กลุ่มแท็กซี่ร้องคมนาคมให้หยุด Uber-Grab ชี้ผิดกฎหมายจงใจแย่งงาน Uber ประกาศยังไม่ยุติเผยไทยไม่มีกฎหมายเอง
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ ได้ยื่นหนังสือต่อนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อเรียกร้องขอให้ยุติบทบาทของ Uber Taxi และGrab car ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพผิดกฎหมาย และเป็นการจงใจแย่งงานและทำลายอุตสาหกรรมแท็กซี่ไทย ทั้งที่มีการต่อต้านในหลายประเทศทั่วโลก เพราะเป็นการนำรถบ้านหรือแท็กซี่ป้ายดำมาวิ่งให้บริการผู้โดยสาร
อีกทั้งการชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิต ซึ่งเป็นการนำเงินรายได้ที่ควรเป็นของคนไทยออกนอกประเทศและจ่ายกลับมาให้คนขับแท็กซี่ป้ายดำ โดยไม่เสียภาษี และไม่จดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้องในไทย
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า การทำแอพพลิเคชั่นเพื่อเรียกใช้บริการแท็กซี่สามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แต่ประเด็นที่ผิดกฎหมายคือ การนำแอพพลิเคชั่นไปใช้เรียกรถยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) เพื่อใช้รับจ้างขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ฐานใช้รถยนต์ผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้ ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด ผู้ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ไม่เคยผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม และไม่เข้าสู่ระบบทะเบียนของศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งหากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น ประชาชนจะไม่ได้รับ การคุ้มครองจากกฎหมาย
ร่างกฎกระทรวงป้องกันแท็กซี่ไทยผิดกฎหมาย
นายสนิท กล่าวว่าขณะนี้กรมฯได้จัดทำร่างกฎกระทรวง 2 ฉบับ ซึ่งจะเป็นการยกระดับบริการ กำหนดให้รถแท็กซี่ ติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ,กล้อง สแน็ปช็อต,มีปุ่มฉุกเฉิน รวมถึงจัดทำระบบเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือเพิ่มความสะดวก ป้องกันปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร การไม่เปิดมิเตอร์ ติดตามพฤติกรรมตลอดการให้บริการ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนส่งกระทรวงคมนาคมลงนามประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
ใช้เวลาศึกษา 6 เดือนถึง 1 ปีเรื่อง Ridesharing
ทางด้านนายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมแก้ปัญหารถอูเบอร์เมื่อวันที่ 20 มีนาคมว่า ที่ประชุมมีมติให้ศึกษาความเป็นไปได้และความเหมาะสมในการใช้ระบบบริการร่วมเดินทาง (Ridesharing) ของแอพพลิเคชันอูเบอร์ในประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับระบบดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาทำศึกษาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงสามารถสรุปผลได้
ทั้งนี้ ตอบไม่ได้ว่าผลการศึกษามีแนวโน้มจะเป็นอย่างไร เพราะ Ridesharing เป็นบริการใหม่ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศ แต่ถ้าผลการศึกษาสรุปว่าเหมาะสมก็อาจจะจัดให้เป็นบริการรูปแบบใหม่ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและออกมาตรการกำกับเพื่อให้ประโยชน์ตกอยู่กับประเทศ
“ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการศึกษา ก็ได้ขอให้อูเบอร์ให้หยุดการบริการ เพราะถ้าหากยังให้บริการจะทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากมากขึ้น ซึ่งอูเบอร์ได้รับปากในหลักการ” นายสมศักดิ์กล่าว
อูเบอร์บอกไม่ได้ตกลงว่าจะหยุดให้บริการ
นางเอมี่ กุลโรจน์ปัญญา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายรัฐสัมพันธ์สื่อสารองค์กร ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อูเบอร์ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐและอูเบอร์พูดคุยไปในทิศทางเดียวกัน คือมีข้อตกลงที่จะทำการศึกษาเพื่อพิจารณาประโยชน์จากบริการ Ridesharing
“อูเบอร์ได้ตกลงกับที่ประชุมเฉพาะเรื่องการศึกษาความเหมาะสมเท่านั้น แต่ไม่ได้รับปากที่จะยุติการให้บริการตามข้อเสนอของภาครัฐจะเปิดให้บริการตามต่อไป เพราะบริการของอูเบอร์ไม่ได้ผิดกฎหมาย เพียงแต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายรองรับ Ridesharing เท่านั้น อีกทั้งอูเบอร์ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนหลายแสนคนที่พึ่งพาระบบอูเบอร์อยู่”
ส่วนกรณีที่ผู้ขับอูเบอร์ถูกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ปรับเพราะกระทำผิดกฎหมาย และกรณีกลุ่มรถแดงใน จ.เชียงใหม่รวมตัวไล่ล่าผู้ขับอูเบอร์นั้น นางเอมี่ระบุว่าที่ผ่านมาอูเบอร์ได้ให้คำปรึกษากับผู้ขับและผู้โดยสารในประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว