แชร์สนั่นโดนใจชาวเน็ต 'สารวัตรเอก' โพสท์เรื่องออกกฏหมายบังคับ'ห้ามนั่งท้ายกระบะ ' ชี้ควรฟังคนทุกระดับ
แชร์สนั่น ไลค์กระจาย สารวัตรเอก หุ่น ได้โพสท์ว่า “การออกกฎหมาย ไม่ควรก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับชีวิตคน ดังนั้นควรรับฟังเหตุผลของคนทุกระดับชั้น ว่าออกแบบไหนเขารับได้หรือออกแบบไหนเขาจะเดือดร้อน เพราะถ้าคนชั้นสูงและร่ำรวยออกกฎหมายจะคิดไม่ถึงถึงความลำบากของคนจน และถ้าออกโดยคนจนล้วนๆก็จะไม่รู้ถึงภาพกว้างในสังคมระดับใหญ่ ที่สำคัญการออกกฎหมายควรกำหนดเป้าหมายความต้องการให้ชัดเจนหลายๆด้านแล้วนำมาประชุมหารือสรุปว่าจะเอาด้านไหนที่เหมาะสมที่สุด
เช่น จะเอาเป็นผลประโยชน์ด้านทรัพย์สินเข้าส่วนรวม หรือจะเอาประโยชน์ด้านความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นหลัก เหมือนครั้งหนึ่งเคยบอกให้รวมๆกันไปรถคันเดียวหลายๆคนเพื่อนลดรถบนถนนจราจรจะได้ไม่ติดขัดและเป็นการประหยัดน้ำมันช่วยชาติ แต่ตอนนี้ห้ามนั่งรถเกินสี่คนต่อคันรวมถึงห้ามนั่งกระบะหลัง โดยมองถึงความปลอดภัย แต่ผมมองว่าความปลอดภัยน่าจะห้ามความเร็วมากกว่า เศรษฐกิจตอนนี้ควรผ่อนปรนกันแบบกลางๆจะมีความสุขกว่า ไว้เศรษฐกิจดีดีเมื่อไรค่อยทำก็ยังทัน ผมแค่แสดงความคิดเห็นส่วนตัวในฐานะประชาชนคนหนึ่งเองนะครับ!!”
ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊คทนายเกิดผล แก้วเกิดได้โพสท์แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า
อย่าว่าแต่ห้ามนั่งท้ายกระบะเลยครับ ถ้าเอาตามกฎหมายจริง ๆ รถกระบะมีแคป (ตอนครึ่ง ) ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว ตัวหนังสือสีเขียวก็จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล
ที่มีที่นั้งเพียง ตอนหน้า คือ ผู้โดยสาร กับคนขับ รวมกันได้ เพียง 2 คน
ไม่เหมือนรถกระบะ 4 ประตู ป้ายทะเบียนขาว ตัวหนังสือสีดำ ที่จดทะเบียนเป็น "รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง"
รถกระบะแคป ที่ไม่ระบุจำนวนที่นั่ง จึงต้องถือเอาตามที่นั่งจริง คือ 2 ที่นั่ง
ส่วนกระบะท้าย และ แคป ไม่ถือว่าเป็นที่นั่งผู้โดยสาร
ยิ่งรัฐบาล โดยหัวหน้า คสช.ประกาศบังคับใช้มาตรา 44 ห้ามนั่งกระบะท้าย หรือภายในแคป ตำรวจยิ่งตีปีก รับ!!!
ความจริงรถกระบะ ไม่ว่า 4 ประตู หรือ 2 ประตู + แคป ควรเป็นรถเอนกประสงค์ ตามเจตนาผู้ผลิต และผู้ซิ้อ
ถ้ารัฐบาลจะออกกฎหมายห้าม ก็ควรแก้กฎหมาย หรือกฎระเบียบอื่นๆ ให้สอดคล้องกับ กฎหมายและความเป็นจริง
ไม่ใช่ กรมการขนส่งออกระเบียบอย่างอื่น แต่หน่วยงานอื่น ออกระเบียบไม่สอดคล้อง
ตอนนี้กลายเป็นว่า รถกระบะมีแคป เป็นรถมีเวรกรรม
นั่งท้ายกระบะก็ไม่ได้ นั่งในแคป ก็ไม่ได้
สรุป นั่งได้ 2 คน เท่ารถมอเตอร์ไซด์
แต่เสียภาษี แพงกว่ามอเตอร์ไซด์ หลายเท่า
แม้แต่เบี้ยประกันภัย กรมการประกันภัยก็ไม่ได้ช่วยอะไร / บริษัทประกันภัย คิดเบี้ยประกันภัยเท่ากับคุ้มครองผู้โดยสาร 10 -12 คน ทั้งๆ ที่กฎหมาย ให้นั่งโดยสารได้ไม่เกิน 2 คน
รัฐเอาแต่ได้ คนจะตายคือประชาชน
ข้อคิดเห็นของประชาชน "กูรูรถยนต์ "พัฒนเดช" แนะ รัฐบาลอีก 1 กฏข้อบังคับว่าด้วยเรื่องคาดเข็มขัดนิรภัย โดย โพสท์ว่า
ท่านนายกครับ เรื่องเข็มขัดนิรภัยนั้นน่ะ ท่านโปรดฟังผมสักนิดเถอะครับให้ผู้ประกอบการเป็นผู้มีหน้าที่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยทุกตำแหน่งที่นั่ง แล้วใช้กฏหมายเดิมที่มีอยู่ คือ "บังคับ" คนขับและคนนั่งตอนหน้า ส่วนตำแหน่งอื่นๆนั้น "ผู้ใดต้องการใช้ก็มีเข็มขัดเตรียมไว้ให้" ผู้ใดสมัครใจตายก็ไม่ต้องใช้ช่างหัวมันท่านลองเทียบเคียงกับเครื่องบินนะครับ ก่อนเครื่องบินขึ้น เขาบังคับให้ทุกคนต้องคาดเข็มขัด แต่เมื่อเครื่องบินขึ้นแล้ว เขาไม่บังคับ "แต่มีคำแนะนำว่าควรคาดเข็มขัดตลอดเวลาที่นั่งอยู่ เพื่อความปลอดภัย"
ท่านจะเชื่อผมก็ได้ จะเชื่อคนรอบตัวท่านก็ได้ ประเทศนี้มีรถปิ๊คอัพวิ่งอยู่เกินครึ่งหนึ่งของรถทั้งหมดนะครับ สงกรานต์นี้ถ้าตำรวจทำหน้าที่เถรตรง คงจลาจลทั้งประเทศแน่ แล้วรถแห่พระพุทธรูปมาให้คนสรงน้ำ ที่เอาพระตั้งบนกระบะมีคนนั่งประคอง ทั้งคนประคองและพระพุทธรูปจะต้องโดนจับด้วยไหมครับ อย่าไปเทียบเคียงประเทศอื่นเลย ลักษณะการใช้รถและวิถีชีวิตมันต่างกันมาก ถ้าบังคับใช้จริงๆ สงกรานต์นี้จะมีรถทัวร์ รถโดยสารออกวิ่งพอรับส่งคนหรือไม่ครับลองนึกดูนะครับ
เชื่อผมก็ได้ ไม่เชื่อผมก็ได้ ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร ผมมีรถที่อยู่ในข่ายพอสำหรับครอบครัว มีจำนวนคันมากพอสำหรับเดินทางด้วยเช่นกัน ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมห่วงท่านมากกว่าครับ.......ไปละ วันนี้เหนื่อยมากพอแล้วครับ
ผมไม่อยากจะบอกกับท่านว่า ไอ้เข็มขัดแบบ "สองจุด" นั้นน่ะ "คาดก็พิการ ไม่คาดก็ตาย" ไม่ต้องไปบังคับหรอกครับ ถ้าจะเอากันจริงๆก็ต้องพูดกันถึงสามจุดแล้วครับ
ถกประเด็นกฏหมายห้ามนั่งท้ายกระบะ จากรายการถามตรงๆ แจงไม่ใช่ห้ามนั่งท้ายกระบะแค่ช่วงสงกรานต์ บังคับใช้ตลอดไป!