โลกโซเชียลหาทางออก คำสั่งห้ามประชาชนนั่งท้ายกระบะแบบขำๆ
“จากมาตรการบังคับใช้กฎหมาย กรณีผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่งในรถทุกประเภท ที่ทำการจดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก ตามคำสั่งกฎหมาย ม.44 กรณีรถกระบะแบบมีแคปว่า สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้หรือไม่ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ได้อธิบายและชี้แจงตรงกันว่า ไม่ใช่แค่ห้ามนั่งท้ายกระบะ แต่ตรงช่วงแคป ก็ห้ามนั่ง”
ทางด้าน พล.ต.ท.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวว่า จากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่ใช้รถ โดยกำหนดให้ผู้โดยสาร คนขับรถจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยทุกที่นั่ง ซึ่งในวันที่ 5 เม.ย. เป็นวันแรกที่จะเริ่มควบคุมบังคับใช้กฎหมายตามประกาศของคสช.ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ได้มอบแนวทางการปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ โดยให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งกับรถขนส่งสาธารณะ รถโดยสารและรถยนต์ทุกประเภทที่ฝ่าฝืนไม่รัดเข็มขัดนิรภัย หากพบว่าที่นั่งภายในรถจัดให้มีเข็มขัดแต่ประชาชนไม่รัดเข็มเข็ดนิรภัยก็จะต้องถูกปรับ 500 บาท ทันที
“ส่วนกรณีรถกระบะมีแคป ขณะนี้พบว่าประชาชนเกิดความสับสนว่า สามารถนั่งได้หรือไม่ พล.ต.ท.วิทยา ชี้แจงว่า ทางบช.น.ได้ถือปฏิบัติตามคำสั่งของสตช.คือ ห้ามรถกระบะมีแคปบรรทุกคนโดยเด็ดขาด หากพบเห็นจะดำเนินการปรับทันที เพราะในการจดทะเบียนของรถกระบะนั้น จะจดทะเบียนเป็นรถกระบะบรรทุกส่วนบุคคลไม่เกิน 7 นั่ง จะมีป้ายทะเบียนกำกับประเภทรถ เป็นป้ายสีขาวตัวอักษรสีเขียว ผู้ช่วยผบ.ตร. อธิบายว่า วัตถุประสงค์ของแคปคือ มีไว้เพื่อตั้งวางสิ่งของเท่านั้น ที่ผ่านมากลับมีการใช้บรรทุกคนจนเคยชิน ซึ่งแคปนั้นไม่มีอุปกรณ์สำหรับความปลอดภัยของผู้ที่นั่งอยู่ในแคป และไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนนั่งทั้งนี้ ในการจับปรับรถกระบะที่บรรทุกคนโดยสารในแคปนั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้จับปรับในข้อหาไม่รัดเข็มขัดนิรภัย แต่จะปรับในข้อหา ใช้รถยนต์ผิดประเภท ซึ่งถือว่าผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ 2522 มาตรา 21 ห้ามมิให้ผู้ใดใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนี้กรณีที่ให้ผู้โดยสารนั่งข้างหลังกระบะก็ถือว่ามีความผิดเช่นกัน”
ล่าสุดโลกโซเชียลได้โพสต์ภาพตัดต่อ ล้อเลียนนโยบายดังกล่าว เช่นการตักต่อภาพกระบรุ่นใหม่ โดยเอาท้ายรถออก รวมถึงการนั่งรถอย่างไรไม่ให้ถูกจับ