"เนติวิทย์" แฉ!! นศ.หลายๆคนอยากเปลี่ยน แต่มี "ตอ" บางอย่างที่ทำให้เปลี่ยนยาก
ร้อนแรงต่อเนื่องกับกรณีรับน้องจุฬา ที่มีการโต้เถียงกันในห้องประชุมระหว่า "เนติวิทย์" กับ ตัวแทนคณะศิลปกรรม โดยล่าสุดมีอีกประเด็นที่ อาจารย์คณะศิลปกรรม โพสท์เฟซบุคท้าทายไปยัง "เนติวิทย์" ว่า "เก่งจริงซิ่วเข้ามาศิลปกรรมดิ แล้วจะได้รู้ว่าในหัวเอ็งมีแต่ขยะ กร๊วกเอ้ยกร๊วก"
ล่าสุดเนติวิทย์โต้กลับด้วยโพสท์นี้ แถมแฉอีกว่าเหตุใดนิสิตหลายๆคนอยากเปลี่ยนแปลงแต่ไปติดที่ตอบางอย่าง โดยระบุว่า
ท่านอาจารย์แห่งคณะสินกัม ซึ่งได้โพสข้อความอันน่าสนใจ ตอนนี้โพส นั้นของท่านเราไม่สามารถเข้าถึงได้อีกแล้ว ใครมาไม่ทันให้ดูโพสข้างล่างของผม ชาวเฟซบุ๊กได้เข้าไปร่วมแสดงความเห็นในโพสนั้นเป็นร้อย ไม่รู้ลบไปหรือตั้งค่าเฉพาะเพื่อน ท่านจะโพสในเฟซท่านว่าอย่างไรต่อหนอสรุปว่า แมวพิมพ์หรือเปล่า
ยังไงก็ดี จากกรณีนี้น่าจะทำให้เราเห็นภาพรวมที่กว้างกว่าไปมองที่ตัวนิสิต นั่นคือ อาจารย์นี่แหละตัวค้ำจุนระบบโซตัส จากการที่ผมได้ไปพูดคุยทั้งทางตรงกับในเฟซของคณะต่างๆในจุฬาฯ หลายคณะที่ยังมีการเคร่งครัดระเบียบอาวุโสหรือยังมีระบบกดดันน้องใหม่นั้น เขาไม่ได้อยากจะทำเลย เขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่อยากจะได้อะไรใหม่จริงๆ แต่อาจารย์บอกว่ายังอยากให้มี เหมือนสมัยที่อาจารย์ยังมีอยู่ อาจารย์จะไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆ เรื่องห้องประชุมจะขอยาก งบประมาณอาจจะถูกตัด ถ้าไม่ทำตามที่อาจารย์เสนอ นิสิตก็ไม่กล้าแย้ง อันนี้หลายคณะสารภาพว่า อุปสรรคการเปลียนแปลงมันอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่เขา
ผมก็เห็นใจ แต่นั่นแหละครับ ถ้าเราผู้จัดกิจกรรมคิดถึงรุ่นน้องอย่างมีโลกที่กว้าง เราจะเห็นว่าการเชื่อฟังครูอาจารย์แบบนั้นเป็นการบ่อนทำลายทั้งตัวเราเองที่ยินยอมเชื่ออะไรที่ตนเองก็รู้ว่ามันรุนแรงมันกดขี่ความเป็นมนุษย์ ทำลายน้องทั้งที่เรารู้ว่าระบบแบบนี้มันไม่เวิร์คกับเด็กรุ่นใหม่ ทำลายทั้งความคิดสร้างสรรค์ของเราและของคณะอีกด้วย ถ้ารู้แล้ว เราก็ต้องกล้าพูด ถ้าไม่กล้าพูด ก็ส่งเรื่องมาที่ผมก็ได้แล้วเรามาพูดพร้อมๆกันก็ได้ เราต้องช่วยกันเปล่งเสียงว่า เราไม่โอเคแล้วกับระบบนี้ โลกของคนรุ่นใหม่จะไม่เอาตามแบบนี้แล้ว ผมว่าเราทำได้ถ้าเรากล้าที่จะเริ่ม ปัญหาของประเทศเราที่เป็นทุกวันนี้ ไม่ว่าจะการเมืองหรือการศึกษาส่วนหนึ่งเพราะเรากลัว ถ้าเราคิดว่าตนเป็นบุคคลที่ได้รับการศึกษาดีแล้ว และมีความรับผิดชอบแล้ว การพิสูจน์อย่างหนึ่งก็คือการกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตนเชื่อในสิ่งที่มีความหมายกับตนเองและคนอื่นๆออกมา
สภานิสิตจุฬาฯ ทำอะไรได้บ้างไหม? ตัวคำประกาศสิทธิการรับน้อง จะกระจายไปให้นิสิตใหม่ทุกคน และนิสิตใหม่ทุกคนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองซึ่งเป็นสิทธิที่พึงมี และนิสิตใหม่เองก็ต้องรู้ว่า ปัญหาของการรับน้องรุนแรงเป็นปัญหาที่เรื้อรังไม่เปลี่ยนในหลายแห่งก็เพราะความกลัว มันไม่แค่เรื่องนี้แต่อีกหลายเรื่อง พวกคุณต้องกล้าที่จะท้าทายความไม่ถูกต้อง การกดขี่พวกคุณ โรงเรียนทำให้คุณกลัวครู คุณชอบไหม มันกดคุณใช่ไหม เหมือนรุ่นพี่ที่จัดกิจกรรมถูกสะกดให้กลัวแม้จะจบมัธยมมาแล้ว คุณต้องไม่กลัวอีก กับรุ่นพี่และคนที่ไร้เหตุผลไม่ว่าเขาจะมียศเป็นอะไร มันมีทางเดียวทางนี้เท่านั้นที่ยั่งยืน
และไม่ว่าที่ไหนๆก็ตามผมเน้นย้ำอีกที จะในจุฬาฯหรือมหาลัยอื่นๆ
ถ้าไม่กล้าจะพูด ผมว่าโอกาสตอนนี้แหละที่ควรจะพูด
ผมพร้อมยินดีช่วยถ้าสามารถทำอะไรได้บ้าง
คนรุ่นใหม่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆได้ก็ต่อเมื่อเรากล้าที่จะเป็นคนรุ่นใหม่จริงๆ