“ทุเรียนเมืองนนท์” โดยเฉพาะพันธุ์พานพาสี เริ่มออกผลผลิตสู่มือผู้บริโภคเรียบร้อย ซึ่งทีมข่าวสปริงนิวส์จะพาไปซึมซับบรรยากาศที่สวนทุเรียนนนท์

“ทุเรียนพันธุ์ก้านยาว” ต้นเล็ก อายุประมาณ 2 วัน ที่ปลูกไว้กลางสวนทุเรียน “ลุงรักษ์” ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยเป็น 1 ในต้นที่ลุงรักษ์ประเมินว่า อีก 4-5 ปีข้างหน้า เมื่อออกผลผลิตจะสร้างรายได้หลักหมื่นให้กับครอบครัว

ลุงรักษ์ เล่าว่า ลักษณะการปลูกทุเรียนของสวนลุงรักษ์ จะมีการปลูกหลากหลายสายพันธุ์ โดยทุเรียนต้นใหญ่ที่ออกดอกออกผล เป็นผลผลิตที่คุณลุงได้เริ่มปลูกไว้ในช่วงปี 2555 หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ และพันธุ์ที่เพิ่งสร้างรายได้ในช่วงปีที่ผ่านมา และปีนี้ คือ ผลผลิตจากสายพันธุ์พาสี

นอกจากนี้ ลุงรักษ์ยังเล่าอย่างอารมณ์ดีในขณะที่กำลังรดน้ำทุเรียนพันธุ์พานพาสีว่า นับเวลาถอยหลังอีกไม่กี่วัน ทุเรียนบนต้นนี้ก็จะส่งถึงมือเจ้าของ โดยปัจจุบันราคาขายสำหรับทุเรียนพันธุ์พานพาสีจะอยู่ที่ 3,000 บาท/ 1 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ลักษณะของทุเรียนสายพันธุ์นี้ จะรู้จักกันดีในชื่อว่า “ทุเรียนเม็ดในยายปราง” ซึ่งเป็นพันธุ์เบา ติดผลง่าย พุ่มเล็ก ผลกลมขนาดเล็ก ทรงผลมักบิดงอ ปลายผลป้าน หนามสั้นเล็กแหลม เปลือกผลบาง เมล็ดลีบ เนื้อสุกเป็นสีเหลืองเข้ม หนาละเอียด รสหวานมัน ผลโตเต็มที่จะอยู่ประมาณ 1-2 กิโลกรัม ซึ่งแต่ละปีผลผลิตจะออกไม่มาก อย่างสวนของคุณลุงปลูกไว้ 10 ไร่ แต่ปีนี้ให้ผลผลิตเพียงแค่ 2-3 ต้นเท่านั้น

“ลุงรักษ์” ยังไขข้องใจระหว่างที่พาเดินชมสวนทุเรียน ซึ่งภายในสวนจะมีการปลูกพืชชนิดอื่นเสริมด้วย ซึ่งมีทั้งต้นกล้วยและต้นไผ่ ให้บรรยากาศที่ร่มเย็น โดยลุงรักษ์อธิบายว่า ทุเรียนเป็นผลไม้อีกชนิดที่ไม่ชอบอากาศร้อน ดังนั้น ต้นไม้ใหญ่จึงถือเป็นส่วนสำคัญที่ชาวนนทบุรีกว่า 160 คน จะมีการปลูกต้นไม้เหล่านี้ด้วยเสมอ

สำหรับใครที่สนใจอยากจะรับประทานทุเรียนนนท์ ในราคาเริ่มต้นที่หลักพัน ต้องเข้าไปติดต่อที่สวนโดยตรง และต้องจองล่วงหน้ากันเป็นปี เพราะผลผลิตออกน้อย อย่างก่อนที่ทีมข่าวจะเดินทางมาถึงที่สวน คุณลุงก็เก็บผลผลิตขายได้ 6 ลูก ราคาลูกละ 3,000 บาท และให้ค่านายหน้าสำหรับผู้ที่พาลูกค้ามา 1,000 บาท