ผู้ปกครองควรอ่าน ! อธิบดีกรมวิทย์ เผย "ยานอนหลับชนิดใหม่" Etizolam ที่กำลังระบาดในไทย เคยมีวัยรุ่นเสียชีวิตแล้วหลายคน
หลังจากได้นำเสนอข่าวว่ามีการนำเข้ายานอนหลับชนิดรุนแรงมาใช้ผิดวัตถุประสงค์กันเกลื่อนเน็ต โดยเป็นที่นิยมในหมู่นักปาร์ตี้ และ ผู้ไม่หวังดีนำมาหลอกล่อเหยื่อเพื่อข่มขืน ทั้งเด็กหนุ่ม และ เด็กสาว ซึ่งเคยเกิดขึ้นในต่างประเทศมาแล้ว โดยมีกล้องวงจรปิดได้พบว่า "เหยื่อ" จะไม่รู้สึกตัวในระหว่างที่โดนข่มขืนเลย
ล่าสุด กองบรรณาธิการข่าว เว็บไซต์สุขภาพ medhubnews.com รายงานว่า นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
ทาง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักยาและวัตถุเสพติด และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 สงขลา ได้ร่วมกันตรวจวิเคราะห์ของกลางที่ส่งตรวจจากสถานีตำรวจภูธร 7 แห่งในเขตจังหวัดนราธิวาสและยะลารวม 10 ตัวอย่าง
มีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมแบนสีส้ม ด้านหนึ่งมีตัวพิมพ์ “5” ส่วนอีกด้านเป็นสัญลักษณ์ “” บรรจุในแผงอลูมิเนียมสีเงินพลาสติกใสสีแดงแผงละ 10 เม็ด บนแผงพิมพ์ภาษาอังกฤษระบุผลิตในประเทศญี่ปุ่น ( MADE IN JAPAN ) และชื่อยา “Erimin5”
พบว่า เป็นยาปลอมเนื่องจากตรวจไม่พบส่วนประกอบที่เป็นยาไนเมตาซีแพม (Nimetazepam) ที่ปกติจะพบอยู่ในยา Erimin 5 และจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 มักนำไปใช้ทดแทนยาเสพติด
ซึ่งมีการแพร่ระบาดมากในสถานบันเทิงเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันชนิดของยา โดยใช้เทคนิคต่างๆในห้องปฏิบัติการประกอบกัน
ได้แก่ เทคนิคโครมาโทกราฟีแผ่นบาง (TLC) การวัดการดูดกลืนแสงด้วยเครื่องยูวี วิส สเปคโทรโฟโตมิเตอร์ การตรวจด้วยเครื่อง Gas chromatograph-Mass spectrometer และเทคนิค Infrared spectroscopy
ทำให้สามารถยืนยันการตรวจของกลางทั้ง 10 ตัวอย่าง พบว่าเป็นยาอีทิโซแลม ( Etizolam ) ซึ่งเป็นยานอนหลับชนิดใหม่ที่เพิ่งตรวจพบครั้งแรกในประเทศไทย
ยาอีทิโซแลม มีสูตรโครงสร้างทางเคมีและการออกฤทธิ์คล้ายกับยานอนหลับในกลุ่มเบนโซไดอาซีปีนส์ ซึ่งดูดซึมได้ดีผ่านระบบทางเดินอาหารให้ระดับยาในเลือดสูงสุดภายในเวลา 0.5-2 ชั่วโมง เป็นยากลุ่มกดประสาทที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางมีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม ในบางประเทศ
เช่น ญี่ปุ่น อิตาลี และ อินเดีย อนุญาตให้ใช้เป็นยาในรูปแบบยาเม็ดขนาดความแรงต่างๆกันสำหรับรักษาโรควิตกกังวลที่มีภาวะซึมเศร้าและอาการนอนไม่หลับ แต่มีอาการไม่พึงประสงค์และอาการข้างเคียง
เช่น ทำให้ง่วงซึมระหว่างวัน กล้ามเนื้ออ่อนแรง พูดจาเลอะเลือน เดินเซ ง่วงนอน อาจมีอาการกล้ามเนื้อรอบดวงตาหดเกร็งตัวในผู้ป่วยที่ใช้ยามากกว่า 1 เดือนจะกดระบบหายใจทำให้เสียชีวิตได้
นอกจากนี้ยังทำให้เสพติดและมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดใช้ทดแทนยาอี ( Ecstasy ) รวมทั้งมีการโฆษณาเป็นสารเคมีสำหรับในใช้ในการศึกษาวิจัย ในบางประเทศสามารถหาซื้อได้ง่ายทางอินเตอร์เน็ตหรือร้านค้าท้องถิ่นในรูปแบบ ยาเม็ด ผง หรือเคลือบซับอยู่บนกระดาษ
แต่ในหลายๆประเทศได้ตระหนักถึงอันตรายและแนวโน้มการนำไปใช้ในทางที่ผิดของยาชนิดนี้ จึงกำหนดให้เป็นสารที่ต้องควบคุมตามกฎหมาย เช่น ประเทศ เดนมาร์ก เยอรมนี สหรัฐอเมริกาในบางรัฐ เช่นฟลอริด้า อลาบามา เวอร์จิเนีย เท็กซัส เป็นต้น
และล่าสุดมีรายงานข่าวกรณีมีผู้เสียชีวิตจำนวน 6 รายในสกอตแลนด์เมื่อปี พ.ศ. 2559 เนื่องจากใช้ยาไดอาซีแพมปลอมที่บางตัวอย่างมีส่วนผสมของยาอีทิโซแลมประเทศสหราชอาณาจักร
โดย The Misuse of Drug Act 1971 ได้ประกาศให้เป็นยาควบคุมกลุ่ม C ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับการควบคุมวัตถุออกฤทธิ์ชนิดอัลปราโซแลม (Alprazolam)และไดอาซีแพม (Diazepam)
นอกจากนี้ยาดังกล่าวเป็น 1 ใน 16 ชนิด ที่องค์การสหประชาชาติจะมีการทบทวนและพิจารณาการควบคุมทางกฎหมายระดับสากลในการประชุม ECDD (Expert Committee on Drug Dependence) ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 16-20 พฤศจิกายน 2560 นี้ สำหรับในประเทศไทยเนื่องจากยาดังกล่าวไม่มีจำหน่ายหรือไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศจึงยังไม่ถูกควบคุมหรือประกาศให้เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
"ยาอีทิโซแลม ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดและมีแนวโน้มนำไปใช้ในทางที่ผิดในประเทศไทย เป็นการตรวจพบครั้งแรก โดยห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่จะพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ยาเสพติดชนิดใหม่เพื่อให้ทันการณ์ในยุคโลกไร้พรมแดน
สามารถทำให้ได้ข้อมูลที่พร้อมสำหรับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องที่จะนำไปใช้ได้ทันท่วงทีเช่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นำไปใช้ป้องกัน เฝ้าระวัง ปราบปราม และพิจารณาทบทวนข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้แจ้งเตือนให้ประชาชนทราบถึงอันตรายต่อไป" นายแพทย์สุขุม กล่าว