เบื้องลึก "ดิวตี้ฟรี" ปฐมบทแห่งข้อเรียกร้อง
ทราบกันดีว่า เอกชนรายนี้สนใจทำธุรกิจดิวตี้ฟรีในประเทศไทย โดยตั้งบริษัทที่มีโครงสร้างซับซ้อน ภายใต้ชื่อ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ไทยแลนด์” มีการเคลื่อนไหวผ่าน “สมาคมผู้ประกอบการการค้าร้านค้าปลอดอากร”
ถือเป็นมหากาพย์ที่น่าสนใจจริง ๆ กับการเปิดประมูล “ร้านค้าปลอดอากร” (Duty Free) และสัญญาพื้นที่ให้บริการ ส่งมอบสินค้าปลอดอากร (Pick Up Counter) ระยะเวลา 5 ปี ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่จะดำเนินการในราวต้นปี 2561 โดยงานนี้มีการแยกสัญญาออกเป็น 2 ส่วน จากเดิมทำไว้เพียงสัญญาเดียวนั้น
ครับ...เหตุผลมาจากความพยายามกดดันอย่างหนักจาก “สมาคมผู้ประกอบการการค้าร้านค้าปลอดอากร” ที่มีสมาชิกมีเส้นสายโยงใยกับผู้ประกอบการ “ดิวตี้ฟรี” สัญชาติเกาหลี ที่รู้จักคุ้นหูกันดีในนาม “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องการเปิดร้านค้าปลอดอากรในเมือง
อย่างที่ทราบกันดีว่า เอกชนรายนี้สนใจเข้ามาทำธุรกิจดิวตี้ฟรีในประเทศไทย โดยตั้งบริษัทที่มีโครงสร้างซับซ้อน ภายใต้ชื่อ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ไทยแลนด์” มีการเคลื่อนไหวผ่าน “สมาคมผู้ประกอบการการค้าร้านค้าปลอดอากร” ที่มีสมาชิกเพียง 3 ราย แต่ยังสามารถเคลื่อนไหวกดดันภาครัฐได้
ด้วยเหตุที่ว่า นักธุรกิจกลุ่มนี้ได้อดีตข้าราชการระดับสูงของกรมสรรพากร มาร่วมเคลื่อนไหว จึงมีเส้นสนกลในในการเคลื่อนไหวกดดันไปยัง กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม
แม้กระทั่ง “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ก็ถูก “มัดมือชก” ในคราวไปเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ จัดการประชุมคณะกรรมการสาธารณรัฐเกาหลี-ไทย ว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Republic of Korea-Thailand Committee on Economic Cooperation) ที่กรุงโซล เพื่อกดดันเรื่องการ “เปิดจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร” หรือ Pick up Counter ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ให้กับกลุ่มที่ต้องการจะเปิดร้านค้าปลอดอากรในเมือง (Duty Downtown) ในราวเดือน ก.ค. 2560
แต่หลังจากผิดหวังจากท่าทีของ “นายสมคิด” ทางสมาคมผู้ประกอบการการค้าฯ จึงเดินเกมไปหา อดีตนายทหารเรือ ซึ่งเคยมีตำแหน่งสำคัญใน กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)
แถมยังมี นักการเมืองจากพรรคเก่าแก่ ที่เข้ามามีตำแหน่งในคณะอนุกมธ. ด้านกลไกในการปราบปรามการทุจริต ออกมาเคลื่อนไหวกดดันอย่างผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ตามบทบาทควร ทำการศึกษาและรายงานผลงานเท่านั้น
ดังนั้นการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วง เพื่อกดดันให้ภาครัฐ เปิดจุดส่งมอบสินค้า (Pick Up Counter) ณ ท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แบบทันทีทันใด ไม่รอให้หมดอายุสัมปทาน ในปี 2563 ด้วยเหตุผลที่ว่า เนื่องจาก กลุ่มทุนของเกาหลีใต้ “ล็อตเต้ กรุ๊ป” ได้วางแผนธุรกิจที่จะทำห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลอดอากรในเมือง สาขาที่ 14 ของโลก ในประเทศไทย
โดยมีการเช่าพื้นที่ 1 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) ใน “โชว์ ดีซี” ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครบวงจร บนถนนพระราม 9 ซึ่งมีกำหนดในการเปิด “ดิวตี้ฟรี ในเมือง” ในนามของ “ล็อตเต้ กรุ๊ป” ในเดือน ก.ค. 2560 โดยมีเม็ดเงินลงทุนหลักหมื่นล้านบาท เป็นของเรียกน้ำย่อย ล่อตาล่อใจ
ขณะที่ “นายโรเบิร์ต ซันยอง ปาร์ค” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ล็อตเต้ ดิวตี้ ฟรี (ไทยแลนด์) เคยยอมรับว่า “ล็อตเต้ กรุ๊ป” ดำเนินธุรกิจหลายประเภทและเติบโตเป็นอันดับต้น ๆ ของเกาหลีใต้ ได้เข้ามาลงทุนธุรกิจร้านค้าปลอดอากรในไทย เมื่อปี 2558 กำหนดเปิดบริการเดือน พ.ค. 2560 และพร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบเดือน ก.ค. 2560 เป็นต้นไป
แต่จนถึงขณะนี้ “ดิวตี้ฟรี ดาวน์ทาวน์” แห่งนี้ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เพราะติดปัญหาการเปิดจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร ในสนามบินนานาชาติ ที่อยู่ในกำกับดูแลของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “ทอท.” โดยเฉพาะ สนามบินสุวรรณภูมิ และ สนามบินดอนเมือง ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ให้เอกชนรายอื่นดำเนินการได้ นอกเหนือจาก “คิง เพาเวอร์” ในฐานะคู่สัญญา ทอท.
ก่อนหน้านั้นภาครัฐเคยตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมจึงไม่ยอมใช้จุดส่งมอบสินค้าอื่น ๆ ที่ ทอท. ได้เปิดทางเอาไว้ให้ เช่นที่ท่าอากาศยานภูเก็ต เปิดบริการส่งมอบสินค้าปลอดอากร ให้ทุกร้านค้าปลอดอากรในเมืองทำการออกของ แต่ทางสมาคมผู้ประกอบการค้าฯ ร้านค้าปลอดอากร กลับให้เหตุผลว่า จะทำให้คู่แข่งขันรู้ราคาต้นทุนและราคาขาย ทั้งที่มีกฎหมายคุ้มครองความลับ บังคับใช้อยู่แล้ว จึงอยากจะมีจุดส่งมอบสินค้าของตนเองขึ้นมา
ทั้งหมดเป็นปฐมบท แห่งข้อเรียกร้อง ให้มีการเปิดทางให้ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” สามารถเปิด “จุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ให้จงได้.