เครือข่ายยางใต้ตั้งท่าก่อหวอดกดดันจำเจ ขู่ซ้ำซากแก้ราคายางตกไม่ได้เคลื่อนขบวนเข้ากรุง เผยราคาต่ำเกือบ 3 ก.ก.ร้อยแล้ว ร้องรัฐบาลเอาจริงกลุ่มนายทุนครอบงำ ลั่นให้เวลา 15 วันแก้ปัญหายางแผ่นไม่ได้บุกกรุง
เมื่อ 31 ต.ค. 2560 ประชาชาติออนไลน์ รายงานว่า ที่สหกรณ์กองทุนสวนยาง ยูงทอง จำกัด ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ชาวสวนยางยังคงนำน้ำยางสดมาส่งผลิตเป็นยางแผ่นรมควัน แม้รายได้จะตกต่ำจนไม่พอค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยปัจจุบัน ราคาน้ำยางสดอยู่ที่ 40-41 บาทต่อกิโลกรัม ราคายางแผ่นดิบรมควันจากการผลิตของสหกรณ์อยู่ที่ 50-51 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ขี้ยางอยู่ที่ 18 บาทเท่านั้น
รายงานจากประชาชาติออนไลน์ ระบุว่า ชาวสวนยางพารานครศรีธรรมราชได้หารือถึงความเดือดร้อนจนไม่สามารถที่จะอยู่นิ่งอีกต่อไปได้ และมีแนวโน้มว่า จะเคลื่อนไหวอีกครั้งหลังราคายางพาราได้ตกต่ำอย่างหนัก เพราะไม่เชื่อมั่นต่อการบริหารจัดการของหน่วยงานที่รับผิดชอบ และเรียกร้องให้รัฐบาลเอาจริงเอาจัง แก้ปัญหาการครอบงำของนายทุนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ และผู้หน่วยงานที่รับผิดชอบควรแสดงความรับผิดอบให้มากกว่านี้
นายจตุพร เตราชูสงค์ ประธานสหกรณ์ กองทุนสวนยาง ยูงทอง จำกัด กล่าวว่า รายได้ของชาวสวนยางลดลงครึ่งต่อครึ่ง จากรายได้ 100 ตอนนี้เหลือประมาณ 30-40 บาท แล้วจะอยู่ได้อย่างไร เพราะค่าครองชีพสูง ราคาสินค้าสูงทั้งหมด ทุกวันจะมีสมาชิกนำยางมาขายตามปกติ แต่น้อยกว่าเดิมมาก จึงอยากให้เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาดูแลโดยด่วน ทำอย่างไรก็ได้ให้ราคาสูงกว่านี้ เพื่อให้เกษตรอยู่ได้ด้วย
นอกจากนั้นเกษตรกรยังแนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหาให้ตรงจุด คือ นำยางพาราไปให้ทำถนนแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบต., อบจ. และเทศบาล ทั่วประเทศที่ทำถนน เชื่อว่าจะสามารถระบายยางพาราได้มากขึ้น และจะส่งผลดีต่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยางพารา เพื่อจะได้ลืมตาอ้าปากได้ ดีกว่าต้องรอวันตายหากสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้ และมีแนวโน้มว่าจะตกต่ำลงไปอีก
วันเดียวกัน ข่าวสดออนไลน์ ระบุว่า การแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการของบริษัทร่วมทุนยางพาราไทย จำกัด จนทำให้ไม่สามารถเข้าประมูลยางแผ่นรมควันในตลาดกลางยางพาราได้ จนทำให้มียางแผ่นรมควัน ในส่วนของบริษัทฯร่วมทุนคงค้างอยู่ในตลาดกลางยางพาราหลายแห่งในปริมาณกว่า 7,000 ตัน ตลาดกลางยางพาราเป็นอัมพาต
ล่าสุดจากการหารือร่วมกันของเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทยกับการยางแห่งประเทศไทย ได้ข้อสรุปที่จะให้มีการชะลอการดำเนินการของบริษัทร่วมทุนฯออกไปก่อน จนกว่าจะมีการขนย้ายยางแผ่นรมควันที่ตกค้างออกจากตลาดกลางแล้วเสร็จ และให้มีการขนย้ายยางแผ่นรมควันออกจากตลาดกลางให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน หลังจากนั้นหาก บริษัทร่วมทุนฯจะเข้าประมูลยางแผ่นรมควันในตลาดอีกครั้งก็จะต้องมีการแก้ไขหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
นายประทบ สุขสนาน รองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ข้อสรุปที่ได้ทั้งหมดได้นำเสนอไปยังผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการ แต่หากการแก้ปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการของบริษัทร่วมทุนฯในครั้งนี้ไม่เป็นผล และไม่ได้รับการแก้ไขภายใน 15 วัน ทางเครือข่ายก็จำเป็นต้องเดินทางไปยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป