สาวๆ ควรระวัง! มีเพศสัมพันธ์บ่อย เสี่ยงเป็นโรคฮันนีมูนได้
เนื้อหาโดย kan2828
คู่รักที่เพิ่งมีงานมงคลสมรส หรือเลี้ยงฉลองแต่งงานกันไปหมาดๆ หลายคู่ก็คงจะเริ่มคิดวางแผนฮันนี่มูนกันแล้วว่าอยากจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สักทีหนึ่งที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคนที่เรารัก หรือบางคนก็อาจจะเลือกเพียงแค่ไปพักผ่อนในที่สบายๆ ใช้เวลาทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกัน ซึ่งนั่นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมีเพศสัมพันธ์จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมของคู่รักข้าวใหม่ปลามันด้วย แต่คุณสาวๆ รู้กันหรือไม่ว่าช่วงนี้นี่แหละ สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เราเป็น โรคฮันนีมูน ได้
โรคฮันนีมูนคืออะไร?
โรคฮันนีมูน (Honeymoon disease) เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในเพศหญิงที่มีการอักเสบบริเวณท่อปัสสาวะ (Urethritis) หรือช่องคลอด (Vaginitis) หรือกระเพาะปัสสาวะ (Cystitis) หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทำให้เกิดอาการแสบหรือเจ็บบริเวณท่อปัสสาวะในขณะถ่ายปัสสาวะ บางคนอาจถึงขั้นติดเชื้อแบคทีเรีย ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบหลังการมีเพศสัมพันธ์ ก็จะเรียกว่า โรคฮันนีมูน ซิสไตติส (Honeymoon Cystitis) ซึ่งที่มาของชื่อโรคฮันนีมูนมาจาก ในสมัยโบราณ การมีเพศสัมพันธ์จะเกิดได้ต้องหลังแต่งงานเท่านั้น และมักเกิดในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์หลายๆ ครั้ง ในระยะเวลาอันสั้น ก็คือช่วงที่ฮันนีมูน จึงเรียกกันว่า “โรคฮันนีมูน”
สัญญาณอันตราย สังเกตดูคุณมีหรือไม่
– ขณะถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ หรือบริเวณปากช่องคลอด
– ถ้ามีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย ก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวัน กลางคืน ปัสสาวะแสบ ปัสสาวะขัด กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ปัสสาวะแล้วรู้สึกว่าไม่สุดต้องไปปัสสาวะอีกแม้เพิ่งปัสสาวะเสร็จ
– บางคนอาจจะมีอาการปวด หรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะ
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
1. กลุ่มคนที่มีกิจกรรมเพศสัมพันธ์ หรือลักษณะคล้ายๆ กันนั้นบ่อยครั้ง และหลายครั้งในเวลาอันสั้น
2. ผู้ที่ดื่มน้ำน้อย
3. ผู้ที่ชอบกลั้นปัสสาวะนาน ๆ
4. ผู้ที่เคยรับการผ่าตัด หรือการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณกระเพาะปัสสาวะและอวัยวะเพศมาก่อน
5. ผู้ที่มีภาวะต้านทานของร่างกายต่ำกว่าปกติ
การรักษา
หากเริ่มมีอาการดังที่กล่าวมา เบื้องต้นควรจะพักกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน หมั่นดื่มน้ำมากๆ เพื่อระบายเชื้อโรคบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะออก (ถ้ามี)
*ถ้ามีอาการมาก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ซึ่งมักจะต้องกรวดน้ำปัสสาวะ และอาจจะเพาะเชื้อน้ำปัสสาวะ ซึ่งถ้าพบว่าผิดปกติก็ต้องกินยาปฏิชีวนะ แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
หากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามสู่โรคอื่นๆ ได้หรือไม่
โดยส่วนใหญ่ถ้าดื่มน้ำมากๆ และพักกิจกรรมทางเพศก็จะหายเองได้ภายในเวลา 5-7 วัน แต่หากปล่อยทิ้งไว้และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะเกิดภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และยิ่งถ้าหากติดเชื้อจากแบคทีเรียร่วมด้วย ก็มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน เช่น กรวยไต หลอดไต ซึ่งมีผลต่อไตในระยะยาว ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง หรืออาจเกิดการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้
การป้องกัน
– ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
– ดูแลความสะอาดบริเวณปลายท่อปัสสาวะและอวัยวะเพศ
– มีกิจกรรมทางเพศอยู่ในความเหมาะสม โดยหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะเพศ
– ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานานเกินไป
– สังเกตพฤติกรรมการปัสสาวะของตนเองว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากปกติที่เคยปฏิบัติหรือไม่ ภายหลังการเดินทาง โดยเฉพาะการฮันนีมูน
– ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ
การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ มันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรือผิดแปลกอะไร เพียงแต่ว่าอาจจะต้องทำให้อยู่ในความเหมาะสม และถูกกาลเทศะ เพราะหากเราไม่ระวังแล้ว อาจทำให้เรากลับมาเป็นโรคนี้ซ้ำได้อีก ถ้ามีกิจกรรมทางเพศบ่อยในช่วงเวลาสั้นๆ ดังนั้นกระเพาะปัสสาวะของเราเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าดูแลรักษาไม่ดีก็อาจนำไปสู่ภาวะหรือโรคร้ายแรงได้ เช่น โรคไต นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ และเนื้องอกได้
แหล่งที่มา :https://www.ballonair.com/รูปสาวสวย/
เนื้อหาโดย: kan2828
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
8 VOTES (4/5 จาก 2 คน)
VOTED: Thorsten, มอนตะคริว
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.23" งวดวันที่ 17 มกราคม 256810 เลขขายดีแม่จำเนียร งวด 17/1/68 หวยแม่จำเนียร 17/1/68เพจดัง เปิดคลิป ผอ. ทรงซ้อ ด่าเด็ก แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาแล้ว! หวยใบฟ้า 17 ม.ค. 68 เปิดโพยเลขเด็ด ลุ้นโชค 2 ตัวท้าย รับปีใหม่!Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สั่งปิดโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าไทยอุดรฯ เหตุรับอ้อยเผา 4 แสนตันเข้าหีบ พร้อมย้ำทุกขั้นตอนการผลิตต้องรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย"หมูแดง"หมาจรที่นอนรอเจ้าของที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับชวนเข้ามาดูภาพแปลกๆ ที่ทำให้เราต้องถามว่า "ทำไม!?"