ปลูก-ปั่น มีกันและกัน สร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น อย่างยั่งยืนที่บางกะเจ้า

           ใช้ชีวิตในเมือง ต่อสู้กับมลพิษกันมาทั้งอาทิตย์ วันหยุดทั้งที หลายๆคนคงอยากได้พื้นที่สีเขียว อากาศปลอดโปร่งให้หายใจกันได้เต็มปอดกันหน่อย แต่ครั้นจะขับรถไกลๆไปต่างจังหวัด ก็เกรงว่าจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางบนท้องถนนมากกว่าจะได้ซึมซับบรรยากาศที่จุดหมายปลายทางซะมากกว่า  วันนี้เราเลยจะมาแนะนำสถานที่พักผ่อน ฟอกปอดใกล้ๆกรุงเทพ ให้ใครหลายๆคนเก็บไว้เป็นไอเดียหาที่เที่ยวในวันหยุดปีใหม่นี้กัน

           เกริ่นมาขนาดนี้ คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยคะ ว่าเรากำลังพูดถึงที่ไหน? เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อ "บางกะเจ้า" อยู่บ่อยๆจากหลายสื่อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ชื่อนี้ใช้เรียกพื้นที่เชิงนิเวศน์ บนพื้นที่กว่า 12,000 ไร่ ใน 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งประกอบไปด้วยสวนผลไม้ สวนสมุนไพร และผืนป่าที่ถูกโอบล้อมด้วยแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 3 ด้าน จนคล้ายรูปทรงกระเพาะหมู หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า "คุ้งบางกะเจ้า"  ซึ่งได้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวที่ใหญ่ที่สุดซึ่งแทบจะเรียกว่าอยู่ท่ามกลางความเป็นเมืองก็ว่าได้ 

           โดยบางกะเจ้าเริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเพียงระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่เดิมพื้นที่นี้ถูกทำลายลงไปมาก แต่ด้วยเพราะการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ค่อยๆ ทะนุบำรุง จากผืนป่าที่เสื่อมโทรมเริ่มสมบูรณ์ขึ้น อีกทั้งยังกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ด้วยการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านเส้นทางปั่นจักรยานภายในชุมชม ให้ผู้ที่ชื่นชอบและสนใจในการท่องเที่ยวธรรมชาติ ได้มาสัมผัสบรรยากาศอย่างใกล้ชิด โดยบางกะเจ้านี้ไม่ได้มีเพียงเส้นทางปั่นอันน่าผจญภัยและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ภายในยังเป็นพื้นที่ชุมชน ที่อยู่ร่วมกับป่าธรรมชาติได้อย่างเกื้อกูล        

           และเนื่องจากไม่กี่วันที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้ไปเยือนที่ บางกะเจ้า โดยได้รับเชิญให้เป็นส่วนหนึ่งของ กิจกรรมปลูกต้นไม้ร่วมกับชาวบ้านในชุมชนบางกะเจ้า ที่ทางบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น  ร่วมกับชาวชุมชนในพื้นที่ได้จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ภายในสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ตามแนวคิด มีกันและกัน สร้างสรรค์ชีวิตที่ดีขึ้น อย่างยั่งยืน  เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในบางกะเจ้าตามแนวพระราชดำริฯ เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้เชิงนิเวศน์  ซึ่งในวันนั้นพวกเรามีโอกาสได้ปลูกต้นไม้ร่วมกันหลายชนิด เช่น  ต้นมะม่วงน้ำดอกไม้ ต้นขนุน ต้นมะฮอกกานี ต้นสำโรง และต้นพิรันกาษา ทั้งหมดจำนวน 300 ต้น โดยต้นไม้ที่ปลูกเหล่านี้ ชาวบ้านสามารถนำผลผลิตไปจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้คืนสู่ชุมชนได้ด้วย

       ซึ่งการได้มีโอกาสมาเป็นส่วนนึงที่มาทำกิจกรรมร่วมกับบริษัทผู้นำเทคโนโลยีของเมืองไทย อย่างบริษัททรู ฯ จะเป็นการปลูกต้นไม้แบบธรรมดาได้ยังไง  ทางทรูเค้ามี แอพพิเคชั่นเกี่ยวกับการบันทึกการเติบโตของต้นไม้ มาให้พวกเราได้ทดลองใช้ที่ชื่อ We Grow  

       โดยเพียงแค่เราปลูกต้นไม้ (ไม่จำกัดสายพันธุ์) จะปลูกที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ จากนั้นอัพโหลดรูปต้นไม้ที่เราปลูก ลงในแอพฯ นี้ เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพื่อโลกของเราและยังได้แลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กับคนที่ปลูกต้นไม้อื่นๆ ซึ่งหากใครจะอัพสถานะการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่เราปลูก เป็นระยะๆ ก็เหมือนเครื่องมือบันทึกการเจริญเติบโตของต้นไม้ ทำให้เราได้เห็นการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่เราปลูกด้วย ยังไงก็ลองดาวน์โหลดไปใช้กันดูนะคะ ใช้ได้ทั้งระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ หรือศึกษาข้อมูลอื่นๆ จาก เว็บไซต์ wegrow ได้เลยค่ะ 

          หลังจากที่เราปลูกต้นไม้เสร็จเรียบร้อย ก็ถึงเวลาปั่นจักรยาน รับโอโซนดีๆเข้าปอดซะหน่อย โดยเส้นทางที่เราเลือกปั่นในวันนี้คือบริเวณรอบๆสวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ เป็นสวนสาธารณะสำหรับพักผ่อน ออกกำลังกาย และศึกษาระบบนิเวศน์ของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์ในท้องถิ่นและพื้นที่ใกล้เคียงค่ะ โดยมีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินชมและมีพื้นที่สำหรับให้อาหารปลา หรือใครจะมาเช่าจักรยานขี่เล่นชมสวนแห่งนี้ เราเห็นว่าก็มีร้านจักรยานให้เช่าอยู่ด้านหน้า ชั่วโมงละ 50 บาท ทั้งวัน 100 บาท ต่อคันค่ะ 

           และอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในสวนแห่งนี้  คือ หอดูนกความสูง 7 เมตร ที่สามารถชมทิวทัศน์ได้โดยรอบ อันนี้แนะนำเลยค่ะ เพราะเมื่อเราขึ้นไปยืนทอดสายตามองจากด้านบนมองลงมายังป่าสีเขียวด้านล่าง  สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ขอบอกว่าสดชื่นสุดๆไปเลย 

          หลังจากปั่นจักรยานมาจนเหนื่อย ทางทรูก็จัดบูธตรวจเช็คสุขภาพเบื้องต้นให้กับชาวบ้านในชุมชนด้วยค่ะ

            จบไปอีกหนึ่งวัน  ที่ได้มีโอกาสเข้าไปร่วมกิจกรรมดีๆ ที่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวคืนให้ธรรมชาติ และยังได้ถือโอกาสฟอกปอด สูดโอโซนบริสุทธิให้กับร่างกายเต็มที่ด้วยค่ะ  ในวันหยุดยาวช่วงปีใหม่นี้ ถ้าใครไม่อยากเดินทางไปเจอรถติดบนท้องถนน คุ้งบางกะเจ้าก็เป็นตัวเลือกใกล้กรุงเทพที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ  สัมผัสธรรมชาติ ใกล้ชิดวิถีชาวบ้าน  เป็นมนต์เสน่ห์ของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ทำให้คนเมืองอย่างเราลืมไม่ลงเชียวค่ะ

การเดินทางมายังคุ้งบางกะเจ้า

การเดินทางเข้าสู่คุ้งบางกะเจ้าที่ได้รับความนิมยมมากในระยะหลังๆมานี้ คือการเดินทางโดยเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถลงเรือได้จากท่าเรือ 4 ท่าด้วยกัน 

1. ท่าเรือวัดบางนานอก - ท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอก
ท่าเรือวัดบางนานอก อยู่ที่ ถนนสรรพาวุธ แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เรือข้ามฟากที่นี่เป็นเรือโดยสารขนาดใหญ่ สามารถนำรถจักรยานและมอเตอร์ไซค์ลงเรือไปได้ ให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00 น. หรือถ้าขับรถยนต์ไปทางบางนา ก็สามารถจอดไว้ที่วัดบางนานอกได้ แต่ถ้าไม่มีรถส่วนตัว สามารถขึ้น BTS มาลงที่สถานีบางนา ทางออกที่ 2 ตรงมาทางสี่แยกบางนาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาใน ถ.สรรพาวุธ จากนั้นตรงเข้ามาจนสุดทาง ก็จะพบกับท่าน้ำวัดบางนานอก ค่าโดยสารแค่ 4 บาท (6 บาท สำหรับคนที่มีจักรยานมาด้วย) เมื่อข้ามไปถึงแล้ว จะมีร้านเช่าจักรยานอยู่ทางด้านซ้ายของทางออกท่าน้ำวัดบางน้ำผึ้งนอกเลยค่ะ คันละ 80 บาท ปั่นได้ทั้งวัน แถมได้แผนที่บางกะเจ้าพร้อมคำแนะนำด้วยนะคะ
2. ท่าเรือวัดคลองเตยนอก - ท่าเรือบางกะเจ้า(กำนันขาว)
ท่าเรือวัดคลองเตยนอก อยู่ที่ ถนนเกษมราษฎร์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย เรือที่ท่านี้จะเป็นเรือหางยาว สามารถนำรถจักรยานลงไปด้วยได้ แต่จะได้ไม่กี่คันเนื่องจากไม่ใช่เรือใหญ่ ค่าโดยสารคนละ 20 บาท ถ้ามาทางนี้จะใกล้พิพิธภัณฑ์ปลากกัด และสวนศรีนครเขื่อนขันธ์
3. ท่าเรือ ข้างธนาคารกรุงเทพ สำนักงานพระราม 3 – ท่าเรือวัดบางกะเจ้านอก
ท่าเรือ ข้างธนาคารกรุงเทพ สำนักงานพระราม 3 อยู่ที่ ถนนพระรามที่ 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา ท่าเรือที่นี่จะหาค่อนข้างยาก ถ้าใครไม่รู้จักละแวกช่องนนทรี อาจหายากไปสักหน่อย แต่ดีตรงที่ไม่ค่อยมีคนให้เบียดเสียดกันมากนัก
4. ท่าเรือสาธุประดิษฐ์ – ท่าเรือวัดโปรดเกศเชษฐาราม
ท่าเรือสาธุประดิษฐ์ อยู่ที่ ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา มีเรือใหญ่ให้บริการทั้งวัน ออกเป็นรอบๆ แต่ข้ามมาแล้วจะมาถึงถนนเพชรหึงษ์ช่วงต้นๆ ถ้าอยากจะปั่นเที่ยวจุดท่องเที่ยวเด่นๆในคุ้ง อาจจะต้องปั่นเข้ามาไกลพอสมควรค่ะ


เดินทางด้วยรถสาธาณะ สามารถนั่งรถเมล์สายต่างๆได้ดังต่อไปนี้

สาย 6 : บางลำภู-พระประแดง จอดเทียบที่ท่าเรือพระประแดง
สาย 35 : พระประแดง - สายใต้ใหม่ (ตลิ่งชัน) สายนี้จะไปสิ้นสุดที่ วัดรวก ต้องต่อมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถเมล์ หรือรถสองแถวที่วิ่งเข้าท่าน้ำพระประแดง
สาย 82 : พระประแดง-พาหุรัด มาจอดเทียบที่ท่าเรือพระประแดง
สาย 138 : พระประแดง – จัตุจักร ขึ้นที่ ป้ายรถเมล์บริเวณ BTS หมอชิต ฝั่งสวนจตุจักร นั่งยาวไปจนถึงวัดกลาง พระประแดง หน้าวัดจะมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ ให้ไปส่งบริเวณท่าน้ำพระประแดง หรือเดินไปประมาณ 600 เมตร
สาย 506 : ปากเกร็ด – พระประแดง รถจะวิ่งไปสุดสายที่ตลาดพระประแดง