เรื่องของเหล่าลิ่ว ผู้ยากจนตลอดชีวิต
เห็นการอพยพของผู้คนที่หนีความอดอยากหิวโหยยิ่งมายิ่งมาก หวังเหล่าลิ่วแบกสมบัติทั้งหมด
ที่มี คือ มันเทศกระสอบหนึ่ง ก็เข้าร่วมในกลุ่มคนอพยพที่หนีความอดอยากด้วย
ระหว่างทาง..เหล่าลิ่วพบเห็นพ่อลูกคู่หนึ่งที่หิวจนเหลือแต่ลมหายใจเฮือกหนึ่ง บนหลังของผู้
เป็นพ่อก็แบกของถุงๆหนึ่งที่ดูท่าหนักอึ้ง เมื่อเขาเห็นเหล่าลิ่วแบกมันเทศไว้มากมาย จึงขอเหล่า
ลิ่วหัวหนึ่งเพื่อให้เด็กกิน เหล่าลิ่วไม่ยินยอม
คนผู้นั้นจึงพูดว่า " เจ้าขายให้ข้าได้หรือไม่ ?" พูดจบนำเงินที่แบกไว้กลางหลัง เทลงบนพื้นทั้ง-
หมด เหล่าลิ่วเห็นเงินแล้วตาค้าง เพราะว่าเขายากจนมาทั้งชีวิต แม้แต่ในฝันก็ไม่เคยฝันเห็นเงิน
มากมายขนาดนี้
เหล่าลิ่ว..แบกถุงเงินเริ่มเดินทางแล้ว เขากลัวสองพ่อลูกคู่นั้นเปลี่ยนใกลับคำพูด รีบเร่งเพิ่ม-
ความเร็วของฝีเท้ารุดเดินไปข้างหน้า หลายวันต่อมา เหล่าลิ่วเดินไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เพราะ
ตลอดทาง เขาหาซื้อของกินไม่ได้เลย สองพ่อลูกที่ซื้อมันเทศจากเขา ก็เดินตามมาทันเขาแล้ว
เหล่าลิ่ว..มองดูมันเทศที่อยู่กลางหลังของผู้ชาย เขาเริ่มเสียใจแล้ว เขาเดินตามไป คิดที่จะซื้อ
มันเทศกลับคืนมา ทว่า ผู้ชายคนนั้นอย่างไรก็ไม่ยอมขาย เหล่าลิ่วนั่งลงบนพื้นด้วยความผิดหวัง
โอบกอดเงินของเขาไว้ แล้วตายลงท่ามกลางความหิวโหย
เหล่าลิ่ว..ไปพบเจอยมราช ยมราชพูดว่า " แท้จริงอยากให้เจ้าได้มีโอกาสเกิดความร่ำรวยสักครั้ง
คิดไม่ถึงกลับเป็นการคร่าชีวิตของเจ้า คนตายเพราะความโลภในทรัพย์จริงๆ นกม้วยเพราะอา-
หารแท้ๆ
เหล่าลิ่วพูดว่า " ชาติก่อนข้ายากจนจนเข็ดแล้ว ชาติตากไปไม่คิดจะเป็นคนยากจนอีกแล้ว "
ยมราชพูดว่า " แท้จริงแล้ว ชาติก่อนของเจ้าก็ไม่สมควรยากจน หากมันเทศขายเพียงครึ่งหนึ่ง ก็
ไม่เรียกว่ายากจนแล้ว ใครให้เจ้าขายไปทั้งหมดล่ะ .....
เรื่องของชาติต่อไปคุยกันได้ ข้าถามเจ้า ชาติหน้ามีทางเลือกสองทาง ทางหนึ่งก็คือ คนหมื่นคน
สนับสนุนเลี้ยงดูเจ้า อีกทางหนึ่งก็คือ เจ้าคนเดียวสนับสนุนเลี้ยงดูคนหมื่นคน เจ้าจะเลือกทาง-
ไหน ?"
เหล่าลิ่วเพิ่งจะฟังจบ ตอบเลยไม่คิดโดยไม่ลังเลว่า " ย่อมต้องเป็นคนหมื่นคนสนับสนุนเลี้ยงดู
ข้าคนเดียว " จากนั้น กล่าวขอบคุณยมราชเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วจากไป
สามสิบปีต่อมา..เหล่าลิ่วก็ได้กลับมาอยู่ตรงหน้ายมราชอีกครั้ง เขาเอะอะโวยวายว่ายมราชโกหก
หลอกลวงเขา ยมราขหัวเราะแล้วพูดว่า " ทำไมจึงกล่าวหาว่า ข้าโกหกหลอกลวงเจ้าล่ะ ?"
เหล่าลิ่วพูดว่า " ข้าเป็นขอทานมาทั้งชีวิต " ยมราชพูดว่า " คนหมื่นคนสนับสนุนเลี้ยงดูเจ้าคน-
เดียว ก็หมายถึงขอทานน่ะซิ เจ้ามาโทษข้าไม่ได้ ได้แต่โทษตัวเองที่โลภเอง " เหล่าลิ่วได้ยิน
เช่นนี้ จึงพูดกับยมราชว่า " ท่านยมราช ชาติต่อไปของของข้า ใคร่วิงวอนท่านให้ข้ามีชีวิตที่มี
ความเป็นอยู่ที่สุขสบายเถิด "
ยมราชพูดว่า " เรื่องนี้คุยกันได้ ตอนนี้มีงานสองงานที่ดีมาก งานหนึ่งก็คือ เป็นยามเฝ้าดูภูเขา-
ทองคำลูกหนึ่ง อีกงานหนึ่งก็คือ เป็นยามเฝ้าดูที่ดินแปลงหนึ่ง เจ้าจะเลือกงานไหน " เหล่าลิ่ว
ครั้งนี้ไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน รู้สึกว่า ยังคงเป็นยามเฝ้าดูแลภูเขาทองคำดีกว่า
ยมราชมองดูเงาหลังของเหล่าลิ่วที่จากไปไกลแล้ว พูดว่า " คนผู้นี้ชะตาอาภัพจริงๆ ถูกลิขิตไว้
ต้องยากจนทุกๆชาติ " เหล่าผีน้อยถามว่าเพราะเหตุใด ยมราชตอบว่า " งานที่เป็นยามเฝ้าดูที่ดิน
แปลงหนึ่ง แท้จริงแล้วก็คือ เป็นขุนนางในเมืองๆหนึ่ง ส่วนงานที่เฝ้าดูภูเขาทองลูกหนึ่งนั้น แท้
จริงแล้ว ก็คือ เป็นหนูตัวหนึ่ง คอยเฝ้าดูยุ้งฉางข้าวเปลือกน่ะซิ "
*** ชีวิต..เป็นการดำเนินด้วยตนเอง ถนนสายเดียวกัน บางคนค่อยๆเดิน บางคนวิ่ง บางคนขับรถ
วิธีการที่ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกัน
ชะตาชีวิตที่เหมือนๆกัน บางคนหัวเราะยิ้มสู้ บางคนร่ำร้องไห้วิงวอน บางคนยอมรับอย่างเงียบๆ
ท่าทีที่ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างกัน
ไม่มีใครสามารถกำหนดรูปแบบในการดำเนินชีวิตของเรา ทั้งหมดล้วนเป็นตัวเราเองที่เลือกสรร
*คน* อุปนิสัยที่แตกต่างกัน การเลือกก็จะไม่เหมือนกัน การเลือกที่ไม่เหมือนกัน ชะตาชีวิตก็จะไม่เหมือนกัน ***