หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย้อนรอยเหตุการณ์ 9/11 และการจัดฉากการก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

บทความนี้เรียบเรียงจาก บทวิเคราะห์เรื่อง “‘False-flag’ meme goes mainstream on Boston Marathon bombings” ของ ดร. เควิน บาเร็ตต์ (Dr. Kevin Barrett) นักวิจารณ์ชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าในการวิเคราะห์เหตุการณ์เรื่องสงครามการก่อการร้าย ตีพิมพ์ใน Press TV อ่านฉบับภาษาอังกฤษได้ใน http://www.presstv.ir/detail/2013/04/17/298720/falseflag-meme-surrounds-boston-blasts/

ดร.เควิน บาเร็ตต์ ได้วิเคราะห์เรื่องราวการวางระเบิดในการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่บอสตัน เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2013 ที่ผ่านมาไว้อย่างน่าสนใจ โดยตั้งสมมุติฐานที่ท้าทายไว้ว่าเหตุการณ์การวางระเบิดที่บอสตันน่าจะเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นการจัดฉากการก่อการร้าย เป็นการสมรู้ร่วมคิดของคนในรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเพื่อการสร้างกระแสความหวาดกลัว และเป็นการหาทางกำจัดเสรีภาพของชาวอเมริกันเพื่อทำให้ประชาชนหันมาพึ่งรัฐบาลให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อผลในการควบคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ ดร.บาเร็ตต์ได้ตั้งประเด็นไว้ว่าหลังจากการวางระเบิดที่บอสตันครั้งนี้ กระแสความคิดเรื่องการจัดฉากการก่อการร้ายได้กลายเป็นวาทกรรมหลักทั้งในสื่อกระแสหลักและสื่อทางเลือก และได้ย้อนรอยให้เราได้เห็นเหตุการณ์การจัดฉากการก่อการร้ายที่ถือเป็นการสมคบคิดของคนในรัฐบาล นับตั้งแต่เหตุการณ์ฉล่มตึกเวิลด์เทรดเช็นเตอร์ ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา:

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 สื่อมวลชนอเมริกันพร้อมใจกันขานชื่อ“บิน ลาเด็น” เกือบทันที่ที่มีรายงานข่าวการเกิดเหตุโจมตี ความเป็นไปได้ที่ว่าพรรคพวกวงในของรัฐบาลสหรัฐเป็นผู้ร่วมกันวางแผนเพื่อหาเหตุใส่ร้ายป้ายสีมุสลิม และหาข้ออ้างโจมตีประเทศมุสลิมเพื่อยึดครองอำนาจการครอบครองโลกแบบเบ็ดเสร็จไม่เคยได้รับการกล่าวถึง

การแถลงของบิน ลาเด็นครั้งแล้วครั้งเล่าที่กล่าวว่าเขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ในวันที่ 11 กันยายน รวมทั้งกล่าวยำ้ว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อหลักการของอิสลาม และตั้งข้อสงสัยว่าเหตุการณ์ดังกล่างเกิดจากการกระทำของบรรดาอเมริกันที่สนันสนุนอิสราเอล ไม่เคยมีโอกาสได้เบียดตัวผ่านสื่อต่าง ๆเมื่อ FBI หรือสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐออกมาประกาศในท้ายที่สุดว่าบิน ลาเด็นไม่ใช่เป้าหมายในการจับกุมในคดี 11 กันยายน อีกต่อไป เพราะไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง บรรดาสื่อต่าง ๆ ร่วมกันปิดประเด็นนี้ไม่ให้เล็ดรอดออกสู่สาธารณชน

แต่หลังจากเหตุการณ์วางระเบิดที่เมืองบอสตัน เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 2013 ที่ผ่านมา แม้แต่บรรดาสื่อจัดตั้งที่มีอำนาจผูกขาดต่างก็ไม่อาจละเลยประเด็นเรื่องการสมคบคิดของรัฐบาลในการโจมตีดังกล่าว Yahoo News ตั้งคำถามว่า “ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดที่บอสตัน” รวมทั้งนำเสนอแนวการวิเคราะห์ไว้ 4 ประเด็น 1) พวกนักต่อสู้เพื่ออิสลาม 2) พวกนิยมแนวทหารแบบขวาจัด 3) คนของรัฐบาลสหรัฐเอง และ 4) อาชญากรโรคจิต (ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรใดเป็นพิเศษ)

ประเด็นที่ 1, 2 และ 4 เป็นเป้าปกติในการตั้งข้อสงสัย แต่การรวมเอาประเด็นที่ 3 คือ “รัฐบาลสหรัฐฯ” เข้าไปเป็นผู้ต้องสงสัย เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้นในการรายงานข่าวของสื่อกระแสหลักเกี่ยวกับเหตุการณ์การก่อการร้ายภายในสหรัฐอเมริกา

ประเด็นการสมคบคิดร่วมกันของคนในรัฐบาลสหรัฐซึ่งเริ่มกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ นี้ กลายเป็นประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวของนายเดวอล แพตทริก (Deval Patrick) ผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเสตหลังเกิดเหตุการณ์การวางระเบิด คำถามแรกในการแถลงข่าววันนั้นมาจากนายแดน บีดันดี (Dan Bidondi) ผู้สื่อข่าวของอินโฟวอส์ ซึ่งตั้งคำถามว่า “เหตุการณ์การวางระเบิดที่บอสตันเป็นเรื่องของการสมคบคิดของรัฐบาลสหรัฐเพื่อจำกัดเสรีภาพของประชาชนชาวสหรัฐฯใช่หรือไม่” แน่นอนว่าคำตอบของนายแพตทริก คือ “ไม่ใช่”

แม้แต่นิตยสาร Atlantic Monthly ซึ่งเป็นนิตยสารของพวกหัวอนุรักษ์นิยมใหม่ ( ตัวอย่างของพวกที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ หรือ Neoconservative เช่น รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดียอร์ช ดับเบิลยู บุช ที่ใช้จ่ายไม่อั้นทางการทหารและการซื้อยุทโธปกรณ์ อ่านคำอธิบายง่าย ๆ เรื่อง แนวคิดอนุรักษ์นิยมใหม่ ได้ที่ http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2009/12/K8629932/K8629932.html –ผู้เรียบเรียง) ก็ยังอดไม่ที่จะพาดหัวประมาณว่า ““What Is a ‘False Flag’ Attack, and What Does Boston Have to Do with This?” หรือ “อะไรคือการโจมตีที่เกิดจากจัดฉากหรือการสมคบคิดของคนในรัฐบาล และชาวบอสตันต้องจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้” ที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งคือบทความในนิตยสาร Atlantic กล่าวว่ามีประวัติความเป็นมาที่ทำให้คิดได้ว่าการระเบิดที่บอสตันเกิดขึ้นจากจัดฉากหรือการสมคบคิดของคนในรัฐบาลสหรัฐฯ นายฟิลิปส์ บัมพ์ (Philip Bump) ผู้เขียนบทความถึงขนาดกล่าวว่า “ถ้าหากการระเบิดที่บอสตันเป็นการจัดฉากหรือการสมคบคิดของคนในรัฐบาล นายแพตทริก ผู้ว่าการรัฐก็คงออกมากล่าวว่าไม่ใช่อยู่ดี”

มีพัฒนาการความเป็นมาอย่างไรหลังจากปี ค.ศ. 2001 ที่ทำให้ประเด็นเรื่องการจัดฉากหรือการสมคบคิดของรัฐบาลในการก่อการร้ายภายในประเทศกลายเป็นประเด็นที่โดดเด่นขึ้นมา

คำตอบสั้น ๆ คือ การทำงานของกระบวนการค้นหาความจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน (the 9/11 truth movement) ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมานักเคลื่อนไหวจำนวนหลายล้านคนได้พยายามปลุกกระแสให้คนอเมริกันและสาธารณชนได้รับรู้ถึงหลักฐานที่ยืนยันว่าเหตุการณ์ 11 กันยายน นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า การวางเพลิงตนเองของอเมริกา (American Reichstag Fire — เป็นชื่อที่นำมาจากเหตุการณ์การเผารัฐสภาของเยอรมันในช่วงการขึ้นสู่อำนาจของฮิตเลอร์ จากการสอบสวนเชื่อกันว่าเป็นผลงานการสมคบคิดของนักการเมืองเพื่อนำผลประโยชน์มาสู่พรรคพวกของตน ดังนั้นจึงนิยมเรียกเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ว่า การวางเพลิงที่ไรช์สตาก – ผู้เรียบเรียง)  มีผลสำรวจว่าคนอเมริกัน 36% หรือประมาณ 100 ล้านคน เชื่อว่าเหตุการณ์ 11 กันยายนเป็นผลงานของคนในทำกันเอง บรรดาผู้แสวงหาความจริงเหล่านี้มีทั้งนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นายทหาร และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า เราสามารถพบพวกเขาได้ที่ PatriotsQuestion911.com and AE911Truth.org.

เนื่องจากบรรดาสื่อจัดตั้งกระแสหลักและสื่อที่เรียกตนเองว่าสื่อทางเลือกแต่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบางองค์กรปฏิเสธที่จะรายงานความเป็นจริงเรื่องเหตุการณ์ 11 กันยายน คนอเมริกันจำนวนถึงประมาณ100 ล้านคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าสื่อกระแสหลักคือนักโกหกตัวยง และข้อสงสัยประเด็นนี้ก็เป็นที่แพร่หลายอย่างกว้างขวาง แม้แต่ในบรรดาคนอเมริกันอีก ประมาณ 200 ล้านคนซึ่งไม่ได้เป็นผู้ติดตามตั้งข้อสงสัยอย่างจริงจังในเรื่องเหตุการณ์ 11 กันยายน ต่างมีความรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ชอบมาพากลในเหตุการณ์นี้ และรู้สึกว่าบรรดาสื่อมวลชนและนักการเมืองกำลังสร้างเรื่องโกหก จะเห็นได้จากตัวอย่างผลสำราจของ Pew Research เมื่อไม่นานมานี้ที่แสดงให้เห็นว่าความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลลดลงอย่างมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา นั่นคือประชาชนชาวอเมริกันน้อยกว่า 1/3 ที่มีความเชื่อมั่นในรัฐบาลของตน ในขณะที่ประชาชนอีกมากกว่า 2/3 ไม่เชื่อมั่นในรัฐบาล

ขณะที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาล สื่อมวลชนจัดตั้งกระแสหลักก็ประสบสภาพล้มละลายทางความเชื่อถือ ดังนั้นสื่อทางเลือกที่ไม่ขึ้นกับองค์กรใดจึงปรากฏขึ้นอย่างมากมายบนโลกอินเตอร์เน็ต ตัวอย่าง เช่น พื้นที่สื่อของอเล็กซ์ โจนส์ (Alex Jones) ซึ่งมีความพยายามอย่างเต็มที่ในการไล่ต้อนรัฐบาลกรณีการสมคบคิดเรื่องการก่อการร้ายภายในประเทศ ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมในอาณาจักรของเขาไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้านคน นอกจากนั้นยังมี Jeff Rense, Mike Adams, Mike Rivero, Veterans Today, American Free Press รวมทั้งสื่อภาษาอังกฤษของสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น Press TV และ Russia Today ต่างเข้าถึงผู้รับชมจำนวนมหาศาลที่ต่างก็มีบทบาทสำคัญและมีความเที่ยงธรรมอย่างยิ่งในการรายงานเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดจากการสมคบคิดของคนในรัฐบาลในการก่อการร้าย

ทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงนักคิดสวนกระแสเพียงหยิบมือเดียวเหมือนที่ผ่านมาที่เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเหตุการณ์การก่อการร้ายภายในประเทศ จะคิดถึงเรื่อง “การจัดฉากหรือการสมคบคิดของคนในรัฐบาล” ผู้คนจำนวนล้าน ๆ คนแลกเปลี่ยนข้อสงสัยเรื่องเหตุการณ์การวางระเบิดที่บอสตันผ่าน Facebook, Twitter, blogs และสื่ออินเตอร์เน็ตทั่วไป

สุมมติฐานของพวกเขาถูกต้องหรือไม่

ถึงแม้ว่าจะเร็วเกินไปที่จะหาข้อสรุปได้อย่างแท้จริง (บทวิเคราะห์ของ ดร.บาเร็ตต์ ตีพิมพ์ในวันที่ 17 เมษายน 2013 หลังวันเกิดเหตุเพียงหนึ่งวัน แต่หลังจากบทวิเคราะห์นี้ได้มีบทวิเคราะห์และวิดิโอต่าง ๆ อีกมากมายที่ออกมาแสดงหลักฐานยืนยันสมมุติฐานของ ดร.บาเร็ตต์ –  ผู้เรียบเรียง) การวางระเบิดที่บอสตันมีลักษณะสำคัญที่ส่อสัญญาณให้เห็นว่าเป็นกระบวนการสมคบคิดของรัฐบาลในการก่อการร้ายภายในประเทศ โดยที่จะมีการฝึกซ้อมการป้องกันภัยการก่อการร้ายซึ่งจะเป็นการจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดังที่ เว็บสเตอร์ ทาร์พลี (Webster Tarpley) ได้อธิบายไว้ในหนังสือของเขาชื่อ 9/11 Synthetic Terror: Made in USAว่า การสมคบคิดของรัฐบาลในการก่อการร้าย เช่น เหตุการณ์ 11 กันยายน ในสหรัฐ และเหตุการณ์วันที่ 7 กรกฏาคมในกรุงลอนดอน ต่างเริ่มต้นจากการวางแผนให้เสมือนเป็นการซ้อมรับมือการก่อการร้ายจากนั้นก็นำไปสู่เหตุการณ์จริง ลักษณะแบบนี้เป็นช่องทางให้พวกวงในวางแผนและปฏิบัติการโจมตีภายใต้ชื่อของการซ้อมรับมือการก่อการร้าย โดยพวกผู้ร้ายตัวจริงในทีมสำรองที่จัดตั้งไว้จะจัดการโจมตีจริง ๆ แต่ทำให้ดูเสมือนเป็นการแสร้งโจมตีโดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรับมือการก่อการร้าย

เหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 เป็นเหตุการณ์ที่มีการออกแบบล่วงหน้าให้เป็นปฏิบัติการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ซึ่งมีการฝึกฝนและซ้อมรับมือล่วงหน้าถึง 46 ครั้ง รวมทั้งการซ้อมการบินเข้าพุ่งชนตึกจำนวนหลายครั้ง เพื่อเป็นการสร้างฉากบังหน้าให้กับการโจมตีของพวกคนวงใน (ดูรายละเอียดได้ในGoogle “Tarpley 46 drills of 9/11”)

เหตุการณ์ 7 กรกฏาคม ในกรุงลอนดอน ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์การซ้อมรับมือการก่อการร้ายที่ในที่สุดก็กลายเป็นการโจมตีจริง นายปีเตอร์ พาวเวอร์ (Peter Power) ผู้ให้คำปรึกษาคนสำคัญที่สุดของลอนดอนเรื่องเหตุการณ์การก่อการร้าย ออกมายอมรับในรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่าเหตุการณ์การระเบิดทั้งหมดที่ถล่มกรุงลอนดอนในวันนั้นล้วนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันและสถานที่เดียวกันกับที่ใช้ในการฝึกซ้อมการรับมือการก่อการร้าย

การระเบิดที่บอสตันเป็นการฝึกซ้อมการรับมือที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหตุการณ์จริงใช่หรือไม่

สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น ช่อง 15 ของเมืองMobile รัฐ Alabamaรายงานว่า:

ครูผู้ฝึกซ้อมการแข่งขันวิ่งมาราธอนของ University of Mobile แห่งรัฐ Alabama ผู้ซึ่งอยู่ใกล้จุดเข้าเส้นชัยของการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่บอสตันตอนที่เกิดระเบิดขึ้นจำนวนหลายครั้งกล่าวว่า เป็นเรื่องแปลกมากที่มีสุนัขดมกลิ่นเพื่อค้นหาระเบิดอยู่ในบริเวณจุดเริ่มต้นและจุดเข้าเส้นชัยของการแข่งขัน ครูฝึกชื่อ อลี สตีเวนซั่น (Coach Ali Stevenson) บอกกับสถานีท้องถิ่น ช่อง 15 ว่า พวกเขาประกาศซ้ำไปซ้ำมาผ่านเครื่องขยายเสียงว่าการระเบิดเป็นเพียงการซ้อมป้องกันภัยและไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง” และ “ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างน่ากลัวเกิดขึ้น แต่พวกเขากล่าวย้ำว่าเป็นเพียงการซ้อมรับมือการก่อการร้าย”

เวลา 12.30 น. หนังสือพิมพ์ Boston Globe เขียนข้อความในทวีตเตอร์ว่า “มีรายงานอย่างเป็นทางการว่า จะมีการระเบิดจริงที่อยู่ภายใต้การควบคุมบริเวณตรงข้ามห้องสมุดภายในอีกหนึ่งนาทีข้างหน้าโดยเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการฝึกซ้อมการเก็บกู้ระเบิด”

จากนั้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมงถัดมา ในเวลา 14.50 น. ได้เกิดระเบิดขึ้นที่ใกล้บริเวณจุดเข้าเส้นชัยของการแข่งขัน Boston Marathon ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่าร้อยคน

เป็นเพียงเหตุบังเอิญใช่ไหม อาจจะใช่ แต่เนื่องจากเหตุการณ์การก่อการร้ายครั้งใหญ่ทั้งหมดที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา รวมทั้งการระเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และการระเบิดที่เมือง Oklahoma ล้วนเป็นผลงานของคนวงใน และเนื่องจากการวางแผนการก่อการร้ายทั้งหมดที่พบในสหรัฐฯตั้งแต่เหตุการณ์ 11 กันยายน เป็นต้นมาล้วนเป็นฝีมือของ FBI เราจึงมีสิทธิ์ตั้งข้อสงสัย

การวางระเบิดเพื่อการก่อการร้ายมีผู้ได้รับผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวคือ รัฐบาลและครอบครัวมหาเศรษฐีที่เป็นเจ้าของรัฐบาล

ดังที่ วินเซนท์ วินชีเกอรา (Vincent Vinciguerra) หนึ่งในนักโทษคดีการก่อร้าย Operation Gladio อธิบายว่า “คุณต้องโจมตีพลเรือน ประชาชนทั่วไป ผู้หญิง เด็ก คนบริสุทธิ์ ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ที่อยู่ห่างไกลเกมทางการเมืองมากที่สุด เหตุผลง่าย ๆ คือ เพื่อบังคับให้สาธารณชนหันไปพึ่งรัฐบาลให้มากที่สุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ไม่ว่าความจริงเกี่ยวกับการระเบิดที่บอสตันจะเป็นอะไร ดูเหมือนว่าวาทกรรมว่าด้วยการจัดฉากหรือการสมคบคิดของรัฐบาลเพื่อการก่อการร้ายได้กลายเป็นวาทกรรมหลักไปแล้ว และวาทกรรมนี้จะไม่มีวันหายไป อย่างน้อยจนกว่าเหตุการณ์ 11 กันยายน และอาชญากรรมที่เกิดจากการสมคบคิดของคนในรัฐบาลจะได้รับการแก้ไข และมีการวางมาตรการอย่างเป็นทางการในการป้องกันสาธารณชนให้รอดพ้นจากภัยของการก่อการร้ายที่เกิดจากการสมคบคิดร่วมกันของคนในรัฐบาล

เรียบเรียงความโดย สุรัยยา สุไลมาน

ภาพและเรื่องจาก http://www.presstv.ir/detail/2013/04/17/298720/falseflag-meme-surrounds-boston-blast

– วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า 9/11 น่าจะเป็นผลงานของคนในทำกันเอง สมมติฐานก็คือการพังลงมาของตึกที่เป็นระเบียบเรียบร้อยมีลักษณะเหมือนมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า โดยใช้วิธีเดียวกันกับการทำลายตึกที่ไม่ต้องการแล้วหรือที่เรียกว่า controlled demolition โดยจากการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์มีพยานจำนวนมากมายยีนยันว่าได้ยินเสียงระเบิดเกิดขึ้นในชั้นต่าง ๆ ของตึกก่อนที่ตึกจะถล่มลงมา :  https://www.youtube.com/watch?v=IwQa5eokieY และ https://www.youtube.com/watch?v=cZ4dVo5QgYg

– ลองฟังนักเขียนอเมริกันวิจารณ์รัฐบาลของนายบุช สืบเนื่องจากเหตุการณ์ 9/11 และการประกาศสงครามกับ “การก่อการร้าย” ในวิดีโอนี้ (https://www.youtube.com/watch?v=iF4wmDwVLkc#t=263) ฟัง ๆ ไปก็สงสารชาวอเมริกันเหมือนกันนะที่เขาต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลกระหายสงครามตลอดมาหลายยุคหลายสมัย ภาษีของประชาชนแทนที่จะได้ใช้ในการพัฒนาประเทศชาติก็เอาไปสังเวยพวกนักค้าอาวุธและพวกพ่อค้าน้ำมันที่พยายามหาเหตุเข้าไปทำมาหากินอยู่ในตะวันออกกลางโดยการเอาเรื่อง “สงครามกับการก่อการร้าย” มาเป็นข้ออ้าง และเอาความกลัวของประชาชนตัวเองเป็นหลักประกันเสถียรภาพของรัฐบาลที่ตัวเองสนับสนุน แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือพี่น้องมุสลิมผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายที่ต้องตกเป็นเหยื่อสงครามเหล่านี้ตลอดเวลานั่นเอง

– ข้อมูลตัวอย่างจากยูทูปที่ชาวอเมริกันตาสว่างพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ 9/11 เป็นผลงานของอิสราเอล เช่น

– มีพยานเห็นเหตุการณ์และมีการจับกุมกลุ่มชายชาวอิสราเอลที่เต้นรำโห่ร้องแสดงความยินดีในขณะที่ตึกเวิร์ลด์เทรดถล่ม http://www.youtube.com/watch?v=rStJ5BgadPs

– เทปการสัมภาษณ์อดึตนายกรัฐมนตรีอิสราเอลนาย Ehud Barak โดยสถานีโทรทัศน์ BBC ที่คำตอบของการให้สัมภาษณ์เรื่องตึกเวิร์ดเทรดถล่มของนาย Ehud Barak คือการโยนความผิดให้บิน ลาเด็นทันที ขณะที่ผู้สัมภาษณ์ย้อนถามว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าบิน ลาเด็นเป็นคนทำในเมื่อยังไม่มีหลักฐานอะไรเลย สิ่งที่น่าสนใจในการให้สัมภาษณ์ของนาย Ehud Barak คือการที่เขาเปิดเผยแผนการที่อยู่ในใจของเขาออกมาทั้งหมดว่าสิ่งที่จะตามมาจากการถล่มของตึกเวิร์ลด์เทรดก็คือการจัดการกับประเทศมุสลิมต่าง ๆ ในตะวันออกกลางให้หมดเพื่อการสร้าง “ระเบียบโลกใหม่” หรือ New World Order ซึ่งหากใครที่สนใจเรื่องข่าวสารการเมืองในโลกตะวันตกก็จะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่านี่คือเจตนารมณ์สูงสุดของลัทธิไซออนิสต์ซึ่งมีฐานบัญชาการอยู่ในกรุงเทลาวีฟและมีตัวแทนอยู่ในการเมืองระดับสูง ในสื่อหลัก ในองค์การทางเศรษฐกิจ ในสถาบันการศึกษาหลัก และในวงการบันเทิงเกือบทั้งหมดของอเมริกาโดยเฉพาะในวงการฮอลลีวู๊ด ฟังเทปสัมภาษณ์แล้วจะเห็นภาพได้ชัดเจนทันที http://www.youtube.com/watch?v=rStJ5BgadPs

– ถ้าหากมีเวลาเทปสัมภาษณ์ Dr. Alan Sabrosky นักวิชาการและนักเขียน ผู้เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติการทางทหารของอเมริกาเจ้าของผลงานเขียนมากมายที่เปิดโปงปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลท่านนี้จะให้คำตอบที่ทำให้เราได้เห็นการโยงใยอย่างชัดเจนของอิสราเอลต่อการก่อการร้ายในอเมริกาและเหตุการณ์ 9/11 http://www.youtube.com/watch?v=wq2pGd9ViUM

– อดีตกองกำลัง Mossad ของอิสราเอลพลั้งปากในการให้สัมภาษณ์ CNN ว่าอิสราเอลอยู่เบื้องหลังการวางระเบิดในลอนดอนเมื่อปี 2005 ในวิดีโอนี้ซึ่งเป็นรายงานการจับกุมการครอบครองอาวุธร้ายแรงของโฮโซคู่หนึ่งในอพาร์ตเม้นท์หรูในแมนฮัตตันซึ่งทำให้ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในอเมริกา ในตอนท้ายของข่าวเป็นการสัมภาษณ์นาย Juval Aviv อดึตหัวหน้า Mossad หรือกองกำลังตำรวจลับของอิสราเอล เขากล่าวว่าเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะวางระเบิดเหมือนที่ “เรา” เคยทำในลอนดอน! http://www.youtube.com/watch?v=pX4nmxJdddU

– ความจิรง 11 ประการว่าด้วยเบื้องหลังการจัดฉากในเหตุการณ์ 9/11 https://ssuraiya1.wordpress.com/2015/01/26/on-911-a-third-skyscraper-plunged-to-earth-the-sudden-implosion-of-wtc-building-7/

– อีกบทความล่าสุดว่าด้วยละครฉากใหญ่ที่ปารีสในเหตุการณ์สังหารหมู่นักเขียนการ์ตูน โดย ‘เปลว สีเงิน’ คงทำให้เราตาสว่างกับพฤติกรรมของฝรั่งตาน้ำข้าวกันมากขึ้น  https://ssuraiya1.wordpress.com/2015/01/16/ละครน้ำเน่าที่-ปารีส/

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
16 VOTES (4/5 จาก 4 คน)
VOTED: ซาอิ, เดี๊ยนหมอออยสร้อยสมร
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขมรดราม่า วิจารณ์กันเอง! หลังเห็นมังกรที่ทำขึ้นมา? ลั่น มังกรหรือหนอนน้ำ!😃หนุ่มเร่ขาย "ลาบูบู้" กลางสี่แยก..ทำเอาหลายคนแห่ถามพิกัดเผยคำพูดปารีณา พูดกับเสรีพิศุทธ์ ในงานศwพ่อโควิด-19 อีกแล้ว!!!precaution: การป้องกันไว้ก่อนป้องกันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ง่ายๆ..แค่บล็อกสายโทรเข้าจากต่างประเทศแผ่นดินไหวทำเศียรพระพุทธเจ้าหัก"เสก โลโซ" ลั่น! ผมพลาดนิดเดียว..เกือบจะได้เป็นเจ้าสัวแล้วหนุ่มเครียด! สอบติดอัยการผู้ช่วย ควรเลิกกับแฟนที่เป็นพนักงานบริษัทดีไหม?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ป.ป.ช. เปิดทรัพย์สิน "บิ๊กป้อม" กรณีเป็น ปธ.กกท. ทุก 3 ปี แจ้งถือครองนาฬิกา TWSTEEL 1 เรือนมูลค่า 15,000 บาทบังคลาเทศ ประกาศหยุดเรียนเพราะอากาศร้อน10 สิ่งประดิษฐ์ปริศนาในยุคโบราณวาฬนับร้อยตัวเกยตื้น ที่หาดออสเตรเลีย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
10 สิ่งประดิษฐ์ปริศนาในยุคโบราณสนใจซื้ออสังหาฯ ตากอากาศเมืองแคนดี้ ศรีลังกาไหม ราคาถูกสงครามโลกครั้งที่สอง บทเรียนเลือดเนื้อจากไฟสงคราม5 สาเหตุ ที่คนแก่ยึดติดกับอะไรเดิม ๆ
ตั้งกระทู้ใหม่