จุดเปลี่ยนหรือหลุมดำ ของ 6 เหตุการณ์ กับ top six
ลิเวอร์พูล : มกราคม วิปโยค /// การขาดมาเน่...ทำให้ฟอร์ม มาไม่แน่นอนเอาซะเลย
ลิเวอร์พูล เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างร้อนแรง (จมเกือบ...ลุ้นแชมป์) ....และเมื่อ...เข้าสู่ปี 2017 ด้วยอันดับที่ 2 ของตาราง
แต่แค่เดือนมกราคมเดือนเดียวอันดับของพวกเขาค่อย ๆ ร่วงลงมา
โดยที่พวกเขาไม่สามารถเก็บชัยชนะในเกมลีกได้เลยในเดือนนี้
ซึ่งส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้ "หงส์แดง" ช็อตไปดื้อ ๆ ในช่วงเดือนมกราคมก็คือ การไม่มี ซาดิโอ มาเน่ ที่กำลังฟอร์มร้อนแรงเพราะต้องไปเล่นศึก แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ และต้องเสียตัวปั้นเกมอย่างฟิลิปเป้ คูตินโญ่ จากอาการบาดเจ็บ (เอ๊ะ สรุปว่า ใครกันแน่ที่ขาดแล้วทีเป๋)
.......ทำให้เกิดคำถามว่า การสร้างทีมในฤดูกาลนี้ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นมีขนาดเล็กเกินไปสำหรับเวทีสุดหินอย่าง พรีเมียร์ลีก หรือเปล่า ? แน่นอนว่า กุนซือ....ก็ได้บทเรียนไปเต็มๆ และเชื่อว่าฤดูกาลหน้าเขาจะรอบคอบกว่านี้แน่นอน
สเปอร์ส : ไก่เดือยทอง อยู่ได้แม้ไร้ แฮร์รี่ เคน
แฮร์รี่ เคน เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่ทว่าในตอนนี้ สเปอร์ส แทบจะไม่ต้องกังวัลเมื่อขาดเขาไป เพราะแข้ง "ไก่เดือยทอง" ช่วยกันซัดไปถึง 17 ประตูตลอดเวลา 400 นาทีที่ไม่มี เคน อยู่ในสนาม ก่อนที่ ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ จะกลับมาในเกมถล่ม วัตฟอร์ด 4-0 เมื่อเดือนเมษายน...ประมาณว่าอยู่ได้ สบายแฮร์ เลยทีเดียว
ทีมไก่....ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีดีพอที่จะลุ้นแชมป์ ด้วยการเล่นกันเป็นระบบโดยไม่ต้องหวังเพิ่งนักเตะเพียงคนเดียว เกือบ 7 สัปดาห์ที่ เคน หายไป สเปอร์ส ชนะเกมลีก 2 นัด เสมออีก 3 นัด พร้อมฟอร์มกระฉูดของ นักเตะพลังโสม.. โดยสามารถเก็บชัยชนะสำคัญเหนือ แมนฯ ซิตี้ .ซึ่งทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นเกมแรกในการคุมทีมใน พรีเมียร์ลีก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เซลติก ผู้หยุดความร้อนแรงของ เรือใบ
มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นกับ แมนฯ ซิตี้ หลายครั้งในฤดูกาลนี้ แต่ที่ทำให้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป๋ไปแบบชัดเจนก็คือ การที่พวกกำเขากำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุด ๆ จากการเก็บชัยชนะใน 10 นัดแรกของฤดูกาลรวมทุกรายการ
ความร้อนแรงของ แมนฯ ซิตี้ มาต้องถูกหยุดโดย เซลติก ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เสมอกัน 3-3 (อยากจะส่งไมค์พร้อมถามว่า ทีมของใครนะ...) หลังจากนั้นดูเหมือนทีมอื่นจะจับทางของ "เรือใบสีฟ้า" ได้หมดแล้ว ซึ่งมันทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะไม่ได้เลย 6 เกมติดต่อกัน
โดยหนึ่งในนั้นเป็นการแพ้ สเปอร์ส 2-0 ถือเป็นการแพ้ในเกมลีกนัดแรกของ แมนฯ ซิตี้ และเป็นการพบกับความพ่ายแพ้เป็นเกมแรกในการคุมทีมในอังกฤษของ เป๊ป อีกด้วย
รวมไปถึงฟอร์มที่พุ่งขึ้นมาของ กาเบรียล เฆซุส ดาวยิงตัวใหม่ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ดันมาเจ็บจนต้องปิดเทอมยาว
เชลซี : แพ้ อาร์เซน่อล ทำให้ สิงห์บลูส์ ตื่นขึ้น
ย้อนกลับไปวันที่ 24 กันยายน 2016 ในเกมที่ เชลซี บุกไปโดน อาร์เซน่อล ถล่ม 0-3 ถือเป็นเกมที่เป็นจุดเปลี่ยนของ "สิงโตน้ำเงินคราม" อย่างแท้จริง(จน คอนเต้แทบจะขอยืมเพลงของโดม จารุวัฒน์ เอ๊ย โดม ปกรณ์ ลัม ว่า ยังไงก็ขอบใจ...)
เพราะหลังจากนั้น อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ค้นพบแนวทางการเล่นที่ลงตัวสำหรับทีมของเขา คอนเต้ ได้ปรับระบบการเล่นจาก 4-2-3-1 มาเป็น 3-4-3
หลังจากนั้นพวกเขาก็สร้างสถิติชนะรวด 13 เกมติดต่อกันพุ่งขึ้นไปรั้งจ่าฝูงของ พรีเมียร์ลีก อย่างสง่างาม แน่นอนว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ "สิงห์บลูส์" สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ปฏิเสธว่าการเปลี่ยนระบบการเล่นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ เชลซี มีสิทธิ์คว้าแชมป์ลีกฤดูกาลนี้ไปนอนกอดมากกว่าทีมอื่น ๆ
อาร์เซน่อล : แตนอาละวาด ทำ ปืนใหญ่ เป๋
ฤดูกาลนี้ของ อาร์เซน่อล ถือว่าน่าผิดหวัง และตอนนี้การจบท็อป 4 ดูจะไกลเกินเอื้อม อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องเจอกับหลายปัญหา และมีหลายสาเหตุ แม้ว่าหลังจากเดือนตุลาคม 2016 อาร์เซน่อล จะแพ้เพียงสามนัดจาก 21 นัด แต่จุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาแพ้คาบ้านให้กับ วัตฟอร์ด 1-2 ในวันที่ 10 มกราคม 2017...จ๊ากกกกกก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฟอร์มการเล่นของ อาร์เซน่อล ก็ขึ้น ๆ ลง ๆ พร้อมกับข่าวลือเรื่องการย้ายทีมของ 2 ซูเปอร์สตาร์อย่าง อเล็กซิส ซานเชซ และ เมซุต โอซิล ทุกอย่างก็ยิ่งแย่ลงไปอีก....
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ตู้มมมมมม...... เมื่อพวกเขาถูกเขี่ยตกรอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของ บาเยิร์น ด้วยสกอร์รวม 2 นัดที่เห็นแล้วอยากจะมุดลงดิน 10-2
งานนี้ทำให้บรรดาแฟนบอล "ปืนใหญ่" ต่างผิดหวังกับผลงานของทีมรักอย่างยิ่ง จึงมีการติดแฮชแท็ก #wengerout กันยกใหญ่ทั้งในสนาม และในโลกออนไลน์ ซึ่งทำให้น่าสนใจว่าฤดูกาลหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับ อาร์เซน่อล ?
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : แมนยู โดน แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เล่นงาน
แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดหัวได้สวยด้วยการชนะ 5 นัดแรกของฤดูกาล แต่ต้องมาสะดุดในเกมที่ถูก แมนฯ ซิตี้ บุกมาลูบคมถึงถิ่น 1-2 หลังจากนั้นพวกเขาก็เสียหลักไป 2 เกมติดรวมทุกรายการ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าการแพ้ วัตฟอร์ด 3-1 แค่เกมเดียวจะทำให้สัปดาห์นั้น "ปีศาจแดง" ร่วงไปอยู่ถึงอันดับ 7...(อันดับ ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง)
ถึงแม้จะคืนฟอร์มด้วยการถล่ม เลสเตอร์ 4-1 แต่มันทำให้พวกเขาขยับมาอยู่เพียงอันดับ 6 ซึ่งตอนนี้ ถึงแม้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเล่นกันได้อย่างลงตัวมากขึ้นโดยที่ไม่มีใครมาแล้ว 22 นัด แต่พวกเขาก็ขยับขึ้นมาได้เพียงอันดับ 5 (เพราะใน 22 นัดที่ไม่แพ้ แต่ก็หนักไปทาง เสมออออออ)
ระบบของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่พยายามสร้างให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นเพิ่งมาเข้าที่ช้าไปหน่อยหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเครื่องร้อนช้าไปหน่อย ทำให้ฤดูกาลนี้พวกเขาต้องลุ้นหนักในการจบท็อป 4 และการมองไปถึงแชมป์ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เพื่อให้ได้สิทธิ์ไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลน่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้มากกว่า