TheShockMP3 แบบอ่านและแบบฟัง
►01.〖00:00:01〗↔【หนึ่ง ชั่วโมง สี่ วิญญาณ - พี่ธานิต】◄
►02.〖00:21:27〗↔【ปืนโบราณ - น้องภูมิ】◄
►03.〖00:33:20〗↔【402 สยองขวัญ - คุณพลอย】◄
►04.〖01:06:22〗↔【วิญญาณข้างทาง - พี่อ๊อด】◄
►05.〖01:25:59〗↔【กระดานอาถรรพ์ - คุณเบิร์ด】◄
►06.〖01:49:26〗↔【เตียงผีวิญญาณเฮี้ยน - คุณพิมพ์】◄
►07.〖02:14:55〗↔【วิญญาณในร้านนวด - พี่วีระ】◄
►08.〖02:32:18〗↔【ผีช่องแอร์ - คุณดิว】◄
►09.〖02:46:20〗↔【โดนดีที่อังกฤษ - คุณบอม】◄
►10.〖03:04:32〗↔【โรงแรมหลอนที่เชียงใหม่ - คุณปราย】◄
►11.〖03:26:02〗↔【คนที่ 11 - คุณเจ】◄
►12.〖03:37:37〗↔【วิญญาณเชลย - พี่สุ】◄
►13.〖04:08:13〗↔【ม่านรูดเขย่าขวัญ - คุณณัฐวุฒิ】◄
►14.〖04:33:59〗↔【ผีนางรำ - พี่สุ】◄
►15.〖04:55:53〗↔【วิญญาณในสนามบิน - น้องกันต์】◄
►16.〖05:16:53〗↔【โรงแรมเฮี้ยน - น้องเอ็กซ์】◄
►17.〖05:41:59〗↔【ทางผีผ่าน - คุณวิน】◄
►18.〖05:56:22〗↔【สถานบันเทิงสยองขวัญ - คุณโต้ง】◄
►19.〖06:18:42〗↔【พระเจอผี - พี่หนุ่ม】◄
►20.〖06:33:17〗↔【เจอดีที่โตเกียว - คุณพล】◄
ถ้าเกิดฟังแล้วชอบใจอย่าเข้าไปกดติดตามในแนล YT กันได้นะครับที่ (https://goo.gl/zrYDaJ)
เรื่อง หนึ่งชั่วโมงสี่วิญญาณ - พี่ธานิต
.... ผมเป็นคนขับแท็คซี่ ช่วงนั้นขับอยู่แถว...xxx.......ซึ่งเกือบถึงหน้าวัด .....xxxx...ช่วงเวลานั้นก้อประมาณ 2 ทุ่ม
และก้อมีผู้โดยสารโบกรถ สองกลุ่ม กลุ่มแรก มี 4 คน ผมดูท่าทางแล้วไม่เวริ์กแน่ ๆ เพราะกลัวรถหนัก จึงเลยไปรับผู้ ญ. กับ ผู้ ชาย กลุ่มหน้า สองคนนั้นดีกว่า
" ไปไหนครับ " " ไปสำโรงค่ะ " " ได้ครับ ขึ้นเลย "
แล้วผู้ ญ. ก้อเข้ามานั้ง เบาะ หลังตามปกติ แต่ผู้ชายไม่ได้ขึ้น ตามมาด้วย
เค้าอาจจะมาส่งแฟนก้อได้ ขับมาสักพัก พ้นวัดไปได้ไม่เท่าไหร่ มุ้งหน้าไปสำโรง ผมขับรถไปแล้วมองกระจกหลัง พระเจ้า !!!
ผู้ชายคนนั้น มานั่งอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?? เพราะตอนที่ ผู้ ญ. ขึ้นมา ผมมั่นใจ แม้ไม่ได้ มองตอนที่เขาขึ้นมา แต่ผมก้อรู้สึกว่าเขาเข้ามาแค่คนเดียว แล้วเค้านั้งฝั่ง ซ. ติดกับประตู้ ( แต่ผู้ชายคนนั้นที่มาส่ง นั่งฝั่งขวา) ถ้าเข้ามาจริงๆ ผู้ญ. คนนั้นต้องกระเทิบ หรือ ผมต้องรอให้พวกเค้านั่งรถเสร็จก่อนแล้วค่อยขับรถออก
แต่นี้เข้ามาได้ยังไง???
แต่ผมก้อไม่ได้คิดไรมากนะ ได้แต่สงสัย ว่าเค้า เข้ามาตอนไหน ?? และแปลกมากที่ ตลอดเวลาที่นั้งด้วยกันมา ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น?? มันเงียบมาก วันนั้นแหม่เวลา 2-3 ทุ่ม แต่ข้างทางทำไมมัน วังเวง จนรู้สึกขนลุก ผมขับรถ มาถึงสำโรง และเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไปตามคำบอกทางของผู้ ญ. และไมถึงหน้าหมู่บ้านของเธอ จึงเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน และผมก้อได้เห็น....
ยามหน้าหมู่บ้าน สองสามคน(คงเป็นยามผลัดดึก) มุงดูอะไรกันอยู่ มุงกันอยู่นั้น ไม่สนใจรถผมเลย ผมกำลังจะเข้าหมู่บ้านะเนียะ คือยามต้องเอาที่กั้น แล้วแลกบัตร ก่อนเข้าหมู่บ้านได้อ่ะครับ ผมเลยกดแตรดังๆ จึงมียามคนหนึ่งวิ่งมาแล้วบอก "ขอโทษพี่" แล้วลืมยกที่กั้นขึ้น ผมจึงขับรถเข้าในซอยหมู่บ้าน
"จอดหน้าบ้านนี้ได้เลยค่ะ" เสียงผู้ ญ.บอก ผมก้อจอดลงหน้าบ้าน แล้วเธอก้อให้เงินผมมา แล้วก้อปิดประตู ปัง แต่เอ๊ะ ทำไมผู้ ญ. ลงไปคนเดียว ทำไมผู้ ช. ไม่ลง ผมก้อคิดว่า มาส่งผู้ญ. แล้วคงไปต่อเรื่อยขับรถออก แล้วก้อ ถามผู้ชายที่นั่งนิ่ง อยู่นั้น ว่า "พี่จะไปลงที่ไหนคับ "
ผู้ชายคนนั้นยกนิ้วชี้ไปตรงทางออกจากหมู่บ้าน ผมจึงเลี้ยวรถกลับ แล้วหัก พวงมาลัยดูทาง แต่เมื่อหันกลับมาอีกที พี่ผู้ช. คนนั้นหายไปไหนแล้ว!!!
ผมขึ้นลูกซู่ ขนลุกเพราะเค้าไม่ได้ลงรถจริงๆ หรือถ้าลงรถตอนไหน ก้อต้องได้ยินเสียงประตูปิดเปิด แต่ตอนนี้ไม่ม่ ไม่มี เค้าอยู่ ผมเริ่มเสียวสันหลัง และเมื่อขับรถผ่านหน้าบ้าน ผู้ญ. คนที่เพ่งลงเมื่อกี้นี้
(เพราะต้องผ่านหน้าบ้านเพื่อ ออกหน้าปากซ.หมู่บ้านอีกครั้ง)
ผมจอดรถและถาม ผู้ญ.คนนั้น ที่กำลังฉีดสายยางรดน้ำอยู่หน้าบ้าน
" นี้ ๆ คุณ ๆ เพื่อนคุณน่ะ หายไปไหนแล้ว" "เค้าลงรถไปตอนไหน ?? บ้านเค้าอยู่แถวนี้หร่อลงไปไม่บอกผมด้วย "
ผู้ ญ. ทำหน้างงแล้วบอกกลับว่า
" เพื่อนที่ไหนค่ะ ฉันมาคนเดียว" " จะมาคนเดียวได้ไง ก้อเรานั้งกันมาสามคน"
"สามคนตลอดเลย แล้วพี่ผู้ชาย เพิ่งจะหายไปเมื่อกี้" " เด๋วพี่รอหนูตรงนี้ สักครู่นะคะ เด๋วหนูมา"
เธอหายเข้าไปซักพัก " พี่คะ ๆ ใช่คนๆนี้ไหม"
เธอออกมาพร้อม ให้ดูรูป ผมเหงือตก และตอบว่า " ใช่ครับ "
" แฟนหนู่เองค่ะ หนู่เพ่งจะเผ่า แฟนหนูเมื่อกี้นี่เอง คือแฟนหนูเพิ่งตาย ด้วยอุบัติเหตุ แล้วหนูทำพิธีเผ่าเสร็จ หนูก็แวะเรียกรถพี่เผื่อมาส่งบ้านี้ค่ะ"
ผู้ ญ. เริ่มร้องไห้ และร้อง ฮือ ๆ ๆ ๆ อยู่อย่างนั้น
"เค้าคงเป็นห่วงหนู่ เพราะเรารักกันมาก พี่รอหนูก่อน แป้ปนะค่ะ"
" พี่ค่ะ พี่ช่วยพาแฟนหนูไปส่งด้วยนะคะ นี้ค่ารถค่ะ ช่วยพาแฟนหนูไปส่งให้ได้นะคะ คิดว่าช่วยหนูนะคะ"
ผมตกปากรับคำ ด้วยความจำใจจริง ๆ และสงสาร ผู้ ญ.คนนั้นด้วยจึงรับเงินเท่าจำนวนค่าโดยสารเท่านั้น ไม่ได้รับเกิน ด้วยความสยองผองขน ว่าต้องนั้งรถป่าว ไปกับ ....... แค่คิดก้อขนหัวตั้งแล้ว ผมเริ่มสตาร์ทรถ....รถออก.......ระหว่างทางผมมอง กระจกหลังตลอดฃ.........มองไป.....ไม่เจอ......โล่งหน่อย ไม่เจออะไรเลย.........
ขับรถมา กำลังจะออกหน้าปากซ.หมู่บ้าน เจอเด็กสองคน อายุ 11-12 นี่แระ เดิน โต๋เต๋ ๆ มา อย่างกับคนเมา ผมก้องง ดึกดื่นป่านี้แล้วเด็กที่ไหนสองคน มันมาเดินโต๋ ๆ เต๋ ๆ แถวนี้ แถมนั้น โบกรถผมด้วย หรือจะไปไหนกัน ??
อืมดี เผื่อเด็กพวกนี้จะเรียกรถไปไหนอย่างน้อย มีเด็กสองคนนี้นั้งไปด้วย คงไม่ต้องนั่งรถไปกับผืตลอดเป็นความคิดที่ดีทีเดียว
" จอด ด้วยครับ ๆ ฮือๆๆ"
อ่าวทำไมต้องร้องไห้ด้วยนะ ผมคิดในใจ และเปิดกระจกถามว่า
"จะไปไหน หรือหนู "
ทำไมมีเด็กสองคนเดินร้องไห้มาโบรกรถแท็กซี่ผมอดย้อนไปคิดไม่ได้ แล้วพิจารณาดูเสื้อผ้าเด็กสองคนนี้ ทำไมมันแปลก ๆ คนหนึ่งใส่ชุด ส้มแปร็ดอีกคนหนึ่งก้อเขียวแปร๊ด
" ฮือ ๆ ลุงครับ ๆ ช่วยไปดูตาผมด้วยครับ ตาผมโดนพวกนั้นทำร้ายครับ"
" ใครทำอะไรกันหนู "
" ลุงไปช่วยตาผมด้วย ตรงนู้นครับ " เด็ก ๆ ชี้ไปทางหน้าหมู่บ้าน
เด็กเดินไป พลางชี้จุดเกิดเหตุ อ้าว!!
หน้าหมู่บ้านตรงที่ไอ้ยามพวก นั้นมุงดูอะไรกันอยู่ตอนที่ผมจะเข้า ก้อมุง ตอนนี้ยังไม่เลิกมุง ที่ไหนได้ สงสัยไปมีเรื่องกับตาของเด็กพวกนี้ แล้ว ละทิ้งหน้าที่ไม่ยอมเฝ้ายาม
"ช่วยตาผมให้ได้ครับลุง" เด็ก ๆ อ้อนวอน.... ผมจนใจ "ได้สิ ลุงจะช่วยนะ "
แล้วผมก้อเดินเข้าไปหา ยาม ที่กำลังมุงดูอะไรกันอยู่นั้นแระ สงสัยกำลังลุมตืบตาของเด็กพวกนั้นอยู่ " ทำไมไม่เฝ้ายาม แต่กลับไปมีเรื่องกับคนแก่" ผมพูดพร้อมเดินเข้าไปใกล้
"มีเรื่องกับคนแก่อะไรที่ไหนพี่" ยามทำหน้างง แล้วบอกผม
" ก้อมีเรื่องกับคนที่เอ็งลุมตืบอยู่นี้ไง เค้าแก่แล้ว เอ็งไปทำเค้าทำไมวะ เนียะไอเด็กสองคนเนียะมันมาบอกให้กรูช่วยตามัน"
" ไหนพี่ ไม่มีคน นี้ ๆ พี่ดู งูเหลือม ตัวเบ้อเร้อ เลย "
ผมหันหน้าตามลงไปดูที่พื้น งู อะไร ตัวเบ้อเร้อเลย!!
" แล้วเด็กเด็ก ที่ไหนกันพี่ ?????"
ยามหันกลับมาถามผม
" ก้อเด็กพวกนี้ไง ผมหันมาข้างหลังจะชี้ให้ดู "
อ่าวววววว เด็กหายไปไหนหายไปแล้ว!!
"ผมสิเห็นงูมันเรื้อยมา ผมเลยช่วยกันเอาไม้มาตี
ผม สังเกตุดู ตีกลางหลังเลย จนงูสลบเหมือบเลย
ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าเรื่องมันปะติดปะต่อกันยังไง ผมเล่าเรื่องเด็กสองคนที่เดินมาร้องไห้ แล้วโบรกรถผม และให้ผมไปช่วยตาของเค้า ให้ยาม 3 คนนั้นฟัง
แล้วอธิบายว่า ที่พวกเค้าตีงูหลามตัวนั้นอยู่ ก้อคือตาของเด็กสองคนนั้นเอง พวกเค้าหลงไปตีงูเจ้าที่เข้าให้แล้ว ที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่า งูตัวนั้นเป็นงูเจ้าที่เพราะ
เด็กอะไรจะมาร้องไห้งอแงตอนดึกๆ แล้วเรื่องที่อยู่ดี ๆ เด็กสองคนนั้นหายแว๊ปไปแล้วอย่างไม่มีล่องลอย เป็นตัวบงบอกแน่ชัดว่า ผมเจอดีเข้าให้อีกแล้ว
ยามพวกนั้น ฟังเรื่องที่ผมเล่าก้อขนลุก แล้วบอกว่าไม่ได้มีเจตนาตี เห็นว่าเป็นงูจึงป้องกัน กลัวโดนทำร้าย ไม่ได้คิดว่าเป็นงเจ้าที่ และไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ หรือลองของ ยิ่งพูดคุยกันแล้วยิ่งเครียด บรรยากาศกลางดึกสงัดหน้าหมู่บ้าน นี้ ชักไม่ค่อยดี ผมจึงได้ถามยามว่า แถวนี้มีศาลเจ้าที่ หรือ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนแถวนี้เคารพบูชา หรือสร้างไว้บ้างมั๊ย ยามยืนนึกสักพักแล้วบอกว่า มีอยู่เลยหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านไปหน่อย เราจึงตกลงกันว่าจะไปไหวขอขมา กัน
แล้วงูตัวนี้ล่ะ จะเอาไงดีล่ะ คิดแล้วปวดกะโหลก เอาหว๊ะ!! บอกแล้วนิว่าจะช่วยก้อต้องช้วย ก่อนไปผมจึงบอกยามว่า ช่วยกันเอางูตัวนี้ใส่ที่วางของ ท้ายรถให้หน่อย เพราะไหน ๆ ถ้าจะช่วยก้อเอาไปให้ สถานเสาวภา ซะเลย
เพราะ เด๋วก้อต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว พวกยามช่วยกัน ยกงูที่สลบเหมือบ อยู่นั้นไว้ท้ายรถ และบอกว่าเด๋วพวกเค้าจะเดินไปเอาธูปแป๊บหนึ่งก่อน จะได้เอาไปไหว้ขอขมา ให้ผมขับล่วงหน้าไปก่อนได้เลย ผมก้อขึ้นรถเตรียมสตาร์ท รถเริ่มออกตัว เฮ้ยยย!! ผมแถบช็อค
ที่ผมจะช็อคนั้น..เพราะผมมองกระจกหลัง ปรากฎว่า ตอนนี้ ไอเด็กสองคนนั้นนั่งอยู่เบาะหลังเรียบร้อยแล้ว แถมอุ้มชายแก่ ๆ อีกคนหนึ่งด้วย อยู่บนรถ เบาะหลังนั่งตักอยู่ ขับรถไปคิดไป กลัวไป สั่นไป จนมาถึงศาล เล็ก ข้างทาง นี้ถ้าไม่สังเกตุ ดีๆ จะไม่รู้เลยว่ามีศาลอยู่ตรงนี้ เพราหญ่ารกมาก และศาลค่อนข้างเตี้ยมากด้วย
ผมเห็นยามกำลังเดินมา ผมลงจากรถและมองไปเลี้ยวมองไปที่ศาลโดยบังเอิญ เจอเลยครับ ขนลุกอีกแล้วแถบเขาอ่อน เด็กสองคนนั้นพยุงตา หายแว๊บบ เข้าไปที่ศาล ผมตลึง
หลังจากนั้น ก้อเป็นการไหว้ขอขมาต่าง ๆ ทั้งผม ทั้งยาม บอกกล่าวต่าง ๆ นา ๆ จนเสร็จเรียบร้อย ผมเล่าเรื่องต่อจากนั้นว่าเด็กและตาของเค้ามานั้งในรถ
และหายแว๊บเข้าไปในศาล พวกเค้าแถบเข่าอ่อนเช่นกัน และเล่าต่อไปด้วยว่า ชุดเด็กที่คนหนึ่งส้มแปร๊ด อีกคน เขียวแปร๊ด นั้น เหมือนตุ๊กตาและชุดของตุ๊กตาที่อยู่ในศาลเลย ไม่มีผิดยิ่งทำให้ขนหัวลุกกันไปใหญ่
สรุปเสร็จพิธีต่างคนต่างแยกย้าย ไม่มีใครอยากจะอยู่ ตรงนั้นกันนาน พวกยามกลับป้อมยาม และผมล่ะ? และผมต้องไปที่ไหนต่อ? นึกได้อย่างนั้นก็สตาร์ทรถเริ่มขับออก.........
หลังจากนั้น ผม (คนขับ Taxi เจ้าของเรื่อง) ก็ขับรถขึ้นทางด่วนพระรามสี่ ผ่านหัวลำโพง เพื่อส่งผู้โดยสารตามที่ได้สัญญากับผู้หญิงคนนั้นเอาไว้
เมื่อผมมาถึงหน้าวัด XXX ผมเดินไปเปิดประตู ผมจึงได้บอกกับผู้ชายคนนั้นว่า
"เชิญลงได้แล้วครับ ผมมาส่งถึงที่แล้วครับ"
"ผู้หญิงคนนั้นได้ให้ตังค์ผมเรียบร้อยแล้วนะครับ ไม่ต้องโผล่มาให้ผมเห็นนะครับ"
จากนั้นผมก็ปิดประตูเตรียมขับรถออก แต่ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง เพราะภาพที่อยู่ตรงหน้ารถผม ก็คือภาพของชายคนนั้นยืนโบกมือให้ผม ภาพนั้นทำให้ผมตัวแข็ง ขับรถแทบจะไม่ได้ แต่สุดท้ายผมก็เอารถออกมาจากที่นั่นได้ในที่สุด
ขณะที่ผมกำลังขับรถกลับนั่นเอง ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า....
ไอ้เรานี่ก็มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องผีๆพวกนี้ จนลืมแลกบัตรที่ติดหน้ารถจากหมู่บ้านตรงนั้นไปเลยแฮะ!!
ผมเลยขับรถย้อนกลับขึ้นทางด่วนไปใหม่ เพื่อจะแลกบัตรนี้คืน
แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ บัตรนั้นก็ยังอยู่กับผมผมไม่สามารถที่จะแลกบัตรของผมคืนได้........
เพราะว่าจวบจนปัจจุบันนี้ หมู่บ้านนั้น ผมหาอย่างไรก็หาไม่เจอ!!
ไม่มีร่องรอยของหมู่บ้านนั้นเลยครับ ผมหาอยู่หลายชั่วโมง จนถึงทุกวันนี้ บัตรที่ยามคนนั้นที่แลกกับผมก็ยังอยู่กับผม ส่วนบัตรของผมก็หายสาปสูญไปพร้อมกับตัวหมู่บ้าน
เมื่อผมนำเงินที่ผู้หญิงคนนั้นให้ไว้เป็นค่าโดยสารที่ทุกวันนี้ยังอยู่กับผม มันเป็นเหรียญเก่าๆ เป็นเงินที่ไม่ใช่เงินในสมัยนี้
นี่ผมหลงไปอยู่ที่ไหนมากันแน่ ?
ผู้หญิงและยามพวกนั้นล่ะ?
เรื่อง 402 สยองขวัญ - คุณพลอย
.... พลอยกับแฟน หาหอพักใกล้ที่ทำงาน ไปถูกใจอยู่ที่หนึ่ง เป็นตึก 5 ชั้นไม่ลิฟท์ ถนนวังหิน-ลาดพร้าว แยกเจ็ด ที่แรกเป็นห้องโล่ง แต่ถ้าจะอยู่เจ้าของจะเอาเฟอร์นิเจอร์มาให้ พลอยเลยถามว่าทำไมไม่มีเฟอร์นิเจอร์ เจ้าของหอบอกว่าเพิ่งทาสี พอถามราคา เจ้าของบอกว่าห้องปกติ 2800 แต่กับพลอยให้พิเศษ 2200 ก็ตกลงจ่ายมัดจำ 5000 อยู่คบ 4 เดือนจะได้มัดจำคืน พลอยออกไปซื้อของแล้วกลับเข้าหอ ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่เคาเตอร์ด้านล่างดังๆ แต่ไม่มีใครอยู่ พอเดินขึ้นห้องก็เหมือนมีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินตามหลัง พอคุณพลอยถึงห้องก็ไขแม่กุญแจ แต่ยังไม่ทันบิดลูกบิด แต่มันก็ดังแก๊กปลดล๊อกเอง แร้วพอเข้าห้องผ้าม่านก้อหลุดจึงไปผูก แล้วไปดูที่ระเบียงก็เห็นผู้หญิงอยู่ห้องข้างๆ ยิ้มให้ พลอยก็เข้าไปอาบน้ำแบบเปิดประตูไว้ สักพักได้ยินเสียงทีวีเปิด แต่พลอยก็เสียบปลั๊กไว้ แต่ยังไม่ต่อสายอากาศ ก็ขึ้นจอสีฟ้าๆ พลอยยังไม่คิดอะไร ก็จะไปนอน สังเกตุเตียงก็มีรอบยุบลงไปเหมือนมีคนนอนทั้งๆ ที่พลอยหรือแฟนยังไม่นอน ไม่นั่งเลย เพราะมาอยู่วันแรก
สักพักพลอยก็นอนแล้วกำลังเคลิ้มหลับ เห็นเหมือนคนเดินผ่านทีวี พลอยก็พลิกตัวมามอง ก็ไม่มีใคร สักพักหลับไปก็ฝัน ฝันว่าน้ำที่ลงมาจากพัดลมเหมือนมีน้ำหยดใส่หน้า สักพักในฝันสะดุ้งตื่น ก็เอามือลูบหน้า ปรากฏว่าเป็นเลือดพลอยก็ตกใจ แล้วเงยหน้าขึ้นเห็นเหมือนชายกระโปรงชุดนอนขาวๆ แล้วก็ขาห้อยลงมา แล้วพลอยก็สะดุ้งตื่นโทรหาแฟน แฟนก็บอกว่าไม่มีอะไร ประมาณตีสองตุ๊กตาที่ตั้งไว้ริมเตียงหล่นมาฟาดหน้า พลอยก็สะดุ้งตื่นอีก ทีนี้พลอยตกใจแล้วนอนไม่ได้ยังไงก็นอนไม่ได้ ก็เลยจะไปหาแฟน ตอนที่เดินลงมาก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงเดินตาม พอลงมาถึงชั้นล่าง พลอยก็มองขึ้นไป เห็นผู้หญิงชะโงกหน้าลงมาดู พอออกไปจากตึกสตาร์ทมอไซด์ก็เหมือนมีคนมองอยู่จากตึก พอพลอยกับแฟนกลับมาจากทำงาน ก็กลับห้อง มาไขลูกบิดก็เป็นเหมือนเดิมคือไขแม่กุญแจ แล้วลูกบิดก็เปิดเอง ก็ทดลองให้แฟนล๊อกจากในห้อง
พลอยลองเปิดปรากฏว่าเปิดไม่ได้ ก็พากันนอน กลางดึกพลอยก็กึ่งหลับกึ่งตื่นเห็นเหมือนคนใส่กระโจมอกจะไปอาบน้ำ ก็คิดว่าเป็นแฟน แฟนพลอยเป็นผู้หญิง ก็คิดว่าแฟนไปอาบน้ำ พอพลิกตัวไป ปรากฏว่าแฟนนอนอยู่ พลอยก็สะดุ้งลุกขึ้นทันที ปรากฏว่าตู้เสื้อผ้าเปิดอยู่ ปรากฏว่าหวีที่อยู่ในตู้เสื้อผ้ามีแต่ผมยาวๆ ทั้งที่ทั้งพลอยและแฟนผมสั้น วันต่อมา พลอยได้ยินเสียงเหมือนคนวิ่งๆๆ ขึ้นตึกใส่รองเท้าส้นสูง แล้วมาเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง พลอยก็คิดว่าหรือเป็นห้องข้างๆ คิดว่าจะมาขอปีนระเบียงเข้าห้อง เพราะห้องมันปีนขึ้นมา สักพักมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พอรับก็มีแต่เสียงวี๊ดดดดดดจากโทรศัพท์ เป็นประมาณสองครั้ง พลอยคิดว่าคนที่เดินวนไปวนมาโทรมาจะขอเข้าห้อง พลอยตัดสินใจเปิดประตูออกไป เจอผู้หญิงใส่ชุดนักศึกษายืนหันหลัง พลอยเลยถามว่าโทษนะคะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่หันมาแต่ตอบว่าพอดีลืมกุญแจห้องแล้วก็ค้นๆกระเป๋า สักพักก็เดินขึ้นไปชั้น 5 พลอยก็กลับมานอน พอนอนไปก็ฝันว่ามีผู้หญิงใส่ชุดนอนวนไปวนมาในห้อง แล้วเอามือขยี้ๆหัวเหมือนหงุดหงิดอะไรอยู่ แล้วก็ด่าพลอยว่าเธอเป็นใครมาอยู่ห้องนี้ทำไม ฉันไม่ชอบหรอกนะคนที่มาอยู่ห้องคนอื่นๆ แล้วมาใช้ของคนอื่น พลอยก็โมโห แบบเรงมาก็แรงไป พลอยเลยด่าว่าทำไมฉันจะอยู่ไม่ได้ ค่าเช่าฉันก็จ่าย ชื่อห้องก็ชื่อฉัน ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าจะลองดีใช่มั้ย แล้วยกที่นอนพับใส่พลอยแบบแรง พลอยสะดุ้งตื่นและตามเพื่อนมานอนด้วย เพื่อนพลอยเห็นยันต์อยู่หลังห้อง ซึ่งพลอยแปลกใจเพราะไม่เคยเห็น วันต่อมาแฟนพลอยนอนคนเดียว พลอยไปทำงาน สักพักแฟนโทรมาร้องไห้แล้วเล่าให้ฟังว่า มีผู้หญิงมาคลานอยู่ข้างเตียง แล้วจับมือแฟนแล้วทำหน้าตาหน้าสงสารแล้วบอกว่าช่วยด้วยๆ แล้วพลอยกับเพื่อนก็รีบกลับมาหาแฟน พอเช้าพลอยเลยไปถามป้าขายของที่ข้างหอ ป้าก็บอกว่าเคยมีนักศึกษาท้องแล้วอยู่ๆก็หายไป แล้วไม่กี่วันก็มีรถปอเต็กตึ๊งมา แล้วป้าก็ไม่รู้อีก
พลอยก็ทำบุญให้ตลอด แล้วก็ไม่มีอะไร พอสามเดือนต่อมา ก็มีผู้หญิงเดินมา มาเขย่าขาพลอย มือเย็นๆมาก แต่บอกว่า เธอๆ เธออยากอยู่ห้องนี้ใช่มั้ย เธอช่วยฉันได้ไหม ฉันอยากอยู่ที่นี่ อย่าไล่อย่าด่าฉันเลย พลอยลืมตาขึ้นแล้วบอกว่า ไม่ให้อยู่ฉันไม่ให้อยู่ อยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ด่าไป พอสักพักผู้หญิงก็เดินไปที่ประตูหลังห้องแล้วบิดประตูลูกบิดหลังห้อง แต่เปิดยังไงก็เปิดไม่ได้ พลอยเลยปลุกแฟนแล้วแฟนพลอยก็บอกว่าเคยหันไปทางพลอยแต่เห็นผู้หญิงนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตูห้องน้ำ พลอยกับแฟนตัดสินใจจะออกจากหอ พอไปบอกเจ้าของหอบอกว่าจะไม่ให้ประกันคืน พลอยเลยบอกว่าจะปล่อยข่าวหอให้เสียหาย เจ้าของหอเลยบอกให้พลอยทนอยู่แล้วสิ้นเดือนจะให้ย้ายไปอยู่ห้องตรงข้าม มีวันหนึ่งเห็นผู้หญิงยินมองประตูหลังห้องแล้วบอกว่าอยากออกไป มันถึงเวลาของฉันแล้วพลอยโมโหมากเขวี้ยงรีโมทใส่ รีโมทก็แตก แล้วกล่องทีวีเปล่าที่อยู่หลังห้อง ฝากล่องก็ตีพึบพับๆ พลอยก็ตัดสินใจเอากล่องไปทิ้ง สักพักพลอยตัดสินใจว่าจะไม่อยู่ ยังไงก็จะออก พอวิ่งลงบันได ปรากฏว่าเหมือนมีคนมาดึงแล้วพลอยก็ล้มลง พอต่อมาก็ให้พี่ชายมารับ พลอยก็บอกเจ้าของหอว่าทำอะไรสักอย่างกับห้องนี้ เอาพระมาสวด เจ้าของหอเลยสงสัยว่าพลอยรู้ได้ยังไง สุดท้ายก็ยอมเล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนพี่ชายเจ้าของหอที่เป็นข้าราชการครั้งผู้ใหญ่ แล้วก็คบหากับนักศึกษา พอนักศึกษาท้องก็มีปัญหากันแล้วมีรอยต่อสู้จนเธอเสียชีวิตส่วนผู้ชายพอผู้หญิงตายครบเจ็ดวัน ผู้ชายก็นอนหลับตายไปเลย .....
กระดานอาถรรพ์ - คุณเบิร์ด
เบิร์ด เล่าว่า...วันนึงมีเพื่อนเบิร์ดโทรมาให้ไปงานศพพ่อของเค้า ที่วัดแถวๆ เทเวศน์ วัดนี้เค้าว่ากันว่าต้องมีเส้นสายพอสมควรถึงจะเอาศพมาตั้งได้
เบิร์ดก็ได้ไปร่วมงานศพพร้อมกับเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่ง จนฟังสวดเสร็จแขกก็ทยอยกลับ แต่คุณเบิร์ดกับเพื่อนๆ ยังนั่งคุยกับเพื่อนที่เป็นลูกคนตายซักพัก
ระหว่างนั้นกลุ่มเพื่อนๆ ก็เกิดความคะนอง มีคนหนึ่งชื่อเอกพูดทำนองเล่นๆ ว่า "งานนี้ไม่ค่อยดีเลยเนอะ เลี้ยงแค่เอแคร์ ถ้าเป็นงานศพเรานะ เราจะเลี้ยงอย่างดีเลย" หลังจากนั้น มีเพื่อนอีกคนหนึ่งมองไปเห็นกระดานหน้าศาลา
ซึ่งเท่าที่เบิร์ดจึงสังเกตว่าแทบทุกวัด กระดานพวกนี้จะไม่มีใครทิ้งชอล์คไว้เลย ไม่มีแม้แต่เศษที่ตกตามพื้น เวลาเขียนมักจะให้เจ้าหน้าที่ของวัดเท่านั้นที่เป็นผู้เขียน และเขียนแล้วก็มักจะเก็บชอล์คไว้อย่างมิดชิด
แต่เพื่อนของเบิร์ดคนนึงวิ่งหายไปซักพักแล้วไปหามาได้ ซึ่งไม่รู้ไปหามาจากไหน แล้วก็เอามาเขียนเล่นเป็นชื่อจริงและนามสกุลจริงของคนชื่อเอก แทนที่คนชื่อเอกจะโกรธกลับบอกว่า
"เฮ้ย!!! เขียนนามสกุลผิด จริงๆ มันต้องแบบนี้"
แล้วเอกก็ไปแก้ชื่อให้ถูกต้อง และด้วยความคะนองที่ยังไม่จบ เพื่อนคนนั้นก็เลยเขียนทั้งวันตาย วันเผา เอกก็ให้ความร่วมมือด้วยการเล่นตอบ เอกบอกว่า
"โห ไม่เอา ไม่ตายวันนี้หรอก (วันที่เพื่อนเขียน) ตายวันนี้เดี๋ยววันจันทร์พวกแกก็ไม่มางาน"
แล้วเอกก็เอาโทรศัพท์มาดูปฏิทินแล้วบอกต่อว่า "เอาวันนี้ดีกว่า 14 สิงหาคม 2549 แล้วอีก 7 วันก็เผา วันที่ 20 สิงหาคม 2549" ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ต่างคิดกันว่าเป็นเรื่องขำๆ แล้วก็ได้เขียนตามที่เอกบอกจนครบ มีทั้งชื่อ นามสกุล วันตาย วันเผา ครบถ้วน
หลังจากนั้นผ่านมาได้ซักพัก คนชื่อเอกก็โทรมาหาเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้เค้าเหนื่อยเหลือเกิน นอนไม่ค่อยหลับ แล้วก็ฝันแปลกๆ บ่อยมาก เค้าจะฝันทำนองว่าจะมีคนมาพาเค้าไปที่ไหนไม่รู้ คล้ายๆ กับวัดที่เคยไปงานศพพ่อเพื่อน เค้าบอกว่าเค้าก็เดินตามคนๆ นั้นไป เค้าบอกว่าเค้าได้เจอคนมากมาย เค้าเข้าไปพูดด้วยแต่ก็ไม่มีใครคุยกับเค้าซักคน
เอกบอกว่าเอกฝันทำนองนี้หลายครั้ง คุณเบิร์ดก็บอกเพลียจากงานหรือเปล่า แต่ท้งคู่ก็ไม่ได้คิดอะไร
อยู่มาวันหนึ่งเบิร์ดต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อมีโทรศัพท์จากแฟนเอกโทรมาหาเบิร์ดบอกว่า "เอกล้มที่หน้าห้องตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล" เบิร์ดก็รีบไปในทันที แต่ก็ไปไม่ทันเพราะเอกเสียชีวิตแล้ว
หมอบอกว่าเอกมีอาการคือปอดแฟบไปข้างหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกคือเอกก็ไม่ดื่มและไม่สูบบุหรี่
**แล้วที่สำคัญวันนั้นมันคือวันที่ 13 สิงหาคม 2549 ก่อนวันที่เขียนในกระดานเพียง 1 วัน**
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องการตายของเอก ก็ไม่มีใครนึกถึงเรื่องกระดาน เพราะทุกคนต่างก็ลืมไปหมด เบิร์ดก็กำลังหาวัดที่จะเอาศพเอกไปตั้ง แต่ก็แปลกคือเบิร์ดหาวัดไม่ได้เลย ในระหว่างที่เบิร์ดกำลังเครียดอยู่นั้น ก็มีโทรศัพท์มาจากป้าเอกบอกว่าหาวัดได้แล้ว ซึ่งก็คือวัดเดียวกันกับพ่อเพื่อนที่ตาย และที่สำคัญศาลาเดียวกัน ตอนนี้ทุกคนเริ่มคิดถึงเรื่องกระดานแล้ว เพราะอะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้
เพื่อนๆ ทุกคนก็มางานศพของเอก ได้มานั่งคุยกันถึงเรื่องของกระดาน แล้วก็มีการกำหนดวันเผาของเอก ซึ่งก็เป็นวันที่ 20 สิงหาคม 2549 (วันที่เอกกำหนดไว้) ตรงกับที่เขียนไว้เป๊ะ
เบิร์ดกับ เพื่อนๆ ก็ได้มีการนำดวงของเอกไปดูหมอมาหลายที่ แล้วแทบทุกที่ก็จะบอกคล้ายๆ กัน คือ "เอกยังไม่ตาย" แต่ช่วงนี้จะต้องอยู่อย่าง ลำบาก จะทำอะไรก็ไม่ขึ้น ในระหว่างนั้นเบิร์ดเล่าว่า เอกมาเข้าฝันบ่อยมาก บางทีก็มาเข้าฝันให้เพื่อนที่ยืมเงินเอาเงินมาคืน บางทียามที่บริษัทเอกก็เห็นเอกทำงานดึกๆ
เคยมีพระให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า เอกอาจจะยังไม่ถึงที่ตาย แต่มาเขียนให้ตัวเองตาย ก็เลยยังไม่ได้ไปไหน ต้องชดใช้กรรมให้หมดก่อน หรือถ้าอยากให้ไปดี ก็ต้องใช้กุศลแรงคือการบวช เบิร์ดกับเพื่อนๆ ก็ได้รวมตัวกันลาพักร้อน แล้วก็บวชให้เอก จนทุกวันนี้ก็มีบ้างที่เอกมาเข้าฝัน แต่ก็น้อยกว่าเมื่อก่อนแล้ว
โรงแรมหลอนที่เชียงใหม่ - คุณปราย
โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 5 ดาวที่เชียงใหม่ ปรายไปพักที่ปีใหม่ช่วงปีใหม่ ห้องที่ปรายจะอยู่ต้องรอแขกก่อนหน้าเช็คเอาท์ก่อน เพราะปรายไปเช้าเกินไป แต่มีห้องให้พักก่อน พอเปิดเข้าไป ปรายก็เลื่อนตู้ เลื่อนเตียง ขยับโต๊ะ เพื่อไม่ให้ทับที่ใคร และยกมือไหว้ตามความเชื่อ
ห้องที่พัก จะเป็นห้องสองเตียง ปรายพัก 3 คน เพื่อนผู้หญิง 1 คน และเพศที่สามอีกคน เพื่อที่เป็นสาวประเภทสองเปิดประตูหลังห้อง ด้วยความปากไว เค้าก็พูดว่าอัปมงคลจริงๆ พักชั้น 11 ต้องข้ามดาดฟ้าเลยเหรอ แต่ก็ด้วยความไม่คิดอะไร ก็เฉยๆไป ก็พากันออกไปเที่ยว แล้วเมากลับมาประมาณตีสาม เพื่อนปรายที่เป็นสาวประเภท (สมมติว่าชื่อเอ) เอก็เมา เอก็มาไปเปิดหน้าต่างอีก เอก็มองไปเห็นผู้หญิงใส่ชุดโรงพยาบาลนั่งอยู่บนดาดฟ้าตึกฝั่งตรงข้าม ก็เลยโวยวายขึ้นว่าผู้หญิงที่ไหนมานั่งอยู่ตรงนี้ดึกๆดื่นๆวะ เพื่อนทุกคนก็ลุกขึ้นมาดู ปรายก็เริ่มคิดว่าใครจะมานั่งดึกๆ เอเลยพูดว่ ช่างแมร่งมันเถอะไม่ใช่ญาติเรา แล้วก็พากันไปนอนปิดหน้าต่างที่เปนกระจก สักพักได้ยินเสียงคนเอาเล็บกีดกระจก แล้วสักพักได้ยินเสียงหัวเราะ เฮอะๆ เฮอะๆ กีดไปเรื่อยๆ จนทั้งสามคนนอนไม่ได้เลยตัดสินใจพากันไปเปิดประตูหลังห้องออก ปรากฏว่าเจอเป็นผู้หญิงผมยาวๆ เอามือกรีดกระจก หน้าเต็มไปด้วยเลือด ปากและจมูกติดอยู่กับกระจกหน้าต่าง แล้วก็หัวเราะเหอะๆ
ทุกคนตกใจนอนไม่ได้แล้วก็วิ่งลงไปที่ฟ้อนต์ แล้วเล่าให้พนักงานฟัง แต่พนักงานหาว่าเมา ทั้งๆ ที่ปรายกับเพื่อนอีกคนไม่ได้กินเหล้า สรุปโรงแรมยอมย้ายห้องให้ แต่ต้องรอพรุ่งนี้ เลยพากันนอนที่ฟ้อนต์ จนได้ห้องใหม่ซึ่งชั้นเดิม ด้วยความไม่มีทางเลือกก็ต้องยอม พอนอนอีก ก็ได้ยินเสียงกรีดกระจกอีก ก็ลุกขึ้นไปดูอีก แต่คราวนี้ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบาๆ ว่า กูจะฆ่า กูจะฆ่า สักพักเพื่อนผู้หญิงของปรายก็กรีดขึ้นมา แล้วไฟก็ดับทุกคนวิ่งลงไปที่ฟ้อนต์ เพื่อนบอกว่าที่กรี๊เพราะเหมือนมีคนมาหยิกแขน แล้วปรากฏว่าที่แขนของเพื่อนมีรอยหยิกจริงๆ จนไม่ไหวก็พากันไปเก็บของรอกลับ
สักพักมีป้าแม่บ้านมาเล่าให้ฟังว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นห้าปีมาแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกพนักงานใหม่ๆ มีผู้หญิงท้องประมาณ 4 เดือนมาจากกรุงเทพไปพักกับแฟนที่ห้องที่ปรายอยู่ มาอยู่ประมาณสองอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าผู้ชายไปติดผู้หญิง จนภรรยาน้อยใจ กรีดข้อมือตัวเอง แต่ยังไม่ตายก็ไปอยู่โรงพยาบาล พอแฟนเค้ารู้ก็ไปเยี่ยม แล้วก็กลับมาด้วยความที่แฟนเข้าโรงพยาบาล ผู้ชายก็เลยพาผู้หญิงเข้าห้อง แต่ภรรยาที่อยู่โรงพยาบาลรู้ เลยโทรเข้าเบอร์ผู้ชาย แล้วบอกให้มองไปที่หน้าต่าง ปรากฏว่าที่ดาดฟ้าโรงพยาบาลอยู่ฝั่งตรงข้าม เห็นภรรยายืนโบกมืออยู่ แล้วกระโดดลงมาพร้อมเสียงกรี๊ด เสียชีวิตต่อหน้าต่อตา
ผีนางรำ - คุณสุ
เรื่องราวมีอยู่ว่าคุณหนุ่มได้ขับรถกลับมาจากตจว.เพื่อกลับบ้านที่บางบอนกับภรรยา และเมื่อเกือบ10ปีก่อนบางบอนค่อนข้างจะเปลี่ยวและมืด
.
นานๆทีจะมีปั๊มน้ำมัน คุณสุเกิดปวดปัสสาวะขึ้นเลยคิดว่าจะหาปั๊มแต่ไม่ทัน เลยจอดแวะข้างทางเพื่อทำภารกิจของตัวเอง
.
เมื่อลงไปข้างทางก็เป็นป่ารกชัฏ มีศาลพระภูมิและตี่จู่เอี๋ยที่ผู้คนทำมาทิ้งไว้ตั้งเกะกะอยู่ คุณสุเดินแหวกไปอีกทางก่อนจะขอขมาแล้วค่อยทำธุระ
.
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว คุณสุก็รู้สึกเหมือนเหยียบอะไรสักอย่างจึงหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นตุ๊กตานางรำปูนปั้นที่ไว้วางตามศาลนั่นเอง
.
แต่ตอนนั้นคุณสุไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าคงไม่มีอะไรแน่ๆเพราะเป็นศาลร้างก่อนที่คนจะนำมาทิ้งเค้าก็ต้องทำพิธีอัญเชิญตามขั้นตอนก่อน
.
คุณสุเลยไม่คิดว่าจะมีพวกเรื่องวิญญาณอะไรทั้งหลายอยู่ เลยวางตุ๊กตานางรำตัวนั้นไว้ที่เดิมก่อนจะขับรถกลับบ้านตัวเองตามปกติ
.
พอตกดึกภรรยาของคุณสุหลับแล้ว แต่คุณสุนั้นยังคงนอนเอาหลังอิงหัวเตียงเพื่ออ่านหนังสืออยู่ ในขณะที่อ่านนั้นคุณสุก็ได้ยินเสียงเพลงดนตรีไทย
.
เสียงเพลงดนตรีไทยดังลอยมาตามสายลมซึ่งคุณสุคิดว่าทาจากอากงข้างบ้านที่ชอบเปิดเพลงงิ้วๆจีนๆ แต่แกอาจจะอยากเปลี่ยนแนวเลยฟังดนตรีไทยแทน
.
แต่หางตาคุณสุมันเหมือนรู้สึกมีคนยืนอยู่ตรงประตู เหมือนจะเป็นเงาคน แต่คุณสุคิดว่าน่าจะมาจากการอ่านหนังสือเลยทำให้ตาพร่ามัว
.
เมื่อคุณสุตัดสินใจเงยหน้า พยายามปรับโฟกัสสายตาเพื่อมองไปยังเงาดำก็ทำให้ภาพนั้นปรากฏเด่นชัดขึ้นมาเรื่อยๆ
.
ผู้หญิงใส่ชุดนางรำเหมือนรำแก้บน ผิวซีดอมม่วง ตามตัวมีรอยเส้นเลือดที่หน้ามีรอยเส้นเลือดเด่นชัดดวงตาเบิกโพลงและที่สำคัญ เขากำลังยืนรำอยู่
.
ท่ารำที่อ่อนช้อยงดงาม มืองอนเหมือนโดนดัดมา ท่วงท่าเข้ากับทำนองเพลงดนตรีไทย แต่สายตาที่มองมายังคุณสุนั้นทั้งดุดันและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก
.
คุณสุกลัวภรรยาจะตื่นขึ้นมาเห็นเลยเอาผ้าห่มคลุมหัวไว้และไหลตัวลงนอนก่อนคลุมโปงนอน คุณสุได้ยินเสียงเพลงทั้งคืนแต่ผล็อยหลับไปจนเช้า
.
เช้าขึ้นมาคุณสุและภรรยาต้องเดินทางไปอยุธยาแบะเข้าพักที่โรงแรมหนึ่ง ในระหว่างที่อยู่ในห้องภรรยาคุณสุก็เลื่อนโต๊ะเครื่องแป้งไปติดกับระเบียง
.
พอตกดึก3ทุ่ม ภรรยาคุณสุก็เข้านอน คุณสุก็อ่านหนังสือฆ่าเวลาที่ทางโรงแรมมักมีไว้ทุกห้องคือคัมภีร์ไบเบิ้ล
.
แต่ระหว่างที่อ่านอยู่นั้น ภรรยาคุณสุก็ลุกพรวดขึ้นมา คอพับลง และยืนรำซึ่งรำท่าเดียวกับนางรำที่ได้พบเมื่อคืน ภรรยาคุณสุไม่เคยรำมาก่อน
.
แต่ภรรยาคุณสุรำได้เหมือนมืออาชีพ ทั้งท่าทาง นิ้วมือที่กรีดงอนจนเหมือนโดนดัดมาแต่เด็ก คุณสุคิดว่าภรรยาโดนผีนางรำเข้าสิงแน่ๆ
.
แต่อยู่ดีๆภรรยาคุณสุก็ปีนขึ้นไปเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งแล้วรำอยู่อย่างนั้น คุณสุกลัวว่าภรรยาจะหล่นลงไปเพราะพักชั้นที่7หากตกลงไปอาจเสียชีวิต
.
คุณสุจึงพยายามอุ้มภรรยาลงมา แต่ว่าทำเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้นเหมือนหนักเป็นร้อยๆโล แต่ภรรยาคุณสุนั้นสูง165หนัก40กว่าๆ ซึ่งตัวผอมบางมาก
.
คุณสุเลยตัดสินใจถีบภรรยาตัวเองให้เข้ามาในห้อง ต้องออกแรงถีบถึงสองครั้ง แล้วภรรยาคุณสุก็สลึมสลือตื่นว่ามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
.
คุณสุไม่ได้เล่าแค่บอกว่านอนเถอะง่วงแล้ว เมื่อคุณสุเข้านอนก็ฝันแปลกๆ ฝันว่าเจอนางรำมายืนชี้หน้า ปากก็พึมพำๆอะไรไม่รู้ที่ฟังไม่รู้เรื่อง
.
จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็ชวนแฟนไปทำบุญที่วัด เมื่อเข้าวัดไปเพื่อจะถวายสังฆทานกับพระที่กุฏินั้น หลวงพ่อท่านก็ทักเลยหลังคุณสุไป
.
'โยมไม่ต้องขึ้นมาหรอก รออยู่ที่บันไดนั่นแหละ' คุณสุแปลกใจว่าพระท่านหมายถึงใคร เมื่อนั่งปุ๊ปหลวงพ่อก็ทัก 'อาตมารู้แล้วโยมไม่ต้องบอก'
.
'ลองคิดให้ดีนะว่าไปทำอะไรเค้าไว้' จากนั้นพระท่านก็พรมน้ำมนต์ให้กับคุณสุและภรรยาก่อนที่คุณสุจะเดินทางกลับบ้านตัวเอง
.
ในคืนนั้นคุณสุฝันเห็นนางรำอีกครั้ง ครั้งนี้ได้ยินเสียงชัดเจน 'ทำกู มีงเหยียบแขนกูหัก' คำด่าทอถูกด่าออกมาสารพัดใส่คุณสุ
.
คุณสุพยายามคิด จนมาคิดออกว่าตนนั้นได้ปัสสาวะริมทางและดันเหยียบตุ๊กตานางรำเข้า พอตอนเช้าคุณสุก็เดินทางไปวัดใกล้บ้านเพื่อปรึกษากับพระที่วัด
.
พระท่านบอกว่า ให้ไปนำตุ๊กตาตัวนั้นมาซ่อมและเอาหัวหมู เป็ด ไก่ ไปเซ่นขอขมาเข้าด้วย คุณสุจึงกลับไปที่เก่าและนำตุ๊กตาที่แขนหักนั้นไปซ่อม
.
นำเครื่องเซ่นตามที่พระท่านบอกไปขอขมา พอตกดึกคืนนั้นคุณสุฝันเห็นนางรำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มาในสภาพที่ดี มาแบบสวยผิวปกติ ดวงตาสดใส
.
มาบอกกับคุณสุว่าทีหลังทำอะไรให้ดูดีๆ ถ้าหากเป็นคนอื่นเค้าคงเอาถึงตาย ต่อไปนี้จะทำอะไรให้นึกดีๆ แล้วเขาก็หายไป และไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย
ทางผีผ่าน - คุณวิน
คุณวินเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และนัดเจอเพื่อน ม.ปลาย 2 คน ชื่อ คุณโอม กับคุณเอก เลยชวนกันไปกินข้าวแถวนครปฐมตอน 5 ทุ่ม โดยคุณวินเป็นคนขับ กินข้าวเสร็จประมาณตี 1
แต่ด้วยความไม่ชินทาง ที่เป็นวงเวียน และวันเวย์ โดยไม่มีใครรู้ทาง คุณวินก็ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางเล็กๆ เหมือนทางเข้าหมู่บ้าน เลยตัดสินใจถามร้านขายของชำ ก็บอกว่าถึงแยกเลี้ยวขวา ไปถึงก็เป็นแยกแบบลูกรัง แต่มีป้ายเขียนว่าไปกรุงเทพ ที่เป็นป้ายที่ตั้งที่พื้นแล้วมีรอยโดนเหยียบ เลยตัดสินใจไปตามป้ายเพราะกลัวข้างหน้าไม่มีแยกอีก
ก็ขับไปเรื่อยๆ จนเป็นถนนเล็กลงมากๆ ไม่มีรถผ่าน มองไม่เห็นอะไรเลย จึงตัดสินใจชวนเพื่อนว่าจะกลับกันทางเดิมมั้ย คุณเอกเลยเปิดไฟในรถ แล้วบอกว่ากลัว แต่คุณวินบอกว่าให้ปิด เพราะกลัวคนมองเห็นในรถว่ามากี่คน และจะเป็นจุดเด่น ซึ่งทางตรงนั้นกลับรถไม่ได้ ทางแคบมาก จนคุณโอมที่อยู่เบาะหลังก็นอนราบลงกับเบาะ แล้วคุณเอกที่นั่งคู่กับคุณวิน ก็เอนเบาะนอนลงเอามือปิดหน้า คุณวินก็ขับต่อไป
เจอผู้หญิงใส่เสื้อคอกระเช้าจูงยายแก่ๆ เดินนำหน้ารถไป คุณวินก็ขับรถผ่านไป แล้วมองกระจกหลัง ก็เห็นเป็นเงาคนอยู่ แล้วก็ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็เจออีก ผู้หญิงคนเดิมจูงยายเหมือนเดิม แต่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน คุณวินก็รู้แล้วว่าเจอดี ก็ทำใจดีสู้เสือ ขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มองเจอถนนใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ไปโผล่ที่วัด โดยที่ไม่เห็นวัดมาก่อน คุณวินงงมากเลยจอดรถ เผอิญมีวินมอไซด์มาสองคน จึงลงไปถาม วินมอไซด์เลยถามว่ามาจากทางไหน คุณวินเลยบอกว่ามาจากทางนี้ วินมอไซด์ก็ตกใจแล้วถามว่า มาได้ยังไงทางนี้เค้าปิดตายมานานแล้ว เพราะเป็นทางผีผ่าน แต่คุณวินก็โกหกวินมอไซด์ว่าไม่เจออะไร ก็ขับต่อไปก็จอดรถที่ปั๊มน้ำมัน คุณวินก็ถามเพื่อน ปรากฏว่าคุณโอม คนที่เห็นก่อน เจอคุณยายเกาะกระจกข้างอยู่เลยนอนลงไป คุณเอกเห็นเป็นคนต่อไปก็เจอข้างๆกระจก หลังจากวันนั้นทุกคนก็ฝันว่า ยายคนนั้นมาบอกว่า ผ่านมาทางนั้นทำไมไม่เอาอะไรมาฝากบ้าง
ผีสาวในช่องแอร์ - คุณดิว
เป็นประสบการณ์ที่คุณดิวเจอเมื่อตอนที่เล่นดนตรีในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอหาดใหญ่ เมื่อประมาณเจ็ดปีที่แล้ว เพื่อนๆในวงดนตรีมีด้วยกันทั้งหมดหกคน จะเล่นดนตรีด้วยกันทุกวัน ในช่วงเวลาสามทุ่มถึงตีหนึ่ง
ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนจะเป็นเวลาพัก โดยจะมีห้องรับรองให้ที่ชั้นบน ซึ่งเป็นห้องไหนก็ได้ สามมารถเลือกเข้าไปพักได้เลย แต่วันนั้น โรงแรมแห่งนี้มีคนเข้าพักจนเต็มหมดทุกห้อง เหลืออยู่ห้องเดียวที่ปกติจะเปิดให้คนเข้าพัก
อยู่ทีชั้นเก้า ห้องสี่ศูนย์เก้า ในระหว่างที่พัก คุณดิวและเพื่อนๆก็หาไพ่มาเล่น ฆ่าเวลาไปพลางๆ ลักษณะห้องพักจะเป็นห้องสี่เหลี่ยม มีช่องแอร์อยู่ด้านบน ทุกคนนั่งเล่นไพ่กันอยู่บนเตียง
มือกีต้าในวงคนนึง ชื่อคุณเป้ สังเกตเห็นผ้าผืนเล็กๆ ห้อยลงมาจากช่องแอร์ ซึ่งก็คงจะรําคาญ เพราะว่าผ้ามันจะไหวไปมาตามแรงลมของแอร์ จึงได้ลุกขึ้นไปดึงมันลงมา แต่แทนที่มันจะหลุด มันกลับยาวลงมาเรี่อยๆ
คุณเป้สาวผ้าผืนนั้นจนมันยาวลงมาถึงพื้น ด้วยความสงสัย คุณเป้ก็เลยไปยกเอาเก้าอี้มาตั้ง เพื่อที่จะขึ้นไปดูในช่องแอร์ แต่คุณดิวและคนอื่นๆก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะกำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่
คุณเป้ขึ้นเหยียบบนโต๊ะ แล้วก็ดึงเอาฝาครอบช่องแอร์ออกมา ชะโงกหน้าขึ้นไปมอง แต่จู่ๆก็หยุดชะงัก คุณดิวก็หันไปมองเห็นคุณเป้ยืนตัวแข็ง มองเข้าไปในช่องแอร์ แล้วคุณเป้ก็ลงจากเก้าอี้ เอาฝาครอบช่องแอร์วางที่พื้น
หันมาบอกกับทุกคนด้วยหน้านิ่งๆว่า "เฮ้ย ข้าไปละนะ มีธุระ เดี๋ยวไปนั่งรอข้างล่างนะ" แล้วก็เดินออกจากห้อง เพื่อนคนนึงในกลุ่มก็พูดขึ้นมาว่า "ไอ้เป้มันเป็นไรวะ" แล้วก็เดินไปดูหน้าห้อง เห็นว่าคุณเป้กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปทางบันได
เพื่อนก็ปิดประตู เดินกลับมาจะเล่นไพ่ต่อ แต่จังหวะที่เดินผ่านช่องแอร์ เพื่อนคนนี้เหมือนสะดุ้งขึ้นมาวูบหนึ่ง แล้วแหงะหน้าขึ้นไปมองบนช่องแอร์ เพื่อนยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นมาว่า "เดี๋ยวข้าไปกับไอ้เป้มันละกัน" แล้วก็รีบเดินจ้ำออกนอกห้อง
คุณดิวและเพื่อนอีกสามคนที่เหลือก็ทำหน้างงๆ เพื่อนในกลุ่มก็พูดว่า "แล้วทำไมมันไม่ปิดช่องแอร์ให้เค้าก่อนล่ะนั่น" แล้วเพื่อนคนที่พูดก็ลุกขึ้นไปหยิบฝาครอบช่องแอร์ แล้วหันมาพูดว่า "ช่วยมาจับเก้าอี้ให้คนนึงดิ"
เพื่อนที่นั่งข้างๆคุณดิวก็ลุกขึ้นไปจับเก้าอี้ให้ ส่วนเพื่อนที่ถือฝาครอบก็ขึ้นไปบนเก้าอี้ กำลังจังยกเอาฝาครอบปิด แต่อยู่ๆเพื่อนก็เหมือนมีอาการกระตุกเกร็งไปจังหวะหนึ่ง แล้วก็หยุดนิ่ง เพื่อนคนที่ช่วยจับเก้าอี้ให้ก็มีอาการไม่ต่างกัน
ทั้งสองคนรีบเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน คุณดิวก็เริ่มจับสังเกตอะไรได้บางอย่าง คิดในใจว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างอยู่ในช่องแอร์แน่ คุณดิวกับเพื่อนที่เหลือจึงลุกขึ้นไปชะเง้อมองขึ้นไปบนช่องแอร์
สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของคุณดิวกับเพื่อนก็คือ ผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดสีขาวพริ้วๆ อยู่ในช่องแอร์ ใบหน้าสีดำเทา ดวงตากลมโต อ้าปากค้าง เส้นผมสีดำยาวปลิวสยายตามแรงลมแอร์
ลักษณะท่าทางคือใช้มือซ้ายและขาซ้าย ยันผนังช่องแอร์ด้านซ้าย และใช้มือขวาและขาขวา ยันผนังช่องแอร์ด้านขวา แล้วโน้นหัวลงมาตะแคงหน้ามองคุณดิว ในท่าทางเก้ๆกังๆ เหมือนกำลังพยายามยันไม่ให้ตัวเองตกลงมาข้างล่าง
คุณดิวรู้สึกช็อคจนตัวเย็นเฉียบ ความกลัววิ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ขาทั้งสองข้างตายสนิท ได้แต่ยืนตัวแข็งอ้าปากค้าง มองสิ่งนั้นด้วยอาการตกตะลึง จนสักพักก็เหมือนจะพยายามรวบรวมสติได้
ลากขาที่หนักอึ้งออกมาจากห้อง เพื่อนก็เดินตามหลังมาติดๆ ได้ยินเพื่อนพูดเสียงอ่อยๆว่า "อย่าวิ่งนะๆ" จนลงมาถึงข้างล่าง คุณดิวรีบตรงดิ่งเข้าไปหาพนักงานที่เค้าเตอร์ แล้วพูดว่า "พี่ มีแม่บ้านหรือคนเฒ่าคนแก่ที่อยู่ที่นี่มั้ย"
พนักงานก็ถามกลับมาว่า "ทำไมเหรอ" คุณดิวบอกว่า "ผมขอคุยกับเค้านิดนึง" พนักงานก็ไปตามแม่บ้านมาให้ คุณดิวรีบถามแม่บ้านว่า "ป้า ป้าทำความสะอาดทุกวันนี่ ป้ารู้ข่าวอะไรเกี่ยวกับชั้นเก้าบ้างหรือเปล่า"
แม่บ้านถามว่า "ทำไมเหรอหนุ่ม" คุณดิวก็เลยเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้แม่บ้านฟัง แม่บ้านทำหน้าตกใจ แล้วก็เล่าว่า "ก็มีนะ เมื่อประมาณปีที่แล้ว มีผู้หญิงในตู้โดนแขกเรียกขึ้นไปในห้องสี่ศูนย์เก้า แล้วถูกฆ่าตัดคอ เอาหัวไปแขวนไว้ในช่องแอร์ กว่าตำรวจจะเจอหัวก็ปาเข้าไปสามสี่วัน"
คุณดิวได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกบิดมวนที่ท้องน้อยจนต้องงอหลังลง แม่บ้านเล่าต่อว่า "ปกติห้องนั้นเค้าจะไม่เปิดให้ใครพักนะ แล้วทำไมหนุ่มถึงไปพักในห้องนั้น" คุณดิวตอบว่า "ไม่รู้เหมือนกับครับป้า เค้าจัดให้พวกผมไปพัก"
หลังจากนั้นประมาณสามวัน คุณเป้ก็ได้นัดให้คุณดิวไปหาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะให้คุณดิวช่วยเคลียร์ปัญหากับแฟน โดยที่แฟนก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย แต่พอคุยกันไม่รู้เรื่อง คุณเป้ก็ยกปืนขึ้นกรอกปากตัวเองแล้วลั่นไก ต่อหน้าคุณดิวและแฟน
หลังจากที่คุณเป้เสียชีวิตประมาณสามวัน คุณดิวไปยืนเคาะประตูห้องเพื่อนอีกคนอยู่นาน แต่ก็ไม่ยอมเปิดให้ ก็เลยขอให้ยามมาช่วยแงะประตู พอเข้าไปในห้องได้ ก็พบว่าเพื่อนเป็นศพ นอนหงายน้ำลายฟูมปากอยู่บนเตียง
ผ่านมาประมาณห้าวัน คุณดิวก็ได้ทราบข่าวว่าเพื่อนในวงอีกคนรถคว่ำเสียชีวิตคาที่ และอีกประมาณสี่วัน เพื่อนอีกคนก็กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย จนเหลือคุณดิวกับเพื่อนอีกคนเดียว เพื่อนกลัวจนต้องหนีไปอยู่อเมริกา
ตอนที่คุณดิวไปส่งเพื่อนที่สนามบิน คุณดิวพูดกับเพื่อนว่า "ไม่รู้ว่ามันจะมาเอาข้าเมื่อไหร่" หลังจากนั้นคุณดิวจึงลองไปปรึกษาพระที่จังหวัดนครสวรรค์ พระท่านบอกว่าพยายามอย่าไปนึกถึงเค้า จิตของผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างแรง อาฆาตมาดร้าย ถ้าไปคิดถึง จิตของเค้าสามารถสื่อไปถึงได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
แล้วคุณดิวก็ได้สะเดาะเคราะห์ ด้วยการเข้าพิธีทำบุญเป็นทำบุญตาย ลงไปนอนในโลงศพผีตายโหง แล้วให้พระสวดสามวัน แล้วก็ไปทำพิธีบังสุกุลเป็นบังสุกุลตายต่อที่หาดใหญ่ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด