ทายสิประเทศไหน? ชอบกินปลากระป๋องไทย
ปลากระป๋องเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนไทยคุ้นเคย หาซื้อได้ง่าย สะดวกต่อการปรุง อีกทั้งสามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน แต่รู้ไหมว่านอกจากคนไทยแล้วชาวต่างชาติก็นิยมชมชอบกินปลากระป๋องของไทยเช่นกัน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศณ เมืองดูไบ รายงานว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)มีความต้องการบริโภคอาหารทะเลในปริมาณสูงมาก โดยเฉพาะปลากระป๋องซึ่งมีอัตราการนำเข้าขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นในแต่ละปี
แหล่งซื้อสำคัญอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอาทิไทย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย โดยผลผลิตที่ไทยผลิตได้มีจำนวนมากเกือบครึ่งหนึ่งของปลาทูน่ากระป๋องทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลกรัฐดูไบเป็นแหล่งที่ตั้งสำคัญของผู้นำเข้าปลากระป๋อง โดยมีปลาทูน่ากระป๋องเป็นสินค้ายอดนิยม
รองลงมาคือปลาซาร์ดีนกระป๋อง แล้วส่งออกต่อ (รี-เอ็กซ์ปอร์ต) ไปยังประเทศอื่น ๆ เช่น โซมาเลีย ซีเรีย เอริเทรีย ลิเบีย โอมาน อัฟกานิสถาน ศรีลังกา และออสเตรเลีย
ไทยส่งออกปลากระป๋องไปยูเออีระหว่างปี 2555 – 2557 เฉลี่ยปีละราว 63ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.9 การบริโภคอาหารทะเลของยูเออีเฉลี่ยอยู่ที่ 24 กิโลกรัมต่อคนต่อปีจึงเป็นที่คาดการณ์ว่ายูเออีจะมีการบริโภคอาหารทะเลเพิ่มขึ้นเป็น 9 แสนตันภายในปี2573 ขณะที่การทำประมงภายในยูเออีทำได้เพียง 7.5 หมื่นตันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19 ของการทำประมงในภูมิภาคนี้
ดังนั้นแนวโน้มตลาดจึงมีการเติบโตได้สูงมาก เนื่องจากอาหารกระป๋องเป็นที่ต้องการในการดำเนินชีวิตปัจจุบันที่มีความเร่งรีบ
และผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบาย
นางมาลี โชคล้ำเลิศอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในยูเออีและในกลุ่มประเทศคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (จีซีซี)เพื่อมองหาโอกาสในการส่งออก อาทิแนวโน้มความต้องการปลาทูน่าในน้ำเกลือจะเพิ่มขึ้นมากกว่าในน้ำมัน หรือกรณีใช้น้ำมันควรเป็นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจในคุณประโยชน์และตระหนักถึงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น
ฉลากบรรจุภัณฑ์ควรระบุข้อมูลโภชนาการ แหล่งผลิตรวมถึงคุณสมบัติเพิ่มเติมอื่นๆให้ชัดเจนเป็นภาษาอังกฤษและอารบิคเพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบการนำเข้าและเพื่อส่งเสริมการตลาดด้วย













