ศาสนาระอุ!!! ศาสดาแห่งสายเตโชวิปัสสนา ซัด พระเณรนอกรีต มอมเมาปชช. เปิดวัดเป็นแหล่งอโคจร ลั่น พุทธพาณิชย์ชัดๆ มหาเถระจะว่าไง?
"อัจฉราวดี วงศ์สกล" ศาสดาแห่งสายเตโชวิปัสสนา สั่งสอนพระเณรทั่วสยาม ลั่น รู้สึกอาย มอมเมาประชาชน เปิดวัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ขายของในวัดเพลินเลยทีเดียว
รู้สึกอาย! พระเณรไม่อยู่ในศีลในธรรม วัดวาอารามกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมอมเมาประชาชนคนไทยมานาน
ด้านพระชื่อดังก็ได้แสดงความคิดเห็นเบาๆว่า
"ดูก่อนน้องหญิงอัจฉราวดี เธอกำลังแล่นไปผิดทางแล้วนะ น้องหญิงอ้อย"
ด้าน "พระมหานรินทร์ นรินฺโท"อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม วัดไทยลาสเวกัส ได้ร่วมแสดงความคิดเกี่ยวกับ หญิงอ้อย โดยระบุว่า
ตามข้อความในหนังสือ "ฆราวาสบรรลุธรรม เล่มที่ 1" ของคุณอัจฉราวดี วงศ์สกล ในหน้าที่ 165 นั้น ยืนยันว่า คุณอัจฉราวดี ได้บรรลุธรรมถึงขั้นสามารถพยากรณ์มรรคผลให้แก่บุคคลอื่นได้ ซึ่งความสามารถระดับนี้ ในทางพระพุทธศาสนานั้น มีเพียง "สมเด็จพระบรมศาสดา" เพียงพระองค์เดียว
ใช่แต่เท่านั้น หนังสือเล่มนั้นยังระบุด้วยว่า ภายในเวลา 5 ปี คุณอัจฉราวดี ได้พยากรณ์มรรคผลให้แก่ศิษย์ทั้งฆราวาสและนักบวชไปแล้ว เป็นจำนวนถึง 139 ท่าน ถ้าถึงปัจจุบันก็น่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่านั้น
การยืนยันว่าได้บรรลุธรรมของคุณอัจฉราวดีก็ดี การทำการพยากรณ์มรรคผลให้แก่บุคคลอื่นที่มาปฏิบัติธรรมกับคุณอัจฉราวดีก็ดี คงไม่มีใครรับรองว่าเป็นจริงหรือไม่ เมื่อคุณอัจฉราวดีได้ประกาศตัวไปแล้ว แถมยังพยากรณ์คนอื่นด้วย ก็ถือว่าเลยขั้นตอนนี้ไป แต่อาจจะไปถึงขั้นตอนของ "กฎหมาย" ว่า ถ้ามีคนสงสัย ก็คงต้องใช้กระบวนการทางกฎหมาย เข้าไปทำการพิสูจน์การบรรลุธรรมของคุณอัจฉราวดีเป็นคดีอาญา
ปัญหาจึงมาอยู่ที่ว่า เมื่อเชื่อว่าตัวเองได้บรรลุธรรมโดยไม่ต้องไปวัดแล้วนั้น คุณอัจฉราวดีได้ออกมาตำหนิติติงพระสงฆ์องค์เณร "ส่วนใหญ่" ของประเทศไทย ว่าเป็นอลัชชี เอาแต่มอมเมาประชาชนคนไทยด้วยผลบุญ ถึงกับออกรณรงค์ให้ทำการต่อต้านพระเณรเหล่านั้น ด้วยเหตุผลว่า การต่อต้านอลัชชีต่อพระพุทธศาสนานั้น ไม่บาป
ในทางกลับกัน ก็ปรากฏภาพของ "คุณอัจฉราวดี" ได้สร้างสำนักวิปัสสนาขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้เป็นที่อบรมวิปัสสนาตามแนวทางของตนเอง โดยมีทั้งพระภิกษุและฆราวาสเข้าไปรับการอบรมเป็นจำนวนมาก โดยคุณอัจฉราวดีได้จัดจำหน่าย "เสื้อยืดสีขาว" หลายขนาด เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการปฏิบัติได้ซื้อสวมใส่ ที่สำคัญก็คือ คุณอัจฉราวดีอ้างว่า ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากการเสด็จมาเอง เป็นจำนวนถึง 23 พระองค์ จึงได้สร้างอาคารขึ้นมาหลังหนึ่ง เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเหล่านั้น และคุณอัจฉราวดีได้ประกาศ "รับบริจาคเงิน" ในการก่อสร้างดังกล่าว
ทั้งเรื่องการบรรลุธรรมเอง ก็ดี การพยากรณ์มรรคผลให้แก่บุคคลอื่น ก็ดี การจัดจำหน่ายเสื้อยืด ก็ดี การได้รับพระบรมสารีริกธาตุโดยไม่มีการพิสูจน์ทราบว่าจริงหรือปลอม ก็ดี การรับบริจาคเงินเพื่อสร้างอาคารประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ก็ดี เหล่านี้ ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ โดยอาจจะตั้งคำถามได้ว่า
บรรลุธรรมจริงหรือ ถ้าจริง จริงในระดับใด และใครจะเป็นผู้รับรอง ?
การพยากรณ์มรรคผลให้แก่บุคคลอื่นนั้น ในทางพระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นคุณสมบัติของพระบรมศาสดา เมื่อคุณอัจฉราวดีสามารถพยากรณ์มรรคผลได้ ก็แสดงว่าคุณอัจฉราวดีต้องมีคุณสมบัติเช่นกับพระศาสดาด้วย แต่ถามว่า พุทธศาสนิกชนชาวไทย จะยอมรับวิธีการปฏิบัติและบรรลุมรรคผลของคุณอัจฉราวดีหรือไม่ ?
เมื่อวัดวาอารามต่างๆ ได้ตอบแทนญาติโยมพุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธา นำเอาจตุปัจจัยมาถวาย เป็นค่าใช้จ่ายภายในวัดหรือการก่อสร้างถาวรวัตถุอื่นใด จะเป็นวัตถุมงคลหรืออื่นใดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถูกคุณอัจฉราวดีตราหน้าว่า "มอมเมาประชาชน" แต่การที่คุณอัจฉราวดีทำการ "ขายเสื้อยืด" จะมิเข้าข่ายเดียวกันกับที่กล่าวหาวัดวาดอกหรือ ?
เมื่อพระบรมสารีริกธาตุของคุณอัจฉราวดีไม่มีการรับรองจากบุคคลใด การใช้พระธาตุเหล่านั้นมาเป็นจุดขาย และบอกบุญให้แก่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้บริจาคเงินทอง เพื่อร่วมก่อสร้างอาคารภายในสำนักของคุณอัจฉราวดี จะถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่ ?
ปัญหาเหล่านี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย จึงต้องอาศัยทั้งองค์กรคณะสงฆ์ไทย และพุทธศาสนิกชนชาวไทย ทั่วประเทศ ได้ร่วมกันวินิจฉัย เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติและเผยแผ่พระพุทธศาสนา หาไม่ก็จะต้องมีผู้อวดอุตริมนุสสธรรมขึ้นเรื่อยๆ เอ่ยอ้างว่าได้บรรลุด้วยวิธีการต่างๆ นานา แถมยังเหยียบย่ำซ้ำเติมพระสงฆ์องค์เณร ทำนองยกตนข่มท่าน จะปล่อยปละละเลยเอาไว้นั้น อันตราย