*

เจ้าถิ่นครับบบบบบบโผมมมมมมมมม