พระยุคนี้จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ หรือไม่?
ภาพจาก google
คัดมาบางส่วนจาก thaipublica.org เรื่อง พระยุคนี้จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ หรือไม่?
จากการได้ลงพื้นที่สำรวจในหลายวัดของ จ.นนทบุรี เริ่มตั้งแต่ วัดแจ้งศิริสัมพันธ์ พบว่าวัดแห่งนี้มีพื้นที่ค่อนข้างน้อย การก่อสร้างกุฏิจึงเป็นไปในลักษณะกุฏิแถว คือ สร้างสองชั้น มีหลายห้องติดๆ กัน คล้ายกับแฟลตหรืออพาร์ตเมนต์ โดยขนาดห้องจะใช้ประมาณ 3 เมตรคูณ 1.75 เมตร ติดมิเตอร์ไฟฟ้าแยกตามห้อง ชำระค่าไฟด้วยการเติมเงินผ่านสมาร์ทการ์ดแล้วนำไปเสียบที่มิเตอร์ไฟ โดยคิดหน่วยละ 5 บาท รวมทั้งค่าน้ำและค่าไฟ ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวม
ภายในห้องนั้นจะเป็นห้องเปล่าๆ พระแต่ละรูปต้องจัดหาเรื่องเครื่องใช้ต่างๆ มาเอง ซึ่งหลักๆ ที่มีกันทุกห้องคือตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม บางห้องอาจติดเครื่องปรับอากาศ มีเครื่องเล่นดีวีดี มีคอมพิวเตอร์ ติดเคเบิ้ลทีวี และบางห้องมีการติดสัญญาณอินเทอร์เน็ตเองเพราะทางวัดไม่มีบริการในส่วนนี้ แล้วใช้วิธีแชร์ไวไฟแบ่งปันไปยังห้องอื่นๆ
เช่นเดียวกับวัดบางไผ่อารามหลวง วัดแห่งนี้มีพื้นที่มาก จึงมีการสร้างกุฏิเป็นหลัง มี 2 ชั้น แบ่งภายในเป็น 5 ห้อง มีห้องน้ำภายในกุฏิหนึ่งห้อง การติดมิเตอร์จะใช้วิธีติดมิเตอร์แยกตามห้อง คิดหน่วยละ 3 บาท ทางวัดมีเพียงห้องว่างโล่งๆ มาให้ พระที่มาอยู่ใหม่ต้องจัดการหาเครื่องใช้มาเอง เครื่องใช้ที่เป็นที่นิยมสำหรับพระคือ ตู้เย็น โทรทัศน์ พัดลม และแทบทุกกุฏิจะต้องมีเครื่องปรับอากาศและสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ถัดจากนนทบุรี เข้ามาสำรวจที่วัดชื่อดังในกรุงเทพมหานครหลายแห่ง เช่น วัดปากน้ำภาษีเจริญ วัดโพธิ์ ที่มีการสร้างกุฏิเป็นแบบกุฏิแถว และวัดธาตุทองสร้างเป็นกุฏิหลัง ภายในแบ่งแยกเป็นห้องๆ มิเตอร์ไฟทุกวัดจะติดแยกเพื่อให้ง่ายต่อการคิดค่าใช้จ่ายในทุกสิ้นเดือน จากการเดินสำรวจพบว่ามีกุฏิที่ติดเครื่องปรับอากาศอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับรายจ่ายหลักจะเป็นค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งพระรูปหนึ่งเปิดเผยว่า ในแต่ละเดือนค่าไฟแต่ละกุฏิไม่เท่ากัน พระบางรูปเสียค่าไฟเพียงเดือนละ 80 บาท เพราะในกุฏิไม่ได้มีอะไรมาก ตอนกลางวันใช้เวลาอยู่ทำงานในวัด จะเข้ากุฏิในตอนเย็นอย่างเดียว แต่บางรูปเสียค่าไฟมากกว่า 1,000 บาท เพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอยู่เยอะ และใช้งานบ่อย
ส่วนร่ายจ่ายปลีกย่อย อาทิ ค่าพาหนะในการเดินทางกลับวัดหลังบิณฑบาต เนื่องจากของเยอะพระจึงนิยมเรียกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้เข้าไปส่งในวัด และการเดินทางทั่วไป ค่าภัตตาหารในวันที่ไม่ได้ออกบิณฑบาต พระบางรูปยอมรับว่าถ้าวันไหนไม่ได้ออกไปบิณฑบาตหรือเป็นวันพระ ก็จะว่าจ้างให้เด็กที่อยู่ภายในวัดไปซื้ออาหารมาไว้เพื่อฉันเพล นอกจากนี้ยังมีค่าโทรศัพท์มือถือและค่าบริการอินเทอร์เน็ตรายเดือนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม มีการยอมรับว่าอาจมีพระบางรูปใช้จ่ายเงินอย่างไม่เหมาะสมบ้าง เช่น ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน เป็นต้น
แหล่งที่มา: https://thaipublica.org/2015/05/buddhist-business-6/