เมืองเรณูนคร เดิมชื่อว่า “เมืองเว” เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทที่เคลื่อนย้ายข้ามฝั่งโขง เข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนครั้งแรกในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่จะเป็นชาวผู้ไทที่อพยพมาจากเมืองวัง ประเทศลาว
เมืองเรณูนคร เดิมชื่อว่า “เมืองเว” เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทที่เคลื่อนย้ายข้ามฝั่งโขง เข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนครั้งแรกในช่วงสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนใหญ่จะเป็นชาวผู้ไทที่อพยพมาจากเมืองวัง ประเทศลาว
ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ตั้งให้ “ท้าวสาย” ผู้นำกลุ่มชาวผู้ไทขึ้นเป็น “พระแก้วโกมล” เจ้าเมืองเวคนแรก และทรงยกบ้านเมืองหวายขึ้นเป็นเมืองเรณูนคร เมื่อราวปี พ.ศ. 2387 อายุเมืองเรณูนครมาจนถึงปัจจุบัน จึงนับได้ 174 ปี มาแล้ว
ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ชาวผู้ไทเรณูนครได้รังสรรค์งานประเพณี บนพื้นฐานวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาในอดีต ทั้งพิธีกรรม “บายศรีสู่ขวัญ” ที่รับแขกบ้านแขกเมืองผู้มาเยือนถึงใจในระดับ ขวัญ – วิญญาณ ไม่ใช่แค่รับแขก แต่มีขั้นตอนการ “รับขวัญ ผูกเสี่ยว – ผูกข้อ (มือ) ต่อแขน” ที่ละเอียดอ่อน เหมือนจะดองเป็นญาติมิตรกันเลยทีเดียว
อีกทั้งการละเล่น “ชนช้าง” หรือ “ดวลอุ” (เหล้าหมักในไห) ที่นำสาวเจ้าสุดสวยในชุดฟ้อนผู้ไท ลงมาประชันดูดอุด้วยหลอดยาว ๆ แข่งกับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แขกบ้านแขกเมืองผู้มาเยือนอย่างสนิทชิดเชื้อ จนหลายหนุ่มเก็บอาการลุกลี้ลุกลนเอาไว้ไม่อยู่ บ้างก็ออกอาการครางเพลง “หนาวลมที่เรณู” กันแทบทุกรายไป
หลายคนที่เคยไปเยือนเรณูนคร ก็มักจะกล่าวถึงความประทับใจในการต้อนรับขับสู้แขกผู้มาเยือน ด้วยความงดงาม ความนุ่มนวลของสาวผู้ไทเรณูนคร ประกอบกับเครื่องแต่งกายของสาวน้อยใหญ่ชาวเรณู ที่ใช้ชุดสีน้ำเงินสดขลิบแดง มีผ้าเบี่ยงพาดไหล่สีขาว ประดับด้วย “กุหลาบแดงสด” สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผู้ไทเรณู ทัดดอกไม้ขาวที่มวยผม หรือชุดของสาวใหญ่ที่มีลายผ้าซิ่นสีออกดำคราม ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้สาวผู้ไทเรณูนคร ดูโดดเด่นและแตกต่างจากสาวผู้ไทที่อื่น ๆ ครับ
ชาวผู้ไทเรณูยังมีประเพณีการฟ้อนรำที่เรียกว่า “ฟ้อนผู้ไท (ภูไท) เรณูนคร” ที่อาจถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งท่าฟ้อนผู้ไทมีท่าฟ้อนต่าง ๆ เช่น ท่าเตรียม ท่านกกระบาบิน ท่ากาเต้นก้อน ท่ารำม้วน ท่าฉาย ท่าลำเพลิน ท่ารำส่าย ท่ารำบูชา ท่าก้อนข้าวเย็น ท่าจระเข้ฟาดหาง ท่าเสือออกเหล่า การฟ้อนจะจัดเป็นคู่ ๆ ใช้ชายจริงหญิงแท้ เครื่องดนตรีประกอบด้วย แคน กลองกิ่ง กลองแตะ กลองยาว ฆ้องโหม่ง พังฮาด และกั๊บแก๊บ
นอกจากประเพณี พิธีกรรม รับขวัญ บายศรี ฟ้อนรำ ชนช้าง ดวลอุ กันแล้ว ชาวผู้ไทเรณูนครยังมีอาหารประจำกลุ่มชาติพันธุ์ไท – ลาว ที่เรียกกันว่า “ ข้าวปุ้น” คือ “ขนมจีน” แบบที่พบเห็นกันทั่วไปแต่จะมีเส้นเล็กกว่า ราดด้วยน้ำยากะปิ (น้ำนัว) สูตรลับเฉพาะของเมืองเรณูนครเขาครับ
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของการจัดเลี้ยงแบบผู้ไท เรียกกันว่า “พาแลง” หรือที่อาจแปลได้ว่า “ชวนมานั่งทานข้าวเย็นร่วมกันนะ” เป็นงานจัดเลี้ยงที่มีภาชนะจักสาน ที่เรียกว่า “โตก” แบบชาวเหนือ ภายในถาดจักสาน ก็จะมีอาหารพื้นเมือง ทั้ง แกงผักหวาน ส้มตำไทย ลาบหมู ไก่ย่าง ส้มตำ ปลานึ่ง ลาบประเภทต่าง ๆ ที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็น “ข้าวเหนียว” นั่งทานกันท่ามกลาง บรรยากาศการฟ้อนรำประกอบการนั่งล้อมวงรับประทาน พาแลงละ 5 – 6 คน
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเรื่องราวเล็ก ๆ ในประเพณีของชาวผู้ไทเรณูนคร ที่ทั้งหมดนี้ล้วนแต่อยู่ในงาน “วันผู้ไทโลก ครั้งที่ 9 – พัสตราภูษา งามผ้าตระกูลไท ท่องเที่ยวสุขใจ วิถีผู้ไทเรณูนคร” ระหว่างวันที่ 16 – 18 กุมภาพันธ์ 2561 ณ วัดธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
พลาดมาเที่ยวเมืองเวในคราวนี้ คงต้องทำใจกันอีกนานครับ
ผู้ไทเรณูนคร นครพนม
ผู้ไทหนองสูง มุกดาหาร
ผู้ไทบุ่งเลิศ ร้อยเอ็ด
ผู้ไทกุดแข้ด่อน ยโสธร
ผู้ไทโนนหอม สกลนคร
ผู้ไทคำม่วง กาฬสินธุ์
ผู้ไทวังอ่างคำ แขวงสะหวันเขต สปป.ลาว
ภาพอดีตการฟ้อนรำผู้ไทเรณูนคร
ภาพการฟ้อนผู้ไทเรณูนคร โดย อนุสาร อสท