วิธีนั่งแท๊กซี่ให้ Safety ที่สุด

จริงๆแล้ว นี่เปนกระทู้รีโพสของผมครับ เนื่องจากพึ่งได้ข่าวเกี่ยวกับแทกซี่จะหลอกผดส.พากลับบ้านตัวเองมา

และแฟนผมก้อต้องนั่งแทกซี่อยุบ่อยๆ ผมเลยอยากแนะนำเทคนิคสำหรับผมเล็กน้อยครับ

_______________________________________________________________________

พอดีว่า เนื่องจาก คนที่ผมรัก และใครอีกหลายๆคน จำเป็นต้องเดินทางด้วยแท็กซี่ในบางครั้ง และผมก็เห็นในความเสี่ยงจากการนั่งแท็กซี่ ผมไม่ได้ว่าคนขับแท็กซี่จะเป็นคนไม่ดีนะครับ เพียงแต่ผมอยากให้ safety first ปลอดภัยไว้ก่อนเท่านั้นเอง

ผมจึงได้คิดค้นวิธีที่นั่งแทกซี่สำหรับผู้หญิง(หรือผู้ชายจะใช้ด้วยก็ได้)ให้ปลอดภัยที่สุดขึ้นมา ผมไม่รู้หรอก ว่ารัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้เคยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางด้วยแท็กซี่ไว้แล้วรึยัง แต่ผมก็มีวิธีในแบบของผม ที่คิดว่าจะทำให้คนที่ผมรัก หรือใครก็ตามเดินทางด้วยแท็กซี่ปลอดภัยอีกระดับนึง

แต่อย่างแรกที่ผมจะแนะนำจริงๆคือ เวลากลางคืน เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรนั่งแทกซี่แล้วมากที่สุด เพราะอัตราเสี่ยงจะสูงมาก แต่ถ้าจำเป็นจะต้องนั่ง ก็มาดูวิธีนั่งต่อไปเลยดีกว่า

ขั้นตอนแรก แน่นอน อันนี้ผมก็เคยเห็นผ่านตามาบ้าง คือการจำเลขทะเบียนรถ และชื่อคนขับตรงด้านหน้า ฝั่งผู้โดยสาร และสังเกตุในรูปกับคนขับว่าเป็นคนเดียวกันมั้ย

แต่ผมสังเกตุเห็นว่า แทบจะไม่มีใครจำได้จริงๆหรอก อย่างมากก็ส่งข้อความไปให้ใครสักคนรู้ไว้ว่า กำลังนั่งรถทะเบียนอะไร หรือ เมมไว้ในโทรศัพท์เท่านั้นเอง

แต่ผมมองว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้นจริงๆ และคนร้ายได้ขโมยโทรศัพท์ไปด้วยหละ ก็เท่ากับว่าคุณไม่มีทะเบียนของรถคันนั้นแล้ว หรือต่อให้คุณได้ส่งข้อความไปหาใครสักคนแล้วหละ แต่เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นแล้ว สิ่งทีคุณควรทำต่อไปก็เพียงแค่ แจ้งความที่สน.และรอจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดี

ส่วนทั้งหมดตรงนี้ ผมมองว่า มันเป็นการป้องกันที่ปลายเหตุ ความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ค่อยมาตามแก้ไขทีหลัง

เอาหละ แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้บอกว่าการจำเลขทะเบียน และชื่อคนขับมันไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี จริงๆแล้ว คุณก็ควรทำนั่นแหละ เพราะถ้าสุดท้ายเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริงๆ อย่างน้อย มันก็เป็นข้อมูลสำคัญในการใช้ติดตามคนร้าย

ต่อมา จะเป็นส่วนที่ผมคิดขึ้นเอง เพื่อใช้ในการเดินทางให้ปลอดภัย และผมคิดว่า มันเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุด้วย

เริ่มจากเมื่อคุณโบกแท็กซี่ ขึ้นไปนั่ง และจดจำเลขทะเบียน และชื่อคนขับแล้ว ถ้าคุณมากันมากกว่าหนึ่งคน ก็ไม่เป็นไรคุณจะใช้ขั้นตอนต่อไปนี้ไม่ได้ และอย่างน้อยคุณก็จะมีเพื่อนอยู่ข้างๆ ไว้พึ่งพากันและกัน แต่ถ้าคุณมาคนเดียว ผมจะแนะนำคุณเลยว่า เมื่อคุณก้าวขึ้นรถปุ๊บ เลิกนั่งในตำแหน่งไหนก็ตามที่คุณเคยนั่ง หรือชอบนั่งเป็นประจำ ให้นั่งตามที่ผมจะบอกต่อไปนี้คือ หลังคนขับพอดีเป๊ะ แล้วขยับไปทางขวาอีก หรือจะนั่งหัวพิงกระจกประตูไปเลยก็ได้ จุดๆนั้น มันจะเป็นจุดบอดจากกระจกหลัง ทำให้คนขับไม่สามารถมองเห็นเราได้

เพราะอะไรนะหรือ????????

เพราะว่าในทางจิตวิทยาแล้ว เมื่อคนร้ายจะลงมืออะไร ที่ไม่ได้คิดแผนล่วงหน้าขึ้นมาอย่างถี่ถ้วนมาก่อน เป็นการคิดการกระทำซึ่งหน้า คนร้ายจะต้องมองที่เหยื่อก่อน แล้วจินตนาการ ปรุงแต่ง ปรับแผนต่างๆ รวมถึงการสังเกตุเหยื่อ และมองหาจุดอ่อน หรือจังหวะการจู่โจม โดยที่เหยื่อไม่รู้เลยว่า มีคนร้าย กำลังสังเกตุการกระทำ และจับจ้องเราอยู่ เข้าใจรึยังหละครับ

ฉะนั้น เมื่อเราอยุในมุมบอดที่คนขับมองไม่เห็นเราได้ เค้าก็ไม่สามารถมองเห็นเรา ความเสียงจากการจู่โจมของคนร้ายก็จะลดน้อยลง แต่ถ้าเราอยุในมุมอื่น นอกจากคนร้ายจะมองเห็นเรา และคิดแผนการที่จะจู่โจมแล้ว เรายังในตำแหน่งเสียเปรียบในเชิงภูมิศาสตร์อีกด้วย เพราะนอกจากตำแหน่งหลังคนขับแล้ว นอกนั้นเป็นตำแหน่งที่เอื้ออำนวยแก่คนขับให้ได้เปรียบในการจู่โจมเราทั้งนั้นเลย

สรุป เมื่อก้าวขึ้นรถ จำทะเบียน จำชื่อคนขับแล้ว ก็ย้ายก้นของเราไปนั่งหลังคนขับเยื้องขวาไปหน่อยซะ

ต่อมา เมื่อได้ที่นั่งอันทรงคุณค่าแล้ว ก็มาเช็คความปลอดภัยในเรื่องทางหนีทีไล่ของเราต่อ ทางหนีทีไล่ที่เหมาะสมที่สุดในนั้นเห็นที จะไม่พ้นประตู คราวนี้เราก็มาเช็คว่า ประตูของรถแท็กซี่ที่เรานั่งนั้น มีการดัดแปลงอะไรขึ้นรึป่าว วิธีเช็คก็เพียงง่ายๆเลยคือ เมื่อนั่งบนรถแล้ว ค่อยๆใช้มือเรา ขยับตัวล๊อคประตูให้เปิดช้าๆ เบาๆ เพราะอะไรอีกรู้มั้ยครับ เพราะเราต้องทำให้เกิดเสียงเงียบที่สุด เพื่อไม่ให้คนขับรู้ตัวว่าเรากำลังเช็คประตูอยู่นะ เพราะถ้าเราบังเอิญซวยไปเจอคนขับที่กำลังคิดจะทำสิ่งที่ไม่ดีขึ้นมา เมื่อเค้ารู้ว่าเรากำลังเช็คประตู เค้าจะรู้ตัวทันทีว่า เราไหวตัวทันนะ เรารู้ตัวและนะ และต่อไป เค้าก้อจะรอบคอบในการคิดแผนการร้ายมากขึ้นเหมือนกันทันที

ฉะนั้น ตัวล๊อคประตูอะ โดยปกติ มันจะมีเสียง กรึก กรึก เวลาเปิดปิด ฉะนั้น ให้ค่อยๆ ขยับมันเบาๆ เหมือนเรากำลังเปิดประตูหนีแม่ออกไปเที่ยวนอกบ้านตอนกลางคืนซะ และอย่าลืมปิดมันกลับเข้าที่ด้วยหละ อย่าคิดว่า เปิดไว้เลย เวลาเกิดอะไร จะหนีสะดวกดี เพราะรถรุ่นใหม่เดี๊ยวนี้ เค้ามีเซ็นทรัลล๊อค เมื่อเค้าเหยียบเบรค เดี๊ยวมันก็ล๊อกอัตโนมัติอยู่ดีนั่นแหละ และมันก็จะเกิดเสียงทันที และแน่นอน เค้าก็จะรู้ตัวทันทีอีกเหมือนกัน

แต่ถ้าเราซวยไปเจอคันที่มีการดัดแปลงแล้ว ให้ตั้งสติไว้ อย่าโวยวายให้เค้ารู้ตัว ว่าเรารู้แล้ว ให้แกล้งทำเป็นบอกให้จอดเซเว่นแปปนึง ลืมซื้ออะไร หรือจะลงไปซื้ออะไรก็ว่าไป หรือจอดตู็ atm หน่อย เดี๊ยวกดตังมาก่อน ลืมกดตังอะไรก็ตาม แล้วพอเค้าจอด เราก็เปิดประตูไว้ก่อน แล้วตัดบทไปเลย เดี๊ยวหนูว่า อาจจะลงไปนาน เดี๊ยวหนูจ่ายตังพี่ไปเลยละกัน แล้วก้ควักตังให้เค้า แล้วรีบออกจากรถซะ คนขับมันก็จะงงๆว่า เอ๊ะ มันรู้แผนการรึป่าววะ หรือมันเป็นคนบ้าๆแบบนี้อยู่แล้วหรอ

ต่อมา เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของเราปกติแล้ว ให้เราชวนคนขับคุยแม้งงเลย
เรื่องอะไรก็ได้ คุยๆไป ถามเรื่องเส้นทาง ถามว่าขับอย่างงี้รายได้ดีมั้ย หรืออะไรก็ตาม ชวนๆคุยไปเหอะ เพื่อเบี่ยงเบียน จิตเค้าที่จะคิดถึงเรื่องที่ไม่ดี ที่เค้าอาจคิดจะทำ หรือถ้าเราไม่กล้าชวนคุยขนาดนั้น ก็โทรคุยกับใครสักคน จะแฟนเรา พ่อ แม่ เราที่รออยู่ที่บ้าน หรือเพื่อนเรา ที่พึ่งแยกกันมา มะกี้ และถ้าคุยกับคนของเราเอง ให้แกล้งพยายามอัพเดทเส้นทางของเราเป็นระยะด้วยว่า อ่อ ถึงพระราม2ละ อีกนิดก็จะถึงละ ประมาณนี้ เพื่อให้คนขับคิดแผนการร้ายได้ยากขึ้น และเลิกคิดมันไปซะ

สุดท้ายสิ่งที่ห้ามเด็ดขาดคือ การสูญเสียสติบนรถแท็กซี่ ไม่ว่าจะเป็นการง่วงและนอนหลับ หรือเมาจนขาดสติ หรือเมาแอร์แล้วสลบ จะอะไรก็ตาม ถ้าคุณเดินทางคนเดียว ห้ามสูญเสียสติบนรถแท็กซี่เด็ดขาด อย่างน้อย ควรมีสักคน ที่ยังมีสติดีครบถ้วน อยู่บนรถแท็กซี่ด้วย(ยกเว้นคนขับนะ ^^ )

อ่านๆกันแล้ว หรือยังไม่ได้อ่าน ขี้เกียจอ่าน ไม่อยากอ่าน อะไรก็ตามนั่นแหละ ช่วยแชร์ๆกันด้วย ก็จะดีมากครับ เพื่อให้พวกเรา เดินทางด้วยแท็กซี่โดยปลอดภัยขึ้น

จะแชร์ทางช่องทางเฟสบุ๊ก หรือ ก๊อป บทความนี้ไปแชร์ที่อื่นก็ได้ครับ เต็มที่เลย

บทความนี้ เป็นบทความเปิด อิสระในการออกความคิดเห็น และ การแบ่งปันแจกจ่ายครับ ^^