โลกใบนี้จะมีแผ่นดินไหวได้ขนาดใหญ่สุดประมาณไหน
มีบางคำถามที่ค้างคาใจกันมานาน มาดูกันว่า แผ่นดินไหวขนาดใหญ่สุดที่จะเกิดบนโลกใบนี้ได้ มันประมาณไหน
ชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์ (Charles Francis Richter) ผู้ให้กำเนิดวิธีวัดขนาดแผ่นดินไหว ไม่ได้จำกัดแมกนิจูดบนสุดไว้ นั่นหมายถึงในทางทฤษฏีแล้วขนาดของแผ่นดินไหวนั้นสามารถใหญ่ขึ้นไปได้เรื่อยๆได้ไม่สิ้นสุด
แต่ความจริงมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียทีเดียว ในขณะที่แมกนิจูดเล็กสุดนั้นอาจมีค่าเป็นลบ (มาตราวัดขนาเแผ่นดินไหวจริงๆเป็นค่าลอการิทึมฐานสิบของความยาวตามแกนตั้ง นั่นหมายถึงหากแขนของเครื่องวัดแผ่นดินไหวขยับไปเพียงสั้นๆยกตัวอย่าง 0.1 หน่วยสำหรับแผ่นดินไหวที่เหล็กมากๆ เราก็จะได้แมกนิจูดของแผ่นดินไหวครั้งนั้นออกมาเป็นค่า Log10 ของ 0.1 ซึ่งได้ดท่ากับ -1
แต่ในทางด้านแมกนิจูดใหญ่สุดนั้นจะต่างออกไป แล้วมันจะใหญ่ไปได้สุดเพียงไหนนั่นคือคำถาม
เอาที่เคยเกิดขึ้นจริงๆก่อน นั่นคือเหตุการณ์ 1960 Valdivia earthquake ซึ่งครั้งนั้นเกิดแผ่นดินไหวแมกนิจูด 9.5 ขึ้นมาในประเทศชิลี ตรงกับวันที่ 22 พ.ค.2503 ครั้งนั้นนอกจากมีผูคนล้มตายจำนวนหลายพัน ยังก่อสึนามิข้ามมหาสมุทรแปซิฟิคมาฆ่าคนถึงประเทศญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์อีกด้วย
เรื่องนั้นคือเรื่องที่เกิดจริง แต่หากถามถึงแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่านั้นก็ต้องเข้าไปสู่ฝั่งทฤษฏี ซึ่งระบุไว้ว่า ขนาดของแผ่นดินไหวนั้นจะใหญ่ได้แค่ไหนก็แปรผันไปตามความยาวของรอยเลื่อน รอยเลื่อนขนาดสั้นๆ ก็ก่อแผ่นดินไหวได้ขนาดเล็ก รอยเลื่อนที่ยาวขึ้นก็ก่อแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้น แต่ความยาวบนโลกนี้จำกัดด้วยขนาดของตัวโลกเอง นั่นหมายถึงโลกใบนี้ไม่อาจก่อแผ่นดินไหวได้เกินแมกนิจูด 12.0 ได้ เพราะรอยเลื่อนที่จะให้กำเนิดแผ่นดินไหวแมกนิจูดนี้จะมีความยาวกว่าโลกเรา ซึ่งเป็นไปไม่ได้
แต่ถ้าไม่ใช่จากรอยเลื่อน สิ่งที่จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่กว่า 12 อาจเป็นไปได้ แต่อาจต้องมาจากปัจจัยนอกโลก อ้างอิงตามผลการวิจัยของศาสตราจาย์สตีเฟน เอ.เนลสัน (Prof. Stephen A. Nelson) จากมหาวิยาลัย Tulane University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยส์เซียน่า หนทางที่จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวแมกนิจูด 13 น่าจะมาจากการเข้าชนของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่กว่า 1 กิโลเมตรขึ้นไป และในแผ่นดินไหวที่ใหญ่ขนาดนี้ ผิวโลกจะเด้งเหมือนแทรมโพลีน อาคารสิ่งก่อสร้างจะเด้งขึ้นไปในอากาศ เรียกว่าแรงเกินจินตนาการ
โชคดีที่ดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เบอร์นี้ ไม่ได้เกิดบ่อยๆ กล่าวคือจะมาเยือนโลกทุก 1 ล้านปีต่อครั้ง
เคดิตภาพ kevin o’keefe จาก Getty Image
เรียบเรียงโดย @MrVop