ออสเตรียเริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามคลุมผ้าปิดหน้าในที่สาธารณะ
กฎหมายที่ห้ามสวมผ้าคลุมปกปิดทั้งใบหน้าแบบมุสลิมในที่สาธารณะ เริ่มมีผลบังคับใช้ในประเทศออสเตรียแล้ววันนี้ (1 ต.ค.) โดยทางการชี้ว่ากฎหมายใหม่จะช่วยปกป้องค่านิยมประจำชาติของออสเตรียไม่ให้ถูกทำลาย
ตามกฎหมายฉบับดังกล่าว สตรีสามารถใช้ผ้าคลุมศีรษะได้ แต่จะต้องเปิดเผยใบหน้าเมื่ออยู่ในสถานที่สาธารณะ โดยต้องเปิดให้เห็นตั้งแต่ไรผมที่หน้าผากไปจนจรดปลายคาง ซึ่งเท่ากับว่าผ้าคลุมปกปิดใบหน้าหรือปกปิดทั้งตัวแบบอิสลาม เช่น นิกอบ (Niqab) หรือ บูร์กา (Burka) จะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม
มีการผ่านกฎหมายดังกล่าวออกมาก่อนการเลือกตั้งทั่วไปของออสเตรียจะมีขึ้นในเดือนนี้ โดยมองกันว่าเป็นผลตอบรับต่อกระแสชาตินิยมขวาจัดที่กำลังมาแรง และพรรคอิสรภาพ (Freedom Party) ซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายขวาน่าจะได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้
"นิกอบ" คือผ้าคลุมศีรษะและใบหน้าบางส่วน โดยเปิดบริเวณรอบดวงตาเอาไว้ บางครั้งอาจสวมกับผ้าคลุมอำพรางส่วนรอบดวงตาอีกชิ้นได้
ชุมชนชาวมุสลิมในออสเตรียคัดค้านและประณามกฎหมายดังกล่าวอย่างหนัก โดยระบุว่ามีสตรีมุสลิมในออสเตรียเพียงไม่กี่คนที่สวมผ้าคลุมหน้าแบบปกปิดทั้งหมด ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลออสเตรียประมาณการว่า มีสตรีมุสลิมราว 150 คน ในประเทศที่สวมชุดคลุมแบบปกปิดทั้งตัวหรือ "บูร์กา"
อย่างไรก็ตาม กฎหมายฉบับนี้ได้ห้ามบุคคลทั่วไปสวมหน้ากากที่ใช้ทางการแพทย์ หรือแต่งหน้าแบบตัวตลกเพื่อปกปิดใบหน้าในที่สาธารณะด้วย
"บูร์กา" คือผ้าคลุมแบบอิสลามที่ปกปิดร่างกายมากที่สุด โดยเป็นผ้าชิ้นเดียวที่ใช้คลุมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า แต่มีช่องตาข่ายโปร่งที่ส่วนของดวงตาให้ผู้สวมใส่มองลอดออกมาได้
ด้านเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวของออสเตรีย ซึ่งดูแลอุตสาหกรรมที่ทำรายได้หลักให้กับประเทศเกรงว่า การบังคับใช้กฏหมายฉบับนี้ จะส่งผลกระทบให้นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางที่นิยมสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้าหรือปกปิดทั้งตัว เดินทางมาเยือนออสเตรียกันน้อยลง
ก่อนหน้านี้ฝรั่งเศสและเบลเยียมได้ออกกฎหมายแบบเดียวกันมาแล้ว ส่วนที่เนเธอร์แลนด์ร่างกฎหมายห้ามสวมผ้าคลุมปกปิดใบหน้ากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา