โปรดเรียกเดี๊ยนว่า สลั๊ด ดอกทอง ... ชอบมากค่ะ
ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะไปเป็น...บาห์เรน
เมื่อฟังแม่แท็กเทศน์จบ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำกิจกรรมของตน บ้างไปทำอาหารกิน ตั้งวงเล่นไพ่ นอนอ่านคู่สร้างคู่สม ซักผ้า ชอปปิ้ง ฯลฯ ส่วนฉันเข้าไปนั่งทักทายคุยกับขวัญ แล้วเธอก็บรรยายเรื่องของเธอให้ฉันฟังว่า ทำงานอีก 10 กว่ารอบก็หมดจะแท็กแล้ว แต่ถ้าไปต่อวีซ่าที่ศรีลังกาหนี้ค่าแท็กจะเพิ่มขึ้นมาอีก อย่างน้อยต้องทำงานใช้หนี้อีกไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ และตอนนี้ขวัญก็เริ่มติดผู้ชายแล้วด้วยสิ ทั้งที่ยังไม่หมดแท็ก เธอบอกว่าคนนี้คือลูกค้าไม่ใช่แมงดา และทุกครั้งที่ไปนอนด้วยมันก็จ่ายค่าตัวทุกที! (แต่กูว่าจ่ายช่วงแรกๆ แหละ อีกหน่อยก็ฟรี)
แล้วคืนนั้นฉันก็ได้เข้าไปสัมผัสความบันเทิงกับแสงสีเสียงอีกครั้งในบรรยากาศกึ่งเธคกึ่งผับ ชื่อ “เอฟวัน” อยู่แถวถนนเอ็กซิบิชัน ย่านนี้จัดว่าเป็นแหล่งโลกีย์อีกแห่งหนึ่งของบาห์เรน ที่นี่เป็นสถานบันเทิงครบวงจร คือมีทั้งห้องพัก ภัตตาคาร คลับสนุกเกอร์ สำหรับในผับเอฟวันมีวงดนตรีแบนด์ฟิลิปปินส์ผลัดเปลี่ยนกันเล่น 2 วง ลูกค้าที่เข้าไปหาความสำราญ 70% เป็นฝรั่งชาติต่างๆ นอกนั้นเป็นญี่ปุ่น เกาหลีและชาวอาหรับ แต่ที่นี่มีกฎเกณฑ์อยู่ว่าลูกค้าทุกคนต้องแต่งกายสุภาพเป็นชุดสากลเท่านั้น คือห้ามใส่ชุดอาหรับ ส่วนผู้หญิงมีทั้งชาติไทย จีน รัสเซีย ไนจีเรีย ทั้งหมดนี้คือขายบริการล้วนๆ
แต่การเข้าไปจับแขกในเอฟวันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่นี่มีแม่แท็กคนไทยเข้ามาทำมาร์เก็ตติ้งเปิดตลาดขาย Hee ไทย โดยฮั้วกับพนักงานเฝ้าหน้าประตู ซึ่งเป็นชาวอินเดียทั้งสิ้น ว่าจะต้องไม่อนุญาตให้ผู้หญิงแปลกหน้าเข้ามาจับแขก หรือเข้ามาเที่ยวก็ไม่ได้เพราะเป้าหมายของผู้หญิงทุกคนมาที่นี่เพื่อจับแขกทั้งนั้น(แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ?) หรือถ้าจะเข้าก็ต้องมีผู้ชายควงมาด้วยแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ทั้งนี้ก็เพื่อกันไม่ให้ผู้หญิงอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสังกัดของตนเข้าไปจับแขก แต่แม่แท็กของฉันจัดว่ามีคอนเน็กชันดีมาก พวกฉันจึงได้รับการยกเว้นให้เข้าไปจับแขกได้
คืนนั้นฉันก็ได้เห็นการทำงานอีกรูปแบบหนึ่งที่ต้องอาศัยพลังในการแดนซ์ให้สุดเหวี่ยง และความใจกล้าหน้าด้านเดินเข้าหาแขกอย่างไม่ต้องอายใคร เพราะถ้ามัวยืนทื่อเหนียมอายทั้งคืนก็ไม่ได้งาน ที่สำคัญต้องไว เมื่อเล็งเป้าหมายได้แล้วต้องรีบเข้าไปประกบทันที ขืนช้าอืดอาดคนอื่นจะเข้าไปเสียบซะก่อน เพราะที่นี่ถือว่ามีการแข่งขันช่วงชิงแขกกันสูงมากถึงขั้นตบตีกัน ดังนั้นใครคิดจะมาเป็น...บาห์เรนต้องไหวพริบดี และต้องมีสกิล!! แล้วคืนนั้นความกดดันจากแม่แท็กก็บังคับให้ฉันใจกล้าหน้าด้านคว้าฝรั่งไปนอนจนได้ แต่เป็นฝรั่งชาติอะไร ไปเวลาไหนจำไม่ได้(เมา) รู้แต่ว่าตื่นเช้ามาก็ได้ค่าตัวมา 100 บีดี
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปที่ฉันเข้าไปจับแขกในเอฟวัน บอกตรงๆ ว่าสนุกทุกคืนเพราะทั้งแดนซ์ทั้งเมา ทั้งที่ไม่ชอบดื่มเหล้า แต่มันจำเป็นเพื่อจะได้ใจกล้าหน้าด้านเดินเข้าหาแขก ชั่วโมงนั้นถ้าได้เมาแล้วความหน้าด้านก็สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าแขกเอาไปได้ยังไง เพราะภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้ รู้แต่ว่าราคาค่าตัวค้างคืนต้องไม่ต่ำกว่า 80-120 บีดี ชั่วคราวต้อง 50-70 บีดี แต่ฉันก็ได้งานเกือบทุกคืน ชั่วคราวบ้างค้างคืนบ้าง ส่วนกลางวันก็เดินงานต่อในโรงแรมวันละ 2-3 รอบ เรียกว่าทำงานตลอด 24 ชม.
ยอมรับนะว่าโคตรเหนื่อยกับการทำงานจับแขกที่บาห์เรน กว่าจะผ่านไปได้แต่ละคืนวันบางครั้งกำลังนอนหลับสบายๆ ก็ถูกปลุกขึ้นมาปี้ซะงั้น..ทั้งง่วงทั้งเพลียแต่ก็ต้องทำ ข้อดีของการเดินงานในโรงแรมคือ “อมเงินได้” เพราะไม่มีคนเฝ้า ช่วยไม่ได้จริงๆ มันจำเป็นต้องอม ทำอาชีพแบบนี้จะมัวยึดติดอยู่กับความซื่อสัตย์ก็พอดีไม่มีแดก ในขณะเดียวกันแม่แท็กก็จ้องเอาเปรียบเราอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นต้องไวให้ทันกัน เพราะถ้าเกิดพลาดท่าดวงซวยโดนตำรวจจับจะได้มีเงินติดตัวไว้บ้าง แต่เท่าที่ฉันสังเกตเพื่อนๆ ร่วมงานแต่ละคน ดูสนุกสนานร่าเริงกันดี ไม่เห็นว่าจะมีใครทุกข์ โศกเศร้า หรืออยากกลับเมืองไทยนะ
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป ฉันส่งเงินแม่แท็กได้ 500-600 บีดี รู้สึกดีใจขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าไปต่อวีซ่าที่ศรีลังกาแล้ว ฉันก็ต้องกลับมาเป็นหนี้ 1,500 บีดีอีกเหมือนเดิม (ที่ทำๆ มาจึงเหมือนโดนเอาฟรี!) เพราะแม่แท็กสำรองค่าใช้จ่ายให้ก่อนทั้งหมด ทั้งค่ากินใช้อีก 2 วัน และไหนจะต้องยัดให้เจ้าหน้าที่ด่าน ตม. ในศรีลังกาอีก 100 ยูเอส เพื่อให้พวกมันจ๊อบวีซ่าให้พวกเรา (การยัดเงินให้กับพวกปลิงในเครื่องแบบแต่ละประเทศ ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอาชีพอย่างพวกเรา!) สรุปคือ ไปต่อวีซ่าแต่ละครั้งอย่างน้อยต้องมีเงินถึง 3 หมื่นบาท แหละนี่คือหนี้สินที่นอกเหนือจากค่าแท็กโดยคนจัดส่งหรือแม่แท็กไม่ได้แจ้งให้เรารู้ล่วงหน้า
วันที่ไปต่อวีซ่าก็ใกล้มาถึง ฉันกับขวัญรวมทั้งเด็กในแท็กเดียวกันอีก 2 คนจะต้องเดินทางไปพร้อมกัน และก่อนเดินทาง 2 วัน “พี่ต่าย” เพื่อนร่วมห้องเดียวกับฉัน นางเป็นผู้มีประสบการณ์เรื่องนี้ดี ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อไปถึงสนามบินศรีลังกาจะมีไกด์เป็นคนพื้นที่เข้ามาติดต่อพาเราไปพักตามสถานที่ต่างๆ ดังนั้นให้เราเลือกพักตามบังกะโลใกล้กับทะเลจะเวิร์คมาก เพราะที่นั่นมีเกาะสวยๆ มากมาย น้ำทะเลก็ใสปิ๊ง ให้เราได้เล่นกันอย่างสำราญใจ
จากนั้นไกด์ก็จะพาไปไหว้พระขอพร เพราะศรีลังกาเป็นแหล่งรวมอารยธรรมมีหลายศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธ จึงมีวัดมากมายให้เรากราบนมัสการรวมทั้งศาลพระพิฆเนศ พี่ต่ายแนะนำว่าควรเตรียมอาหารไทยไปกินเอง เพราะที่นั่นส่วนใหญ่เป็นอาหารอินเดียเน้นหนักเครื่องเทศ รับรองว่าไม่ถูกปากคนไทยแน่ และเตรียมแลกเงินเหรียญไปเยอะๆ เพื่อไปแจกพวกขอทานที่จะมารุมทึ้งขอเงินเราตามจุดต่างๆ