เกินคาด! สารคดี "หญิงบำเรอกาม" แก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กวาดรายได้ถล่มทลาย
ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “เอ้อร์สือเอ้อร์” (Twenty Two) ซึ่งเล่าเรื่องราวของ “หญิงบำเรอกาม” ทำรายได้เปิดตัวสูงกว่า 10 ล้านหยวน (ราว 50 ล้านบาท) ในวันแรกที่เข้าฉาย และพุ่งสูงแตะ 100 ล้านหยวน (ราว 500 ล้านบาท) ภายใน 1 สัปดาห์ กลายเป็นหนึ่งในสารคดีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในจีน
จากรายงานของสำนักข่าวไชน่าฟิล์มนิวส์เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ทำรายได้ถึง 160 ล้านหยวนแล้ว (ราว 800 ล้านบาท) และครองอันดับที่ 7 รายได้สูงสุดในบ็อกซ์ออฟฟิศสัปดาห์ล่าสุด
สารคดีดังกล่าวเล่าเรื่องราวของผู้หญิงชาวจีนที่ถูกบังคับให้เป็นทาสทางเพศแก่ทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้คะแนนวิจารณ์ 8.9/10 คะแนนในเว็บไซต์โต้วปั้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์จัดอันดับภาพยนตร์ชื่อดังของจีน เป็นคะแนนที่สูงกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ อีก 80% ในหมวดสารคดีด้วยกัน
เมื่อครั้งที่ผู้กำกับชาวจีนนามว่ากัวเคอถ่ายทำสารคดีสั้นๆ ชิ้นแรกที่เกี่ยวกับหญิงบำเรอกามเมื่อปี 2012 เขาใช้ชื่อว่า “สามสิบสอง” (Thirty Two) ซึ่งเป็นจำนวนของหญิงบำเรอกามผู้รอดชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่
2 ปีให้หลัง เขาเริ่มถ่ายทำสารคดีตอนต่อมาในประเด็นเดียวกันนี้ แต่จำนวนผู้รอดชีวิตลดลงเหลือเพียง 22 คน และกลายมาเป็นชื่อภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ ซึ่งเริ่มฉายไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา
กัวเคออุทิศความสำเร็จของสารคดีเรื่องนี้แก่บรรดาผู้ชมซึ่งในที่สุดก็หันมาสนใจประวัติศาสตร์และประสบการณ์อันเลวร้ายของผู้หญิงเหล่านี้
เขากล่าวว่า เขายินดีอย่างยิ่งที่สารคดีเป็นที่สนใจของสาธารณชนอย่างล้นหลาม พร้อมเผยว่าเขาหวังให้คนรุ่นใหม่เข้าใจประวัติศาสตร์และประสบการณ์ของหญิงบำเรอกามกันมากขึ้น
ความจริงแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้มิได้อยู่ในความคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จ มีน้อยคนนักที่เชื่อว่าหนังจะทำเงิน
ขณะที่ประสบปัญหาการเงิน กัวเคอเผยว่าเขาถึงขึ้นคิดจะขายบ้านเพื่อนำเงินมาใช้เป็นทุนผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เมื่อถึงจุดวิกฤตจริงๆ นักแสดงหญิงนามว่าจางซินอี้ก็บริจาคเงิน 1 ล้านหยวนให้แก่ภาพยนตร์เรื่องนี้ และเงินทุนส่วนอื่นๆ นั้นได้มาจากการระดมทุน
จางซินอี้กล่าวว่า เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เงินคืนจากการลงทุนของเธอ และเธอประทับใจมากกับ “พลังของสังคม” ที่ปรากฏผ่านบ็อกซ์ออฟฟิศ เธอมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น “เกณฑ์การทดสอบ” ซึ่งปลุกเร้าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตัวใครหลายคน
มีผู้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ให้คำวิจารณ์ไว้ว่า “พลังอันโดดเด่นที่สุดของสารคดีเรื่องนี้คือ ความสามารถในการย้ำเตือนแก่คนรุ่นใหม่ว่าเคยเกิดอะไรขึ้นในประเทศของเรา”