10 อันดับ ตุ๊กตาผีสิง สุดสยอง

10 อันดับ ตุ๊กตาผีสิงสุดสยอง ขอบอกเลยว่า แต่ละตัวชวนหลอนอย่างแน่นอน และบางตัว ยังเป็นต้นแบบที่ถูกนำไป
สร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย หวังว่าจะหลอน ถูกใจนะฮะ

อับดับ 10 คริสติน่า ตุ๊กตาผู้รักสงบ
      คริสติน่า ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 และมันถูกวางขายในร้านขายของเก่า ชื่อร้าน Red Barn ในเมืองเจฟเฟอสัน รัฐเทกซัส เรื่องของคริสติน่า เริ่มจาก Shana St. German เธอซื้อมันมาจากเจ้าของเดิมในอีเบย์ฮะ ผู้ซึ่งเขียนจดหมายมาขอบคุณ ที่ช่วยให้คริสติน่าได้บ้านหลังใหม่ฮะ พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า เธอได้คริสติน่า มาจากร้านขายของเก่า และมอบมันให้กับจัสมิน ลูกสาววัย 6 ขวบของเธอฮะ และเด็กหญิงก็ตั้งชื่อให้มันว่า "คริสติน่า" จัสมินชอบตุ๊กตาตัวใหม่ของเธอมากฮะ เธอใช้ชีวิตประจำวันกับคริสติน่า และพามันไปโรงเรียนด้วย แต่สุดท้ายลูกสาวก็บอกกับเธอว่า คริสติน่าเบื่อที่จะต้องไปโรงเรียนแล้ว จนครั้งหนึ่ง เพื่อนสนิทของลูกสาว ทำเท้าของคริสติน่าหัก จัสมินเสียใจมากฮะ และยืนยันว่าจะต้องจัดงานศพฝังเท้า โดยลูกสาวบอกว่า นี่เป็นความต้องการของคริสติน่า เธอคิดว่าเป็นแค่จินตนาการของเด็กเท่านั้นฮะ จนกลางดึกคืนหนึ่งลูกสาวของเธอร้องไห้ และบอกเธอว่า คริสติน่ารู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะโดนมดรุมกัดเท้าและเมื่อเธอไปขุดเท้าที่ฝังไว้ขึ้นมาก็พบว่ามีมดรุมอยู่ที่เท้าของคริสติน่าจริง ๆ ซึ่งมันเกินกว่าที่จินตนาการของเด็กวัยหกขวบจะคิดได้แล้วฮะ ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจ แอบนำคริสติน่าเก็บใส่หีบ ล็อกกุญแจ แล้วไว้ที่ห้องใต้หลังคา และบอกกับลูกสาวว่า คริสติน่าเดินทางไปหาครอบครัวที่อังกฤษ จากนั้นจนเธอย้ายบ้าน จึงได้นำคริสติน่าออกมาขายทางอีเบย์ กระทั่งมันถูกซื้อไปในที่สุด หลังจาก Shana ได้มันมาครอบครองแล้ว เธอก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ บางวันที่กลับบ้านมา เธอสังเกตว่าเท้าของคริสติน่า ห้อยออกมานอกเก้าอี้โยกตัวเล็ก ๆ ทั้งที่ก่อนออกจากบ้านมันไม่ได้อยู่ในท่าทางนั้น คริสติน่าไม่ชอบโดนถ่ายรูป โดยกล้องของเธอจะติด ๆดับ ๆ แทบทุกครั้งที่พยายามถ่าย บางครั้งเธอรู้สึกเหมือนเห็นมันโบกมือให้ ก่อนที่เธอจะไปทำงานฮะ หรือยามที่เธอหวีผมให้มันฮะ พอวันรุ่งขึ้น ผมของคริสติน่าก็จะกลับไปยุ่งเหยิงเหมือนเดิมเหมือนกับว่ามันพอใจให้ผมของมันเป็นแบบนี้ฮะ แต่ถึงอย่างนั้น Shana กลับมีความสุขกับมัน และคิดว่าคริสติน่าก็คงมีความสุขด้วยเช่นกันฮะ

อันดับ 9 เมอร์ซี่ ตุ๊กตาผีสิง
    เมอร์ซี่เป็นตุ๊กตาอีกหนึ่งตัวที่ถูกขายและซื้อต่อกันทางอินเทอร์เน็ตฮะ เชอร์รี คุนน์ เจ้าของคนล่าสุด ไม่ได้ตั้งใจว่าจะต้องเห็นมันแสดงความเฮี้ยน แค่สุ่มซื้อมาเพื่อหวังจะลองพิสูจน์ว่ามีผีสิงจริงหรือเปล่าฮะ การท้าพิสูจน์ของเธอ ทำให้เธอคิดว่า ตุ๊กตาตัวนี้อาจมีวิญญาณชั่วร้ายสิงอยู่ เธอเริ่มพิสูจน์ด้วยการถ่ายรูปมัน ด้วยกล้องจับพลังงานฮะ และเมื่อล้างฟิล์มออกมา เธอก็ต้องตะลึ่ง เธอเห็นพลังงานเป็นแสงบางอย่างออกมาจากตัวของเมอร์ซี่ฮะ และในคืนนั้น วิทยุที่อยู่ในห้องของเธอ ก็เกิดเปลี่ยนสถานีได้เองฮะ สองวันหลังจากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมา เพราะว่าเมอร์ซี่ร่วงลงจากชั้นที่วางอยู่ แต่ก็ต้องขนลุกเมื่อพบว่า แทนที่มันจะนอนล้มอยู่ที่พื้น แต่เมอร์ซี่กลับหล่นลงมาในท่ายืนสองขาฮะ หลังจากนั้นเธอจึงเชื่อว่า ตุ๊กตาตัวนี้จะต้องมีพลังงานลึกลับอะไรบางอย่างแฝงอยู่แน่ ๆ

อันดับที่ 8 เอมิเลีย ตุ๊กตาพูดได้
    เอมิเลีย มีอายุกว่าร้อยปี มันเป็นตุ๊กตาที่กษัตริย์อัมเบอร์โต แห่งอิตาลี ได้มอบให้กับอัลวาโด เบลลินา นายทหารผู้ซื่อสัตย์ และเป็นสหายที่ดีที่สุดฮะ แต่สุดท้าย ทั้งสองก็จบชีวิตลง ด้วยการสังหารเพื่อล้มบัลลังก์ฮะ ตุ๊กตาตัวนี้ จึงตกเป็นของมารี ลูกสาวของอัลวาโด ซึ่งเธอได้ตั้งชื่อให้มันว่า เอมิเลีย มารีผูกพันกับเอมิเลียมากฮะ ในช่วงสงครามโลก เอมิเลียสูญเสียแขนทั้งสองข้าง หนังศีรษะ และเส้นผมบางส่วนก็หายไปจากแรงระเบิดด้วยฮะ แต่มันก็ยังเป็นเพื่อนรักของมารีเสมอฮะ เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยหากได้อยู่กับตุ๊กตาสุดรักของเธอ ผู้ร่วมหลุมหลบภัยช่วงหนีสงครามกับมารีเล่าว่า เขาเห็นตุ๊กตาส่งยิ้มมาให้ ขณะที่มันอยู่บนตักของเธอ ส่วนมารีเองก็บอกว่า เมื่อตอนที่มันยังมีแขน เอมิเลียกะพริบตาให้เธอ และมือของมันก็ขยับเองได้ด้วยฮะ และเธอยังเคยได้ยิน เอมิเลียพูดออกมาว่า "มันไม่ดีเลยนะ" เพราะเอมิเลีย มีกล่องที่ทำให้ส่งเสียงได้ติดอยู่ แต่มันก็พังไปตั้งนานแล้ว แต่มารีก็รู้สึกยินดีที่เอมิเลียพูดด้วยฮะ แม้หลายครั้ง เธอจะฟังไม่ออกว่ามันพูดว่าอะไร มารีรู้สึกผูกพันกับตุ๊กตาตัวนี้มาก ถึงขนาดตั้งชื่อลูกสาวของเธอว่า "เอมิเลีย" ตามตุ๊กตา ปัจจุบันมารีเสียชีวิตลงแล้ว และเอมิเลียตกอยู่ภายใต้การดูแลของลูกสาวของเธอ ซึ่งเธอบอกว่า ยังคงได้ยินเสียงสะอื้นดังมาจากเอมิเลีย ราวกับว่ามันกำลังคิดถึงเจ้าของเดิมของมันฮะ

อันดับ 7 ตุ๊กตาอลิซ ผู้หลอกหลอน
    อลิซ เป็นตุ๊กตาพอซเลนตัวสวยของมารี ฟอร์ด เธออาศัยอยู่ในรัฐวอชิงตัน อเมริกาฮะ หลานของเจ้าของเดิมบอกว่า มันเป็นตุ๊กตาที่มีวิญญาณเพื่อนสนิทของคุณย่าสิงอยู่ และนั่นเป็นที่มาของชื่ออลิซฮะ มันถูกเก็บอยู่ในกล่องเก็บตุ๊กตา ล็อกกุญแจไว้อย่างดี โดยไม่อาจรู้ได้ว่า เหตุผลใดจึงต้องนำตุ๊กตาตัวนี้ไปเก็บไว้มิดชิดขนาดนั้น แต่เมื่อนำมันออกมาตั้งโชว์อีกครั้ง ความหลอนก็เริ่มต้นขึ้นฮะ มารีรู้สึกว่า ถูกอลิซมองตามอยู่ตลอดเวลา และหากมันไม่ชอบใจใครขึ้นมาละก็ สีหน้าของตุ๊กตาตัวนี้จะเปลี่ยนไปฮะ แต่ที่สยองที่สุด เมื่อลองนำหูไปแนบไว้ใกล้ ๆ ริมฝีปากของมัน จะได้ยินเสียงกระซิบที่เย็นยะเยือกตอบกลับมา และประโยคที่เลวร้ายและหลอนจับใจจากอลิซนั้นก็คือ "ฉันอยากอยู่โดดเดี่ยวและทรมานอย่างนี้ต่อไป"

อันดับที่ 6 ฮะ ปูป้า ตุ๊กตาที่มีเส้นผมของคนจริง ๆ
    สำหรับนักทำตุ๊กตาแล้ว การสร้างตุ๊กตาออกมาให้เหมือนคนจริง ๆ นับเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งฮะ เช่นเดียวกับ "ปูป้า" ตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ทำจากผ้าสักหลาด มันมีผมสีบลอนด์เข้มฮะซึ่งเป็นผมของคนจริง ๆ ที่ช่างทำตุ๊กตาซื้อมาสำหรับการนี้โดยเฉพาะ แต่นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของตำนานตุ๊กตาผีสิงตัวนี้เท่านั้นเองฮะ เจ้าของเดิมของ ปูป้าเป็นเด็กหญิงชาวอิตาเลียนอายุราว 5-6 ขวบฮะ เธอได้ครอบครองมัน เมื่อราวปี 1920 และอยู่ผูกพันกับมันจนกระทั่งเธอเสียชีวิต เมื่อเดือนกรกฎาคม 2005 ก่อนหน้านั้นเธอเล่าให้หลาน ๆ ฟังว่า ปูป้า เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ และเคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ด้วยฮะ หลังจากเจ้าของคนเดิมล่วงลับแล้ว ปูป้าถูกเก็บไว้ในกล่องกระจกใส แล้วคนที่เหลือในครอบครัวก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นฮะ หลังจากที่มันสูญเสียเจ้าของไป ดูเหมือนมันจะค่อย ๆ มีชีวิต และเหมือนอยากจะออกมาจากที่ที่มันถูกเก็บเอาไว้เลยฮะ หลายครั้งที่คนในบ้าน รู้สึกได้ยินเสียงเคาะกระจกเบา ๆ และสังเกตเห็นสีหน้าหรือแม้กระทั่งท่าทางของมันที่เปลี่ยนไป ทั้ง ๆ ที่มันถูกเก็บเอาไว้ในกล่องโชว์ ไม่มีใครไปจับเลยฮะ

อันดับ 5 แฮโรลด์ ตุ๊กตาผีสิงตัวแรกที่ถูกขายในอีเบย์
    เรื่องของ แฮโรลด์ ไม่ใช่ตำนานเก่าแก่ แต่มันเป็นที่รู้จักโด่งดังในฐานะตุ๊กตาผีสิงตัวแรก ที่ถูกขายทางอีเบย์ฮะ ซึ่งถูกขายโดยชายที่ชื่อเกร็ก ในปี 2003 เชื่อกันว่า ฮาโรลด์ถูกสร้างขึ้นมาราวปี 1930 มันเคยถูกใช้ในการถ่ายหนังสั้นเรื่องหนึ่ง ซึ่งมีคนเห็นว่า มันค่อย ๆ ขยับตัวเองได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครไปสัมผัสมัน จากนั้นแฮโรลด์ก็ถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อย ๆฮะ ทุกคนที่ครอบครองมันล้วนแต่พูดถึง เสียงประหลาด ๆ ที่ได้ยิน ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองทั้ง ๆ ที่ในห้องไม่มีใคร นอกจากแฮโรลด์ ดูเหมือนมันจะขยับเปลี่ยนท่าทางได้เอง การแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเรื่องความเจ็บป่วยที่ประดังเข้ามาเมื่อได้เป็นเจ้าของแฮโรลด์ เรื่องราวแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ข้องเกี่ยวกับแฮโรลด์กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างในโลกอินเทอร์เน็ตฮะ โดยเจ้าของรายล่าสุดของแฮโรลด์ ชื่อ แอนโธนี ควินาตา ผู้ซื้อมันมาได้จากอีเบย์ในปี 2004 ยังคงครอบครองมันมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยความพยายามที่จะพิสูจน์ว่า แฮโรลด์มีอาถรรพ์อย่างที่ใคร ๆ ร่ำลือเอาไว้จริงหรือไม่ แม้จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ก็มีรายงานจากทีมนักพิสูจน์เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ที่แอนโธนีได้เชิญไปพิสูจน์เกี่ยวกับแฮโรลด์ ซึ่งผู้นำทีมพิสูจน์จู่ ๆ ก็เกิดป่วยขึ้นมา จนในที่สุดก็ต้องระงับการพิสูจน์เรื่องตุ๊กตาผีแฮโรลด์ไป และแอนโธนีเองก็เริ่มสัมผัสได้ถึงอะไรแปลก ๆ บางอย่าง เขาเขียนเล่าในบล็อกของตัวเองว่า รู้สึกเหมือนเห็นแฮโรลด์ขยับตัวได้และได้ยินเสียงสะอื้นของเด็กทารกด้วยฮะ

อันดับ 4 ตุ๊กตาวูดู
    ตุ๊กตาวูดู คำสาปที่ตามหลอกหลอน อย่าเพิ่งคิดว่าเป็นเรื่องเล่น ๆนะฮะ หากว่ายังไม่ได้ฟังเรื่องตุ๊กตาวูดู ที่หญิงรายหนึ่งจากเมือง กาลเวสตัน รัฐเทกซัส ที่ซื้อมันผ่านทางอีเบย์ เมื่อปี 2004 ตุ๊กตาวูดูถูกส่งมาเรียบร้อยอยู่ภายในกล่องโลหะสีเงิน ลักษณะคล้ายโลงศพเล็ก ๆฮะ ถ้าเพียงแต่เธอไม่เปิดโลงและหยิบมันออกมาละก็ เรื่องราวหลอกหลอนเหล่านี้ ก็คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆฮะ จากความตั้งใจที่จะลองของ เก็บประสบการณ์มาเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการซื้อขายผีผ่านทางอีเบย์ หญิงรายนี้กลับต้องเสียสติ เมื่อเธอบอกว่า วูดูตัวดังกล่าว ตามหลอกหลอนเธอตลอด เธอพยายามนำมันไปเผา แต่มันก็ไม่ไหม้ไฟ จะทำลายด้วยกรรไกรหรือมีดก็ไม่เป็นผล จึงได้ตัดสินใจ นำไปฝังไว้ที่สุสาน แต่มันกลับมานอนอยู่หน้าประตูบ้าน ในสภาพตัวเลอะดิน เธอนำมันออกขายทางอีเบย์อีกครั้งฮะ แต่ผู้ที่ซื้อมันบอกว่า จู่ ๆ ตุ๊กตาก็หายไปฮะ ซึ่งมันกลับมาอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธออีกครั้ง หรือแม้กระทั้งผู้ซื้อรายที่สามบอกว่า พัสดุที่ได้รับนั้น เป็นกล่องเปล่า และนั่นมันก็ถูกพบอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเธออีกเหมือนเคย ไม่ว่าจะหาทางกำจัดตุ๊กตาวูดูตัวนี้ออกไปจากชีวิตยังไง เธอก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเลยฮะ สุดท้ายหญิงรายนี้ ได้นำมันไว้ในกล่องตามเดิม แล้วเก็บไว้ที่ห้องใต้หลังคา หวังเพียงเมื่อเธอขายบ้านหลังนี้ เธอคงจะหลุดพ้นจากการตามหลอกหลอนของตุ๊กตาวูดูตัวนี้ได้เสียทีฮะ

อันดับ 3 แมนดี้ ตุ๊กตาเด็กหน้าร้าว
    แมนดี้ ถูกมอบให้กับพิพิธภัณฑ์เควสเนล ในบริติชโคลอมเบีย ประเทศแคนาดา ตั้งแต่ปี 1991 โด เมเรียนดา ผู้เป็นเจ้าของคนเก่าฮะ สภาพของมันมีเสื้อผ้าขาดวิ่นเก่าสกปรก ตามตัวมีรอยหักชำรุด โดยเฉพาะส่วนใบหน้าที่แตกร่อนออกมา ตอนนั้นมันมีอายุราว 90 ปีแล้วฮะ และนั่นอาจทำให้มันดูไม่ต่างจากตุ๊กตาโบราณเก่าคร่ำครึทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ แมนดี้ แตกต่างออกไปก็คือ เธอดูคล้ายจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ประหลาด ๆ อยู่เสมอ เมเรียนดาบอกว่า เธอมักได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้ตอนกลางดึกจากชั้นใต้ดินอยู่บ่อยครั้งฮะ เมื่อลงไปสำรวจก็พบว่าหน้าต่างระบายอากาศ บานที่อยู่ติดกับแมนดี้เปิดอ้าออก ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอจำได้ว่าปิดเรียบร้อยแล้วฮะ แต่หลังจากที่มอบมันให้กับพิพิธภัณฑ์ เหตุการณ์นี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลยฮะ ทว่าความแปลกประหลาดกลับมาเกิดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์แทน เมื่ออาหารบางส่วนหายไปจากตู้เย็น แล้วไปพบว่ามันถูกซุกอยู่ในลิ้นชัก ข้าวของเคลื่อนย้ายหายไปจากที่เดิม บางชิ้นก็หาเจอ บางชิ้นดูคล้ายจะหายสาบสูญไป ส่วนตุ๊กตาแมนดี้เอง ที่เคยถูกวางอยู่ทางเดินด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ที่ซึ่งปะทะกับทุก ๆ สายตาของผู้มาเยี่ยมชม ก็ถูกย้ายเข้ามาในห้อง แถมเก็บแยกจากตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ด้วยเหตุผล
ว่า "ไม่อยากให้มันทำอันตรายตุ๊กตาตัวอื่น ๆ" นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมที่พยายามถ่ายภาพของแมนดี้ กล้องของเขาจะดับ ๆ ติด ๆ จนแทบไม่สามารถบันทึกภาพเธอได้เลยฮะ นอกจากนี้ ยังรู้สึกเหมือนมีสายตาคอยจับจ้องตามตลอดทุกฝีก้าวอีกด้วยฮะ แม้ในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่จะเริ่มคุ้นชินกับความรู้สึกประหลาด ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว แต่หากเป็นไปได้ ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนอยากจะออกจากพิพิธภัณฑ์เป็นคนสุดท้ายแน่ๆฮะ

อันดับ 2 แอนนาเบล ตุ๊กตาปิศาจ สู่ภาพยนตร์ The Conjuring
    จากภาพยนตร์หลอนประสาทอย่าง The Conjuring ตุ๊กตาแอนนาเบลได้เข้าไปมีส่วนในการสร้างความเขย่าขวัญเป็นอย่างมาก และมันมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงปี1970 เมื่อคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้ซื้อตุ๊กตาเย็บจากผ้า ให้เป็นของขวัญวันเกิดให้กับ ดอนน่า ลูกสาวนักศึกษาวิชาพยาบาล ดอนน่าวางตุ๊กตาตัวนี้ไว้บนเตียง แต่แล้วเธอกับรูมเมทก็เริ่มสังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ เมื่อพบว่า แอนนาเบล มักเปลี่ยนท่าทางไปจากเดิมที่เคยเห็นทุกครั้งฮะ และเริ่มหนักข้อขึ้น เมื่อเธอพบว่ามันไปนอนอยู่บนเตียง ทั้ง ๆ ที่ก่อนออกไปเรียนเธอวางมันไว้นอกห้องนอน และปิดประตูไว้ ดอนน่าและรูมเมท ตัดสินใจใช้คนทรงช่วยสืบหาความเป็นมาของตุ๊กตาตัวนี้ จึงได้คำตอบว่า มันถูกเข้าสิงโดยวิญญาณของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่ตายลงในพื้นที่นี้ ก่อนที่อพาร์ทเม้นท์จะถูกสร้างขึ้น และวิญญาณของเธอก็อยากอยู่กับดอนน่าฮะ เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ดอนน่าก็รู้สึกผูกพันกับตุ๊กตาตัวนี้ และยังคงเก็บมันไว้ แต่เหตุการณ์แปลก ๆ ก็ยังคงเกิดขึ้น วันหนึ่งเพื่อนที่มาพักกับเธอ ก็ถูกจู่โจมโดยอะไรบางอย่าง จนเกิดรอยแผลที่หน้าอก คล้ายนิ้วมือเล็ก ๆ คราวนี้ดอนน่าจึงไปขอความช่วยเหลือ จากนายและนางวอร์เรน ผู้เชี่ยวชาญในการสืบเสาะเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ และก็ได้คำตอบเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ที่แตกต่างไปจากเดิม มันไม่ได้ถูกสิงด้วยวิญญาณเด็กผู้หญิงฮะ แต่เป็นปิศาจ ที่พยายามอาศัยร่างของตุ๊กตา และเข้าครอบครองร่างของคนในที่สุด นายและนางวอร์เรนได้แนะนำให้ดอนน่าล้างความชั่วร้ายออกไปจากอพาร์ทเม้นนี้ จึงได้เชิญหลวงพ่อมาทำพิธี และดอนน่าก็ได้มอบตุ๊กตาแอนนาเบลให้คนทั้งสองช่วยรับไปดูแลแทน แต่แอนนาเบลก็ไม่วายแผลงฤทธิ์ให้คู่สามีภรรยา เกือบเอาชีวิตไม่รอด จนต้องนำแอนนาเบลยัดใส่ถุง แล้วรดน้ำมนต์ จึงไปถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ ปัจจุบันนี้ แอนนาเบล ถูกเก็บเอาไว้ในตู้กระจกที่สร้างขึ้นพิเศษ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์รวมของแปลก เฮี้ยนหลอน ของนายและนางวอร์เรน อย่างน้อยก็ช่วยกันให้เธอไม่ออกมาเพ่นพ่านเองข้างนอกได้ แต่ความเฮี้ยนของเธอก็ยังคงอยู่ เมื่อมีผู้มาเที่ยวชมพูดจาลบหลู่ แต่แล้วหลังจากกลับออกไปได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็เกิดอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์คว่ำเสียชีวิตหนึ่งคน ส่วนอีกคนที่ซ้อนมาก็เจ็บหนัก และจนปัจจุบันนี้ ก็ยังมีรายงานว่า แอนนาเบลยังออกมาสร้างความสยองขวัญให้กับผู้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์อยู่เนือง ๆ

อันดับ 1 ตุ๊กตาผีสิงโรเบิร์ต
    ชื่อตุ๊กตาผีตัวนี้อาจไม่เป็นที่คุ้นหูเท่าไร แต่มันเป็นตำนานที่เกิดขึ้นจริง ของครอบครัวออตโต จากเกาะคีย์เวสต์ รัฐฟลอริดา เมื่อพี่เลี้ยงของเด็กชายโรเบิร์ต ยูจีน ออตโต ได้มอบตุ๊กตาสูงสามฟุตตัวนี้ให้กับเขาในปี 1906 เด็กชายถูกชะตากับตุ๊กตาตัวนี้มากและตั้งชื่อมันว่า "โรเบิร์ต" เหมือนกับชื่อตัวเองเลยฮะ แต่หลาย ๆ คนก็บอกว่า พี่เลี้ยงคนนี้ ตั้งใจมอบตุ๊กตาตัวนี้พร้อมคำสาปให้กับเด็กชาย เพื่อแก้แค้นที่ครอบครัวนี้ ใช้งานเธออย่างทารุณ ยูจีนขลุกเล่นอยู่กับโรเบิร์ตตลอดเวลา แต่งตัวมันด้วยเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ แต่แล้วก็มีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น ตั้งแต่เด็กชายเริ่มพูดคุยกับตุ๊กตาฮะ ทั้งยังมีเสียงตอบกลับการพูดคุยด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยซึ่งไม่ใช่เสียงของเขาโดยสิ้นเชิง ข้าวของในบ้านเริ่มหายไปจากที่ที่มันอยู่ หรือบ้างก็แตกหักเสียหาย กลางดึกบางคืนนายและนางออตโตตื่นขึ้นเพราะเสียงกรีดร้องของลูกชายฮะ เมื่อรีบเข้าไปในห้อง ก็พบว่า ข้าวห้องในห้องล้มกระจาย เด็กชายอยู่บนเตียงด้วยท่าทีหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด และบอกพ่อกับแม่เขาว่า "โรเบิร์ตเป็นคนทำ" เพื่อนบ้านละแวกเดียวกัน ยังบอกว่า เวลาที่มองไปบนหน้าต่างบ้าน พวกเขาเห็นตุ๊กตาตัวนี้ เคลื่อนไหวจากหน้าต่างบานหนึ่งสู่อีกบานหนึ่งได้เอง แขกที่มาเยี่ยมบ้านก็สาบานว่าเขาเห็นมันพยักหน้าและกะพริบตาได้จริง ๆ หลังยูจีนเสียชีวิตลงในปี 1974 บ้านหลังนี้พร้อมกับตุ๊กตาโรเบิร์ตที่ถูกเก็บไว้ ในห้องใต้หลังคา ก็ตกเป็นของผู้ซื้อรายถัดมาฮะ และตุ๊กตาตัวดังกล่าวก็ตกเป็นของลูกสาววัย 10 ขวบ ของเจ้าของบ้านฮะ ที่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เจอเหตุการณ์เดียวกับที่ครอบครัวออตโต สาวน้อยกรีดร้องขึ้นมากลางดึก ข้าวของกระจัดกระจาย และเธอบอกว่าโรเบิร์ตพยายามจะฆ่าเธอ ปัจจุบันนี้โรเบิร์ตนั่งอยู่ใน ตู้แก้วที่พิพิธภัณฑ์ฟอร์ท อีสต์ มาร์เทลโล ที่คีย์เวสต์ คอยเฝ้ามองผู้ที่มาเข้าเยี่ยมชม แม้จะถูกเก็บเอาไว้ในตู้กระจก แต่มันก็ยังคงแสดงความเฮี้ยนให้เห็น หากมันพอใจที่จะถูกถ่ายภาพ โรเบิร์ตจะตอบรับด้วยการเอียงคอไปด้านข้าง แต่หากว่ามันไม่เต็มใจละก็ คุณจะได้รับคำสาปกลับไปเป็นของฝากแน่นอน นอกจากนี้ โรเบิร์ตยังเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์ตุ๊กตาผี ชัคกี้ ที่โด่งดังอีกด้วยฮะ